เอามาจาก
http://www.siamscubadiving.com/board/view.php?tid=2472&cat=&PHPSESSID=33ff3b0428518878141bd9e3e9163b90เค้ารายงานว่า
เมื่อวันศุกร์ที่ 7 กันยายน ที่ผ่านมา ได้มีการประชุม ของกรมอุทยาน ที่
ห้องประชุมศูนย์ดำน้ำ อุทยานแห่งชาติสิรินาถ (หาดในยาง) สาระการประชุมสรุปได้สังเขปดังนี้
1/ กองหินริเชลิว กรมอุทยานได้ประกาศ ผวกเข้าเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติหมู่
เกาะสุรินทร์ เรียบร้อยแล้ว
2/ กำหนดช่วงเวลาการปิดอุทยานเพื่อให้ธรรมชาติฟื้นตัว ยังคงเดิม
คือ ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม จนถึง 15 พฤศจิกายนของทุกปี
จากผลสรุปการประชุมครั้งนี้ ได้ส่งผลในทางปฏิบัติ ต่อนักดำน้ำและผู้ประกอบการ
ให้บริการท่องเที่ยวดำน้ำ ดังนี้
1/ นักดำน้ำ จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการเข้าอุทยาน 2 ครั้ง คือ
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ครอบคลุมพื้นที่ เกาะสิมิลัน เกาะตาชัย และเกาะบอน
อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ ที่ปัจจุบันครอบคลุมพื้นที่กองหินริเชลิวด้วย
2/ ผู้ให้บริการท่องเที่ยวดำน้ำ ทั้งเรือ ใหญ่และเรือเล็ก จะไม่สามารถนำนักท่องเที่ยวเข้า
ไปดำน้ำให้พื้นที่ของอุทยานแห่งชาติทั้งสองแห่งได้หากช่วงนั้นยังเป็นช่วงที่ปิด
อุทยานให้ธรรมชาติฟื้นตัว ระหว่างวันที่ 15 พ.ค.-15 พ.ย.
อนึ่ง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการเรือท่องเที่ยวดำน้ำ จะเริ่มต้อนดำน้ำกันตั้งแต่
ช่วงต้นเดือนตุลาคมของทุกปี ดังนั้น ค่าธรรมเนียม ที่นักท่องเที่ยวได้จ่ายให้กับอุทยานนั้น
จะไม่สารมารออกใบเสร็จรับเงินเป็นค่าธรรมเนียมการเข้าอุทยานได้ จึง ออกให้เป็นใบเสร็จรับเงินค่าปรับการกระธรรมที่ผิดต่อระเบียบการเข้าอุทยานเท่านั้น
ในการนี้ ผู้ประกอบการดำน้ำที่เข้าร่วมประชุมได้เสนอแนะว่า น่าจะมีการเปลี่ยนช่วงเวลา
ของการปิดอุทยานบ้าง โดยให้เริ่มเปิดให้เข้าตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน หรือ 1 ตุลาคม
เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการด้านการท่องเที่ยวดำน้ำ และเป็นการป้องกันการทุจริต
ของเจ้าหน้าที่อุทยานในการจัดเก็บรายได้ของรัฐด้วย เพราะที่ผ่านมานักท่องเที่ยวที่เข้ามาท่องเที่ยวในเขตอุทยานในช่วงเดือนตุลาคม ยังเข้าใจผิดว่าเป็นค่าธรรมเนียม ซึ่ง
แท้ที่จริงแล้วเป็นค่าปรับ
ในที่ประชุมยังมีการเสนอแนะว่า กรมอุทยานควรจะมีการประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวดำน้ำทราบถึงการจัดเก็บค่าธรรมเนียม ที่จะมีขึ้นต่อไปในอนาคต และมีการประชาสัมพันธ์การใช้จ่ายเงินค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน ค่าธรรมเนียมการดำน้ำ ว่านำไปใช้ในการอนุรักษ์สภาพสิ่งแวดล้อมอย่างไรบ้าง
ในส่วนของผู้ประกอบการท่องเที่ยวดำน้ำ ได้มีการหารือกันนอกรอบว่า ในส่วนค่าธรรมเนียมการเข้าอุทยาน และค่าธรรมเนียมการดำน้ำ นั้นน่าจะเป็นหน้าที่และสามัญสำนึกของนักดำน้ำทุกท่านที่จะต้องช่วยกันโดยกรมอุทยานที่จัดเก็บรายได้ไปแล้วนั้น
น่าจะต้องมีโครงการเพื่อการอนุรักษ์ที่เป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้นโดยความร่วมมือกันจากหลายฝ่ายอย่างจริงจังและจริงใจ