สายน้ำ
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2007, 12:37:52 AM » |
|
ทำแผนป่าชายเลน 1.46 ล้านไร่ ตั้งเป้าปี 51 ปลูกเพิ่ม 4 พันไร่
นางนิศากร โฆษิตรัตน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เปิดเผยว่า ในปี 2551 กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งได้จัดทำแผนบริหารจัดการป่าชายเลนให้เป็นระบบและดำเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น มุ่งเน้นด้านการฟื้นฟูและคงไว้ซึ่งพื้นที่ป่าชายเลนของไทยทั้งหมดทั่วประเทศเพื่อสนองพระราชเสาวนีย์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ที่ต้องการให้ภาครัฐเร่งรักษาพื้นที่ป่าชายเลนที่เหลืออยู่ให้มีความสมบูรณ์มากที่สุด ซึ่งจากการสำรวจล่าสุด ไทยมีพื้นที่ป่าชายเลนเหลือ 1.46 ล้านไร่ จากเดิมที่มีกว่า 2 ล้านไร่ ป่าชายเลนเป็นเสมือนกำแพงธรรม ชาติที่จะช่วยป้องกันและลดปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งได้เป็นอย่างดี นอกจากนั้นยังเป็นแหล่ง อนุบาลสัตว์น้ำวัยอ่อน สร้างระบบนิเวศชายฝั่ง ที่สมบูรณ์ ในขณะเดียวกันประชาชนยังได้ใช้ประโยชน์จากป่าชายเลน ทั้งเก็บไม้เผาเป็นถ่านสร้างรายได้ เป็นแหล่งสมุนไพรธรรมชาติ อีกทั้งไม้ป่าชายเลนยังช่วยดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาโลกร้อนได้มากกว่าไม้บกถึง 30% ดังนั้น จึงขอเชิญชวนให้คนไทยช่วยกันดูแลและรักษาพื้นที่ป่าชายเลนของไทยทั้งหมด 1.46 ล้านไร่ให้คงอยู่อย่างสมบูรณ์ต่อไป อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าว
จาก : เดลินิวส์ วันที่ 13 พฤศจิกายน 2550
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
|
|
แม่หอย
|
|
« ตอบ #18 เมื่อ: พฤศจิกายน 29, 2007, 01:25:25 AM » |
|
ว่าจะติดตามอ่านเฉยๆ แต่วันนี้อดไม่ได้ ต้องขออนุญาตแจมนิดนึงนะคะ.. ชอบบทความของคุณปิ่น บุตรี เรื่องนี้มากเลย ถูกใจ โดนใจมาก เรื่อง องค์กรท้องถิ่นพากลุ่มผู้ใหญ่ไปดูงาน แล้วมักเป็นสภาพอย่างที่บทความว่าไว้ไม่มีผิด ไม่ว่าจะไปไหน ให้ไปศึกษาอะไรที่เป็นความรู้ ก็มักจะออกอาการแบบนั้นให้คนเห็นแล้วกลุ้มใจอยู่บ่อยๆ เว้นเสียแต่พาไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามยอดฮิต ก็จะเฮฮาหน้าชื่น.. แต่เวลาองค์กรท้องถิ่นจะพาไปทัศนศึกษาก็ต้องจัดโปรแกรมเชิดชูสติปัญญาไว้ด้วย เพราะล้วนใช้งบประมาณของแผ่นดินส่วนหนึ่งในการพาไป จะบอกว่าไปเที่ยวเฉยๆ ก็คงจะอนุมัติงบลำบาก ต้องบอกว่าไปศึกษาดูงาน .. แล้วผลก็เป็นเช่นที่บทความว่าไว้ แบบคล้ายๆ กันนี้เจอบ่อยค่ะ เจอบ่อย.. นอกจากโดนใจแล้ว บทความนี้ทำให้รู้สึกเสียดาย ที่เคยไปคุ้งกระเบนแต่ยังไม่เคยแวะไปเดินทัศนศึกษาป่าชายเลนแหล่งใหญ่ที่นั่นเลยสักที .. ทั้งๆ ที่ชอบป่าชายเลนมาก และเฝ้าเดินดูปลาตีนอยู่แต่ที่ป่าชายเลนน้อยๆ ของคลองวาฬหลายครั้งหลายหน .. ไว้เราคงต้องหาโอกาสไปดูอนุสาวรีย์หมูดุดที่ป่าชายเลนคุ้งกระเบนบ้างแล้วนะคะ ..
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
สายชล
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 8186
Saaychol
|
|
« ตอบ #19 เมื่อ: พฤศจิกายน 29, 2007, 03:34:46 AM » |
|
หุๆ...ชอบใจที่แม่หอยเล่าให้ฟังเหมือนกันค่ะ....
เสียดายเงินของแผ่นดินที่เรามีส่วนช่วยกันหามาเพิ่มเติมให้.....ต้องมาเสียไปเพราะความเห็นแก่ได้เห็นแก่มีของคนบางกลุ่มบางพวกนะคะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
Saaychol
|
|
|
|
Mr.can
ได้2ดาวแล้วพยายามอีกหน่อยจะได้สอย3ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 57
|
|
« ตอบ #21 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 06, 2008, 08:01:06 AM » |
|
ไม่ได้ไปแต่สวน(คนเดียว)นะครับ งานแบบนี้ ครอบครัวสุขสันต์ ลูก เมีย หลาน ไปกันเป็นคณะ แต่อย่าว่าเขาเลย แค่ในประเทศเอง เที่ยว..เอ้ย..ดูงานต่างประเทศเป็นครอบครัว ก็ยังมี
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
สายน้ำ
|
|
« ตอบ #24 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 17, 2008, 01:01:54 AM » |
|
10 ปี กับพื้นที่ชุ่มน้ำไทย ที่ต้องตระหนักและรักษาให้คงอยู่
จากจุดเริ่มต้นเมื่อวันที่ 13 กันยายน พ.ศ.2541 ประเทศไทยได้เข้าเป็นภาคีอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ (Ramsar) ลำดับที่ 110 และในครั้งนั้นไทยได้เสนอพื้นที่ชุ่มน้ำพรุควนขี้เสี้ยน ในบริเวณห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย จ.พัทลุง เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ (Ramsar Site) แห่งแรกของประเทศไทย เป็นเวลากว่า 10 ปีที่ไทยเข้าสู่ระบบสากลของการพิทักษ์ดูแล Wet Land
เมื่อเร็วๆ นี้ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่องพื้นที่ชุ่มน้ำสมบูรณ์ดี ชีวีมีสุข เพื่อระลึกถึงความสำคัญและความเป็นมาของพื้นที่ชุ่มในประเทศไทย รวมไปถึงหาแนวทางการส่งเสริมอนุรักษ์ และจัดสรรการใช้ประโยชน์พื้นที่ชุ่มน้ำของประเทศในอนาคตอย่างชาญฉลาดให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เนื่องจากพื้นที่ชุ่มน้ำมีความสำคัญกับมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ในการดำรงชีวิต ไม่ว่าจะเป็นด้านนิเวศวิทยา พฤกษศาสตร์ สังคมศาสตร์ ชลชีววิทยา และอุทกวิทยา
ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ไทยได้มีการขึ้นทะเบียนพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ ระดับชาติ และระดับท้องถิ่นของประเทศ จวบจนปี 2551 ประเทศไทยมีพื้นที่ชุ่มน้ำกว่า 42,653 แห่ง แบ่งเป็นระดับแม่น้ำ ลำธาร ลำคลอง ลำห้วย 25,008 แห่ง ทะเลเสาบ บึง อ่างเก็บน้ำ 14,128 แห่ง หนองน้ำหรือที่ลุ่ม 1,993 แห่ง ทะเล หรือชายฝั่งและปากแม่น้ำ 1,256 แห่ง ยังไม่ได้จำแนกอีก 268 แห่ง ต่อมาในปี 2543 คณะรัฐมนตรีมีความเห็นชอบในทะเบียนรายนามพื้นที่ชุ่มน้ำ ที่มีความสำคัญระดับนานาชาติและระดับชาติ โดยออกมาตรการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ
ในปี 2544 พื้นที่ชุ่มน้ำของไทยขึ้นทะเบียนเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ (แรมซาร์ไซต์) อีก 9 แห่ง พร้อมเป็นเจ้าภาพจัดประชุมในเรื่องพื้นที่ชุ่มน้ำในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียตะวันออก ปี 2545 ดำเนินโครงการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ชุ่มน้ำลุ่มน้ำโขงอย่างยั่งยืน ร่วมกับกัมพูชา ลาว เวียดนาม โดยไทยเลือกพื้นที่ชุ่มน้ำสงครามเป็นพื้นที่ดำเนินงาน และเข้าร่วมประชุมสมัชชาภาคีแรมซาร์ สมัยที่ 8
ปี 2546 จัดทำแผนการจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำ โดยผนวกไว้ในนโยบาย มาตรการ และแผนการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างยั่งยืน พ.ศ.2546-2550 ปี ต่อมาในปี 2547 เริ่มจัดหลักสูตรการเรียนการสอนด้านพื้นที่ชุ่มน้ำ ใน รร.จ.เชียงราย พังงา และตรัง และจัดทำแผนยุทธศาสตร์การจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำ จัดทำแผนการจัดการพื้นที่ชุ่มน้ำในแรมซาร์ไซต์ 4 แห่ง ส่วนปี 2548 ได้เข้าร่วมการประชุมสมัชชาภาคีแรมซาร์ สมัยที่ 9 และได้รับคัดเลือกเป็นผู้แทนของภูมิภาคเอชีย ในคณะกรรมการบริหารของอนุสัญญาว่าด้วยพื้นที่ชุ่มน้ำ
และในปี 2551 พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จ.ประจวบคีรีขันธ์ ได้ขึ้นทะเบียนเป็นแรมซาร์ไซต์ระดับนานาชาติ แห่งที่ 11 ของประเทศไทย พร้อมเตรียมเสนอให้กุดทิง จ.หนองคาย บึงบอระเพ็ด จ.นครสวรรค์ และเกาะระ-เกาะพระทอง จ.พังงา เป็นแรมซาร์ไซต์ที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ ส่วนบึงสำนักใหญ่ จ.ระยอง พรุแม่รำพึง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับชาติ
พื้นที่ชุ่มน้ำทุกแห่งในโลก จัดว่าเป็นแหล่งน้ำสำคัญในการดำรงชีวิตของทุกหมู่สรรพสัตว์ โดยเฉพาะพื้นที่ชุ่มน้ำที่เป็นแหล่งน้ำจืดที่มีความสำคัญมาก เนื่องจากน้ำจืดบนโลกไม่ได้ถูกแบ่งปันอย่างเท่าเทียมทุกพื้นที่หรือตลอดปี หรือตามการกระจายตัวของประชากร แต่พื้นที่ชุ่มน้ำจืดมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งที่ทำให้น้ำหมุนเวียนได้ตามธรรมชาติ ทำหน้าที่รองรับและเก็บกักน้ำฝนและหิมะ ให้น้ำแก่แหล่งน้ำ เก็บกักตะกอนทำให้น้ำบริสุทธิ์ รักษาสมดุลของระดับน้ำใต้ดิน ควบคุมการไหลของน้ำและป้องกันน้ำท่วม รวมไปถึงช่วยกักเก็บตะกอน สะสมธาตุอาหาร และดูดซับสารพิษ
พื้นที่ชุ่มน้ำของไทยก็เหมือนกับพื้นที่ชุ่มน้ำอื่นๆ ที่ถูกบุกรุกด้วยกิจกรรมของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายเทน้ำออกจากพื้นที่ชุ่มน้ำ ทำลายพืชพรรณจนก่อเกิดมลพิษในพื้นที่ สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้ความสามารถของพื้นที่ชุ่มน้ำในการผลิตน้ำสะอาดเพื่อตอบสนองความต้องการของประชากรที่เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าลดลง
บนเวทีการประชุมเรื่องพื้นที่ชุ่มน้ำในที่จัดโดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นอีกหนึ่งการรณรงค์ให้ทุกคนในประเทศตระหนักในความสำคัญของพื้นที่ชุ่มน้ำ การไม่ดูแลรักษาพื้นที่ชุ่มน้ำในวันนี้อาจส่งผลร้ายแรงต่อพวกเราในอนาคตได้.
จาก : ไทยโพสต์ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2551
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
สรรพสิ่ง
ตอบกระทู้เยอะ ๆ จะได้ 2 ดาว
ออฟไลน์
กระทู้: 1
|
|
« ตอบ #25 เมื่อ: มีนาคม 05, 2008, 11:12:13 AM » |
|
สวัสดีครับ ผมอายุ 18 ปี ผมเป็นว่าที่นายกสมาคม สมาคมหนึ่ง (กำลังร่างโครงการและก่อตั้งสมาคมอยู่ครับ) สมาคมของผมมีวัตถุประสงค์ด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ตอนนี้กำลังหาเครือข่าย ซึ่งกำลังเล็งกลุ่มแนวร่วมอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติ ป่าไม้ บริเวรจังหวัดชายฝั่งภาคใต้อ่าวไทยครับ (กลุ่มแนวร่วมปลูกป่าโกงกางและพื้นที่โครงการฟื้นฟูป่าครับ) ตอนนี้มีกำลังและพันธมิตรมากมายพอควรแล้ว ขาดอยู่บ้างก็ข้อมูลน่ะครับ ใคร่อยากจะเรียนถามว่า มีศูนย์เพาะพันธุ์ต้นโกงกางสำหรับนำไปปลูกที่ไหนบ้างครับ ที่อยู่ล่ะ แล้วเบอร์โทรศัพท์ล่ะ องค์กรของรัฐหรือชุมชนที่เราสามารถติดต่อขอต้นโกงกางไปปลูกได้น่ะครับ ขอบพระคุณอย่างสูง ส่งทางเมล์ครับ gooham_tr@hotmail.comเว็บไซน์ยังไม่มียังอยู่ระหว่างดำเนินการขอจัดตั้ง ขอบพระคุณอีกครั้ง....
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
สายน้ำ
|
|
« ตอบ #26 เมื่อ: มีนาคม 05, 2008, 11:40:31 AM » |
|
ลองเข้าไปหาข้อมูลและเบอร์โทรศัพท์จากเว็บไซท์ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ กรมป่าไม้ ได้เลยครับ ทั้ง 2 กระทรวงมีหน่วยงานเฉพาะที่ทำหน้าที่ทั้งดูแลป่าชายเลน และเพาะกล้าไม้ชายเลน รวมทั้ง ดูแลพื้นที่ปลูกป่าในโครงการตามพระราชดำริฯ ด้วยครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
|
|
|
|
|
|
|