กระดานข่าว Save Our Sea.net
พฤศจิกายน 13, 2025, 05:20:45 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ธุรกิจ ทางน้ำทะเลสาบ บูมหนัก ผวากระทบ ฝูงปลาโลมาอิรวดี  (อ่าน 3114 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: กันยายน 12, 2007, 01:12:40 AM »


ธุรกิจ ทางน้ำทะเลสาบ บูมหนัก ผวากระทบ ฝูงปลาโลมาอิรวดี

      พัทลุง/ ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า ธุรกิจการท่องเที่ยวทางน้ำทะเลสาบสงขลาทางเรือแพ ค่อนข้างขยายตัวมากมาตั้งแต่ปลายปี 2549 จนถึงขณะนี้ โดยในปีที่แล้วมีเรือแพจำนวน 2 ลำ แล้วในต้นปี 2550 มีการขยายตัวลงทุนสร้างเพิ่มขึ้นอีก 4 ลำ ซึ่งแต่ละลำเป็นเรือขนาดใหญ่ใช้เครื่องขนาดใหญ่ส่งเสียงดัง และเรือจุขนาด 40-100 คน เป็นเรือแพ 2 ชั้น ภายในเรือยังมีสถานบันเทิง เช่น ร้านอาหาร แหล่งบันเทิง เช่น ดิสโก้เธค แหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยม ชมเกาะรังนก เกาะ 4 และเกาะ 5 และแหล่งปลาโลมาอิรวดี โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจะแห่ท่องเที่ยวในวัดหยุดราชการ วัดหยุดสุดสัปดาห์ และช่วงเทศกาลต่างๆ มากมาย

      นายสุพจน์ จันทราภรณ์ศิลป์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง กล่าวว่า การขยายตัวทางธุรกิจการท่องเที่ยวทางทะเลสาบสงขลา โดยใช้เรือแพขนาดใหญ่เดินทางท่องเที่ยวทางทะเลสาบจะส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของปลาโลมาอิรวดีอย่างเลี่ยงไม่พ้น เพราะจากเสียงเครื่องเรือขนาดใหญ่จะรบกวน ทำให้ปลาโลมาหลบซ่อนลงใต้หมด แล้วอนาคตก็จะไม่คุ้นเคยกับคน ต่อไปสามารถจะหาดูปลาโลมาได้ยาก ทางศูนย์ฯ มีความพยายามให้ปลาโลมา มีความคุ้นเคยกับคนมากที่สุด เพื่อจะได้ดูชมและจะเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวทางทะเลได้มาก จึงได้จัดทำแผนวางมาตรการป้องกันปลาโลมา กำหนดเขตปกครองปลาโลมาขึ้น โดยที่อยู่อาศัยมีประมาณ 100 ตารางกิโลเมตร พื้นที่ห่างจากฝั่ง จ.พัทลุง จ.สงขลา 5 กิโลเมตร มีการวางทุ่น 100 ลูก ไว้ในเขตพื้นที่ในปลายเดือนกันยายน 2550 นี้ โดยให้ชุมชนในพื้นที่วางมาตรการดูแลปลาโลมากันเอง ส่วนระเบียบการก็ร่างเสร็จแล้ว โดยจะออกประกาศของจังหวัดให้เป็นเขตอนุรักษ์

      นายสุพจน์ ยังกล่าวอีกว่า ในปี 2550 ตั้งแต่ตุลาคม 2549 จนถึงกันยายนนี้ ปลาโลมาอิรวดี ได้สูญเสียชีวิตไปแล้วถึง 11 ตัว จากที่มีอยู่ประมาณ 25-30 ตัว ถือว่าสูญเสียมากที่สุด ถือว่าสัญญาณอันตรายมากอีก 3 ปีข้างหน้า เพราะเกินเป้าหมายของการสูญเสีย ที่ตั้งเป้าไว้ปีละ 5 ตัว  ขณะนี้ยังไม่ได้สำรวจว่าเหลืออยู่เท่าไหร่ และปลาโลมาอิรวดี จะคลอดเพิ่มขึ้นบ้างหรือไม่ สาเหตุที่ปลาโลมาสูญเสียจำนวนมาก เนื่องจากไปติดอวนปลาบึกของชาวประมง ปลาบึกตัวขนาดใหญ่มาก บางตัวถึง 50 กิโลกรัม ขณะนี้ทางกรมประมง ได้ยุติการปล่อยปลาบึกลงสู่ทะเลสาบแล้ว



จาก            :          บ้านเมือง    วันที่ 12 กันยายน  2550
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
WayfarinG
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2388



« ตอบ #1 เมื่อ: กันยายน 12, 2007, 04:39:19 PM »

จำไม่ได้ว่าอ่านข่าวหรือดูข่าวที่ไหนซักแห่ง เค้าว่าปลาโลมาที่อยู่ในแม่น้ำที่เมืองจีน สูญพันธุ์ไปแล้ว เนื่องจากมลพิษทางน้ำ..
บันทึกการเข้า

If you reject the food, ignore the customs, fear the religion and avoid the people, you might better stay home.  -- > James Michener
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #2 เมื่อ: กันยายน 15, 2007, 01:19:38 AM »


ทส.สั่งตรวจท่าเรือท้องเนียน หวั่นมีผลกระทบโลมาสีชมพู


ทส.ประสานคมนาคม ตรวจสอบการสร้างท่าเทียบเรือในพื้นที่ อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช หวั่นกระทบแหล่งอาศัยของฝูง “โลมาสีชมพู” ขณะที่ “โลมาอิระวดี” ในทะเลสาบสงขลาลดฮวบ

นายเกษม สนิทวงศ์ ณ อยุธยา รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ทส.ได้เตรียมเสนอให้กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี กระทรวงคมนาคม เร่งตรวจสอบการก่อสร้างท่าเทียบเรือเอกชนบริเวณอ่าวท้องเนียน อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช เนื่องจากที่ผ่านมาทราบว่าทางจังหวัดได้สั่งระงับการก่อสร้างท่าเรือดังกล่าวแล้ว แต่บริษัทเอกชนยังฝ่าฝืนและไม่หยุดก่อสร้าง ซึ่งหากมีท่าเทียบเรือเกิดขึ้น จะส่งผลกระทบต่อบริเวณรอบเกาะท่าไร่ ซึ่งเป็นแหล่งอาศัยของฝูงโลมาสีชมพูหรือโลมาหลังโหนกกว่า 40 ตัว และยังจะทำลายแหล่งหญ้าทะเลที่อุดมสมบูรณ์กว่า 75 ไร่ด้วย

นอกจากนี้ ยังได้เตรียมส่งเจ้าหน้าที่สำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่อ.ขนอมเพื่อศึกษาข้อมูลให้ชัดเจนว่า มีพื้นที่ใดบ้างที่ต้องประกาศให้เป็นเขตคุ้มครอง โดยเฉพาะบริเวณอ่าวท้องเนียน รอบเกาะท่าไร่ และแหลมประทับ เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์โลมาสีชมพู ซึ่งเป็นสัตว์ทะเลหายากและใกล้สูญพันธุ์ ถือเป็นพื้นที่เปราะบางที่น่าเป็นห่วง หากไม่มีการวางแผนและบริหารจัดการการท่องเที่ยวอย่างเป็นระบบ อนาคตเชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อโลมาสีชมพูฝูงนี้ รวมถึงวิถีชีวิตประมงพื้นบ้านและระบบนิเวศน์ทางทะเลอย่างแน่นอน

ด้านนายสุพจน์ จันทราภรณ์ศิลป์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กล่าวว่า นอกจากอนุรักษ์โลมาสีชมพู ในพื้นที่อำเภอขนอมแล้ว ทช.ยังเร่งปกป้องโลมาอิระวดีที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบสงขลาด้วย เนื่องจากโลมาอิระวดีในทะเลสาบสงขลาได้ลดจำนวนลงอย่างเห็นได้ชัด สาเหตุส่วนใหญ่พบติดอวนกลัดปลาบึกของชาวประมง โดยปี 2550 นี้ ตายไปแล้ว 11 ตัว ซึ่งปกติอัตราสูญเสียไม่ควรเกิน 4-5 ตัวต่อปี แต่ขณะนี้เหลืออยู่ไม่เกิน 18 ตัว ในบริเวณทะเลสาบสงขลา ซึ่งเข้าขั้นวิกฤติและน่าเป็นห่วงมากอีกจุดหนึ่ง เบื้องต้น ทช.ได้ร่วมกับชุมชนเร่งจัดวางทุ่นลอย จำนวน 100 ทุ่น ครอบคลุมรัศมี 100 ตารางกิโลเมตร เพื่อเป็นแนวเขตอาศัยของโลมาอิระวดี




จาก      :         กรุงเทพธุรกิจ    วันที่ 14 กันยายน 2550
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
maemoonam
ตอบกระทู้เยอะ ๆ จะได้ 2 ดาว
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8


« ตอบ #3 เมื่อ: ตุลาคม 02, 2007, 06:11:48 AM »

โลมาน้ำจืดที่เมืองจีน หรือที่เรียกว่า Yangtze dolphin or Baiji นั้น หะแรกก็มีการบอกเล่าว่าสูญพันธุ์แล้ว..... แต่ข่าวล่ามาหมาด....ว่ามีชาวบ้านถายภาพเจ้าตัวนี้ได้..... ยังมีคะ...แต่ไม่ได้บอกไว่ว่าน้อยขนาดไหน....ในว่าตั้งแต่ปี 1997 เจอแค่ 13 ตัว (แหล่งข่าวไม่ยืนยันว่าเจอเป็นหรือตาย)
บันทึกการเข้า
แม่หอย
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1404



« ตอบ #4 เมื่อ: ตุลาคม 02, 2007, 06:45:01 AM »

  ดีใจที่ได้ข่าวจากเจ้าแม่สัตว์ใกล้สูญพันธุ์ .. หาทางเข้าบ้านได้แล้วเหรอจ๊ะ..แม่หมูน้ำ แฟนคลับคิดถึงแทบแย่..

เอาใจช่วยเรื่องอนุรักษ์แหล่งอาศัยของโลมาทั้งหลายด้วยค่ะ.. น่ากลุ้มใจจัง มนุษย์มีแต่ก่อโน่นสร้างนี่โดยไม่คำนึงถึงสัตว์ร่วมโลกหรือเจ้าถิ่นที่เขาอยู่อาศัยมาก่อนเลย..
บันทึกการเข้า
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.028 วินาที กับ 21 คำสั่ง