สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม: วันพุธที่ 6 พฤษภาคม 2552

[สายน้ำ]

กรมอุตุนิยมวิทยา


สภาวะอากาศทั่วไป

พายุโซนร้อน“จันหอม”บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง เมื่อเวลา 05.00 น.วันนี้ (6 พ.ค.52)มีศูนย์กลางอยู่ห่างประมาณ 400 กิโลเมตรทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองนาตรัง ประเทศเวียดนาม หรือที่ละติจูด 13.5 องศาเหนือ ลองจิจูด 112.5 องศาตะวันออก มีความเร็วลมสูงสุดใกล้ศูนย์กลางประมาณ 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุนี้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ด้วยความเร็วประมาณ 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ลักษณะเช่นนี้ทำให้มีลมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน และเกิดแนวพัดสอบของลมตะวันตกและลมตะวันตกเฉียงใต้พาดผ่านภาคใต้ตอนล่าง เป็นผลให้ภาคใต้มีฝนตกมากกว่าภาคอื่นๆ ส่วนคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตรโดยเฉพาะบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง ขอให้ชาวเรือระมัดระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงในช่วงวันที่ 6-7 พฤษภาคม 2552 นี้ไว้ด้วย


กรุงเทพมหานครและปริมณฑล

มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณปริมณฑล  อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศา  ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.


คาดหมาย

ในช่วงวันที่ 5-6 พ.ค. พายุโซนร้อน “จันหอม” ยังคงอยู่บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลางใกล้ชายฝั่งประเทศเวียดนามส่งผลให้ลมตะวันออกพัดปกคลุมประเทศไทยตอนบน และเกิดแนวลมพัดสอบของลมตะวันตกกับลมตะวันตกเฉียงเหนือพัดปกคลุมภาคใต้ตอนล่าง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนน้อย โดยในภาคใต้มีฝนหนาแน่น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยตอนล่างและทะเลอันดามันโดยเฉพาะบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองจะมีกำลังแรง หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 7-11 พ.ค. พายุโซนร้อน “จันหอม” ที่อยู่บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลางจะเคลื่อนที่ไปทางทิศตะวันออกหรือมุ่งหน้าเข้าสู่ประเทศฟิลิปปินส์ส่งผลให้ลมตะวันตกเฉียงใต้พัดเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนเพิ่มขึ้น ส่วนภาคใต้โดยเฉพาะทางตอนล่างยังมีฝนต่อเนื่อง สำหรับคลื่นลมในอ่าวไทย ทางตอนล่างจะมีกำลังอ่อนลง


ข้อควรระวัง

สำหรับในช่วงวันที่ 5-6 พ.ค. ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ตอนล่างระวังอันตรายจากภาวะฝนตกหนัก ส่วนคลื่นลมอ่าวไทยตอนล่างและทะเลอันดามันมีกำลังแรงโดยเฉพาะในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือระวังอันตรายในการเดินเรือ

[สายน้ำ]

แนวหน้า


ดันสมุยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ แนะเกษตรกรผลิตสินค้าคุณภาพจูงใจนักท่องเที่ยว   

นายชาติชาย พุคยาภรณ์ รมช.เกษตรและสหกรณ์ เผยว่า จากการลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาการประกอบอาชีพการเกษตรของราษฎรในพื้นที่เกาะสมุย พบว่าเกษตรกรส่วนใหญ่ประสบปัญหาการขาดแคลนแหล่งน้ำ เพื่อการบริโภค อุปโภค และทำการเกษตร โดยพืชเศรษฐกิจหลักที่ทำรายได้ให้กับคนในชุมชน คือ มะพร้าว อย่างไรก็ตามจากปัญหาการขาดแคลนแหล่งน้ำ เจ้าหน้าที่การเกษตรได้เข้ามาส่งเสริมการปลูกพืชแซมที่ใช้น้ำน้อยให้กับเกษตรกร อาทิ สัปปะรด และมะละกอ ซึ่งสามารถสร้างรายได้เสริมให้กับเกษตรกรได้เป็นอย่างดี และเนื่องจากเกาะสมุยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศ นิยมมาเที่ยวชมแหล่งธรรมชาติทางทะเลเป็นจำนวนมาก

ดังนั้น จึงเป็นโอกาสที่ดีของคนในชุมชนที่จะพัฒนาสินค้าเกษตรเพื่อตอบสนองความต้องการบริโภคของนักท่องเที่ยว โดยผลิตสินค้าเกษตรทั้งพืชผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ รวมทั้งสินค้าประมง ที่ได้คุณภาพ ปลอดภัยจากสารเคมี และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรต่างๆ ซึ่งคนในชุมชนสามารถยึดเป็นอาชีพสร้างรายได้ที่ยั่งยืนควบคู่กับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลได้อย่างสมดุลอีกด้วย

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว ได้มอบนโยบายแก่หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้ร่วมผลักดันด้านการท่องเที่ยวร่วมกับภาคเอกชนเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ พร้อมทั้งอำนวยความสะดวกในด้านต่างๆในการส่งเสริมการท่องเที่ยว เพื่อให้เกาะสมุยเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติและเป็นแหล่งอนุรักษ์พันธุ์พืชพันธุ์สัตว์ทะเลที่สำคัญของประเทศไทยอย่างยั่งยืนต่อไป