จับปลาสวยงามกลางทะเลภูเก็ต

[สายน้ำ]

รวบ 4 ผู้ต้องหาลอบจับปลาสวยงามกลางทะเลภูเก็ต

 

ดอกไม้ทะเลสีสันสดใสสวยงาม เป็นที่ต้องการของตลาดมืด


ปลาการ์ตูนบางส่วนจากทั้งหมด 415 ตัว

  ศูนย์ข่าวภูเก็ต - เจ้าหน้าที่ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4 ภูเก็ต สนธิกำลังตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ ล้อมจับ 4 ผู้ต้องหาลอบจับปลาสวยงาม-ดอกไม้ทะเล กลางทะเลภูเก็ต หลังสืบทราบเตรียมนำขึ้นฝั่งส่งนายทุนขายต่อที่กรุงเทพฯ ได้ของกลางดอกไม้ทะเล 98 ดอก ปลาการ์ตูน 415 ตัว
       
       วkนนี้ (29 ก.ย.) เมื่อเวลา 19.30 น. นายไพทูล แพนชัยภูมิ เจ้าหน้าที่บริหารงาน 6 หัวหน้าศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล และชายฝั่งที่ 4 ภูเก็ต พร้อมด้วย ด.ต.สิงหเนตร คุ้มอักษร ผบ.หมู่ กก.3 บก.ปทส. กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ นำกำลังเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งสกัดจับเรือประมง 1 ลำ บริเวณปลายแหลมพันวา ต.วิชิต อ.เมือง จ.ภูเก็ต
       
       หลังสืบทราบว่า เรือลำดังกล่าวลักลอบจับ และกำลังนำปลาสวยงามกลับขึ้นฝั่ง เพื่อส่งต่อให้นายหน้าชาวไทย เพื่อส่งไปขายต่อให้พ่อค้ารายใหญ่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร โดยเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวผู้ต้องหาได้ 4 คน ประกอบด้วย นายอีด หาดทรายโทง อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 60 ม.2 ต.ราไวย อ.เมือง จ.ภูเก็ต,นายดำ บางจาก อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 123/2 ม.2 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต
       
       นายแหน่ง รักษ์เกาะ อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 111 ม.2 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต และนายยงยุทธ สารภี อายุ 18 ปี ชาวจังหวัดกระบี่ พร้อมของกลางปลาการ์ตูนส้ม-ขาว (Amphiprion ocellaris) จำนวน 415 ตัว ดอกไม้ทะเล (Heteractis magnifica) จำนวน 98 ดอก และเรือหางยาวอีก 1 ลำ
       
       สอบสวนเบื้องต้นผู้ต้องหาทั้งหมดให้การรับสารภาพว่า ได้รับออร์เดอร์มาจากพ่อค้าชาวไทยไม่ทราบชื่อ และนามสกุล ในพื้นที่ตำบลราไวย์ ต้องการได้ปลาสวยงาม จำพวก ปลาการ์ตูน และดอกไม้ทะเล จำนวนมาก
       
       โดยนายอีด เล่าว่า ออกเรือไปดักจับปลาสวยงามครั้งละ 4-5 วัน ส่วนใหญ่จะไปจับบริเวณเกาะยาว จ.พังงา เนื่องจากระบบนิเวศยังสมบูรณ์มีปลาสวยงาม และดอกไม้ทะเลอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อได้มาจะจำหน่ายให้พ่อค้า ปลาการ์ตูนตัวละ 10 บาท ส่วนดอกไม้ทะเลดอกละ 20 บาท มีรายได้หลังหักค่าน้ำมันเรือแล้วประมาณ 6,000-7,000 บาท
       
       เบื้องต้นเจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหา “มีไว้ในครอบครองซึ่งสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามบัญชีสัตว์ป่าคุ้มครองไม่มีกระดูกสันหลังลำดับที่ 3” ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
       
       นายไพทูล กล่าวว่า จากการสืบทราบของเจ้าหน้าที่ทราบว่า ขณะนี้ในพื้นที่จังหวัดภูเก็ตมีเรือประมงที่ลักลอบจับปลาสวยงามเหลืออยู่เพียง 3 ลำเท่านั้น ซึ่งวันนี้ (29 ก.ย.) จับกุมได้ 1 ลำ เหลืออีก 2 ลำ อยู่ในพื้นที่ตำบลราไวย์
       
       เจ้าหน้าที่พยายามติดตามจับกุมตัวมานาน แต่ไม่สามารถจับกุมตัวได้ เนื่องจากทุกครั้งที่เจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจค้น คนร้ายจะนำของกลางทิ้งลงทะเลทันที ทำให้ไม่มีของกลางมัดตัว แต่ครั้งนี้ดำเนินการด้วยความระมัดระวังมากขึ้นจนสามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาได้พร้อมของกลางจำนวนมาก
       
       ส่วนเรือประมงจับปลาวางลอบ ซึ่งทำลายทรัพยากรธรรมชาติสิ่งแวดล้อม และแนวปะการังเหมือนกัน มีอยู่ประมาณ 28 ลำ แต่ละลำจะมีคนประจำ 7-8 คน แต่ตอนนี้สามารถดึงคนทั้งหมดมาเป็นแนวร่วมอาสาสมัครป้องกันรักษาทรัพยากรธรรมชาติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งตั้งแต่ต้นปี 2550 ที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้จับกุมผู้กระทำผิดได้ 3 ครั้ง ผู้ต้องหา 12 คน
       
       อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ต้องสิ้นเปลืองงบประมาณในการเฝ้าติดตามพฤติกรรม และลาดตระเวนพื้นที่รับผิดชอบ เพื่อป้องกันการทำผิดกฎหมายประมงทุกประเภทนับ 100,000 บาทต่อปี หากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประชาชนร่วมมือกัน หันมาอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม งบประมาณส่วนนี้ก็จะสามารถนำไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้อีกมาก
       
       ด้าน ด.ต.สิงหเนตร คุ้มอักษา ผบ.หมู่ กก.3 บก.ปทส. กล่าวว่า ในส่วนของกองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ ดูแลรับผิดชอบทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ซึ่งในส่วนของจังหวัดภูเก็ต การปราบปรามผู้กระทำผิดกลุ่มนี้ ทำได้ค่อยข้างลำบาก เนื่องจาก พ.ร.บ.บางฉบับประกาศใช้ และคุ้มครองเฉพาะพื้นที่จังหวัดภูเก็ต ไม่ได้ครอบคลุมทั้งประเทศ โดยเฉพาะ พ.ร.บ.คุ้มครองปลาสวยงามอย่างปลาการ์ตูน เมื่อผู้กระทำผิดนำปลาการ์ตูนออกพ้นเขตจังหวัดภูเก็ตก็ไม่ผิดกฎหมายแล้ว ถือเป็นข้อด้อยที่ต้องหามาตรการแก้ไข
       
       ส่วนการจับกุมผู้ต้องหาแต่ละครั้ง จะรายงานให้กองบังคับการฯ ทราบ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจในสังกัดสอบสวนขยายผลต่อไปยังจุดที่คนร้ายนำสินค้าไปส่งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร แต่ที่ผ่านมาไม่เคยสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้แม้แต่รายเดียว.



 
จาก            :              ผู้จัดการออนไลน์     วันที่  30 กันยายน 2550

[แม่หอย]

ขอปรบมือชื่นชมเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติหน้าที่จับกุมได้สำเร็จ ครั้งนึงก็ยังดี..
แต่ที่จับได้คงนับเป็นเพียงหางแถวจิ๊บจ๊อยที่ทำเพราะต้องการทำมาหากินหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ส่วนรายใหญ่คือพ่อค้าที่บงการอยู่ทางกรุงเทพฯ นั่นสิคะ รวมทั้งพวกเศรษฐีไร้สำนึกที่สักแต่มีเงินอยากจะเลี้ยงปลาสวยงามก็ซื้อๆ ไป ไม่สนใจว่าใครจะไปลักลอบจับมาจากไหน ข้าอยากสนองอารมณ์ตัวเองก็เท่านั้น นั่นแหละตัวการสำคัญ  ไม่มีคนอยากซื้อก็ไม่มีคนจับมาขาย ทำยังไงจึงจะกระตุ้นต่อมสำนึกของคนพวกนี้ให้ทำงาน จะได้รู้จักสำนึกห่วงใยทรัพยากรขึ้นมามั่งนะคะ..

อยากเลี้ยงปลาก็ไม่อยากจะว่ากัน แต่สนับสนุนพวกลักลอบจับปลา จับดอกไม้ทะเลเนี่ย มันทุเรศเห็นๆ..

[zmax]

งี้ต้องลงโทษตัดหัวเสียบประจาน.............ข้อหาทำร้ายปลาและดอกไม้ทะเลไม่มีทางสู้

[Sky]

ปลาการ์ตูน ตั้ง 415 ตัว แน่ะ
แล้วยังเอาบ้านมันมาอีก...

ใจร้าย

พี่ๆ คะ มีใครทราบมั้ยคะ ว่า ปลาการ์ตูน ที่ศูนย์กระบี่เพาะพันธุ์ได้น่ะ ออกจำหน่ายมั้ยคะ แล้วขายตัวละกี่บาทเหรอคะ

[asawin]

นอกจากสถานีกระบี่แล้ว ยังมีฟาร์มเอกชนเพาะได้อีกหลายแห่งครับ
ราคาเค้าคิดกันเป็น ซม. หรือ นิ้ว แล้วแต่ผู้ขาย มีตั้งแต่ ซม.ละ สิบห้าบาทไปยั้นสี่สิบบาทเลยครับ
ผมเข้าใจแล้วหล่ะ ว่าทำไมเค้ายังจับกันอยู่
เพราะว่า ขนาดดูตามรูป น่าจะ 2-3 ซม ถ้า เป็นปลาเพาะ ก็ราคาขั้นต่ำ สามสิบบาทแล้ว ในขณะที่ปลาจับแค่สิบบาทเอง
แต่ก็นั้นหล่ะครับ อัตรารอด ปลาเพาะนี่เรียกได้ว่ารอด 100 เปอร์เซ็นต์เลย ปลาจับไม่รู้จะถึงสิบเปอร์เซ็นต์หรือปล่าว ไม่มีข้อมูล
ส่วนราคาขายปลีกที่ จจ.ก็จะอยู่ที่ 150 - 350 (ส้มขาว)
ผมว่าถ้าคนขายคิดแต่จะขายอย่างเดียว เค้าคงเอาราคาจับไว้ก่อน ไปตายที่คนเลี้ยงช่างมันเพราะมันจะค่อย ๆ โทรม ไม่ได้ตายทันที
อีกอย่าง คนเลี้ยงปลามือสมัครเล่นที่ไม่มีความรู้ เค้าดูปลาไม่ค่อยออกหรอกครับ ว่ามันโทรมแล้ว เพราะปลาทะเลยมันสีสดใส (ข้างในอาจบอบช้ำมามากก็ได้)
ลืมไปอีกอย่างหนึ่งครับ
ปลาจับจากธรรมชาติ สีสัน สดใสกว่าปลาเพาะเยอะครับ อันนี้นักเลี้ยงปลาทะเลชั้นเซียนเค้าทราบ ถ้าผู้เพาะสามารถพัฒนาวิธีการเลี้ยงให้ได้ปลาที่มีสีสันสดใสเหมือนปลาธรรมชาติ และ อัตราการตายต่ำ ประกอบกับผู้เลี้ยงสมัครเล่นทราบว่า ปลาจับ ซื้อสิบ ตายเก้า ปลาซื้อรอดร้อยทั้งร้อย ปัญหานี้น่าจะหมดไปครับ
(บ้างก็เป็นข้อมูลจากการสอบถามปากปล่าว บ้างก็เป็นความคิดเห็นนะครับ ผิดถูกอย่าว่ากันนะ)

[แม่หอย]

ราคาลูกปลาการ์ตูนจากการเพาะพันธุ์ของกรมประมง มีราคาจำหน่ายดังนี้ค่ะ

1. ปลาการ์ตูนลายปล้อง ขนาด 1 เซนติเมตร ขึ้นไป เซนติเมตรละ 13.00
2. ปลาการ์ตูนลายปล้องหางเหลือง ขนาด 1 เซนติเมตร ขึ้นไป เซนติเมตรละ 13.00
3. ปลาการ์ตูนอานม้า ขนาด 1 เซนติเมตร ขึ้นไป เซนติเมตรละ 13.00
4. ปลาการ์ตูนส้มขาว ขนาด 1 เซนติเมตร ขึ้นไป เซนติเมตรละ 7.00
5. ปลาการ์ตูนอินเดียน ขนาด 1 เซนติเมตร ขึ้นไป เซนติเมตรละ 7.00
6. ปลาการ์ตูนอินเดียนแดง ขนาด 1 เซนติเมตร ขึ้นไป เซนติเมตรละ 7.00
7. ปลาการ์ตูนแดงดำ ขนาด 1 เซนติเมตร ขึ้นไป เซนติเมตรละ 13.00
8. ปลาการ์ตูนมะเขือเทศ ขนาด 1 เซนติเมตร ขึ้นไป เซนติเมตรละ 15.00
9. ปลาการ์ตูนเพอร์คูล่า ขนาด 1 เซนติเมตร ขึ้นไป เซนติเมตรละ 40.00
10. ปลาการ์ตูนแก้มหนาม ขนาด 1 เซนติเมตร ขึ้นไป เซนติเมตรละ 40.00

( ข้อมูลจากเว็บไซต์ของศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งกระบี่: http://www.fisheries.go.th/cf-krabi/ )
นอกจากศูนย์ฯ กระบี่แล้ว ยังมีศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งของกรมประมงอีกหลายแห่งที่มีการเพาะขยายพันธุ์ปลาการ์ตูนจำหน่าย ที่ใกล้ๆ กรุงเทพฯ ก็เช่นสมุทรสาคร ระยอง เป็นต้น

สีสันของปลาขึ้นอยู่กับทั้งพันธุกรรมและการเลี้ยงดูค่ะ ปลาธรรมชาติหากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ได้กินอาหารหลากหลาย ออกกำลังกายตามธรรมชาติ อยู่ดีมีสุข สีสันก็สดใส เมื่อถูกจับมาเลี้ยงไม่ดีก็มีสิทธิซีดเซียวร่อแร่ได้เหมือนกัน ส่วนปลาเลี้ยง การคัดเลือกสายพันธุ์ที่ดี ขุนเลี้ยงอย่างสมบูรณ์ได้วิตามินแร่ธาตุครบถ้วนก็มีสีสันสดใสไม่แพ้ปลาธรรมชาติหรอกค่ะ

[Sky]

ขอบคุณ พี่แม่หอย และพี่ Asawin ด้วยค่ะ

[สายชล]

ขอปรบมือ...อีกทั้งขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ที่ทำการจับกุมพวกเห็นแก่ตัวพวกนี้ค่ะ....  

เมื่อรู้แหล่งของพวกจับปลาและค้าปลาทะเลอย่างนี้แล้ว ก็หวังว่าจะสามารถปราบปรามถอนรากถอนโคนเศษมนุษย์พวกนี้ให้หมดไปจากแผ่นดินไทยได้โดยเร็ว ก่อนที่จะไม่มีปลาทะเลเหลือให้คนอย่างเราๆท่านๆได้เห็นนะคะ

ทางการพยายามส่งเสริมการเพาะเลี้ยงปลาทะเลสวยงาม เพื่อจะได้ไม่ต้องไปจับปลาทะเลในธรรมชาติมาขายกัน  แต่คงจะด้วยเหตุผลอย่างที่คุณอัศวินว่าไว้คือ....ปลาทะเลในธรรมชาติถูกกว่าปลาที่เกิดจากการเพาะเลี้ยง จึงยังมีคนไปจับปลาในธรรมชาติมาขายอยู่เรื่อยๆ 

จะมีทางไหมคะ....ที่จะทำให้ ราคาขาย ของปลาที่เกิดจากการเพาะเลี้ยงมีราคาพอๆกับราคาของปลาที่จับมาจากธรรมชาติ....

[frappe]

เห็นด้วยกะพี่อัศวินและพี่สายชลนะคับว่าถ้ามีทางทำให้ต้นทุนการเพาะเลี้ยงถูกลงจนราคาปลาเพาะพอๆกับราคาปลาที่จับก็น่าจะลดการลักลอบจับได้ แต่เข้าใจว่าการเพาะเลี้ยงยังไงก็ต้องมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าอยู่แล้ว ในขณะที่ปลาจับไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดู แถมเร็วกว่า
จะมีวิธีไหนมั้ยน้อ....ไม่งั้นต้องหาข้อดีของปลาเพาะที่ดีกว่าปลาจับที่เป็นประโยชน์กับคนซื้อ จะมีมั้ยนะ

[asawin]

ข้อดีมาก ๆ เลยครับ คือมัน ทน ท้น ทน ครับ
ไอ้ตอนเด็ก ๆ เราก็เป็นเด็กซน ชอบเลี้ยงสัตว์
ปลาทะเลนี่ ผมเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ๆ เลี้ยงเมื่อไร ตายเมื่อนั้น
เงินเก็บค่าขนม เอาไปซื้อปลาหมดล่ะครับ แล้วก็หมดไปง่าย ๆ เพราะเรายังเด็ก ไม่รู้ว่า เค้าจับกันด้วยไซยาไนด์
แม่ค้าสนามหลวงเค้าบอกว่า ปลาทะเลต้องเลี้ยงตู้ใหญ่ ๆ ผมก็เชื่อ เก็บเงินซื้อ ตู้ 40 นิ้ว สมัยก่อนราคาพันสองนะครับ ค่าขนมวันละสิบห้าบาท คิดดู กี่วันได้
เลี้ยงไงมันก็ตายอยู่ดี จนเข็ดเลิกไปเลยครับ จะไม่ให้เลิกได้ไง ตู้ก็เป็นพัน ใหนจะปลาสมัยก่อนก็ตัวเป็นร้อย ๆ แล้วนะครับ เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้วนั่น
พอโตมาผมก็เลี้ยงไม้น้ำ ตอนยังไม่มีลูกก็โอเคนะครับ สบายใจ ตู้เขียว ๆ ครึ้ม ๆ แค่มองผ่านตาก็สบายใจแล้ว
แต่พอต้องเลี้ยงลูกไปด้วยทำงานไปด้วยนี่สิ ไม่มีเวลาดูแลมัน ทั้งตู้รกเป็นป่าอะเมซอนเลยครับ แถมตะไคร่ขึ้นเต็มไปหมด

ตอนนี้ลูกโตแล้ว พาไปเที่ยวโน่นเที่ยวนี่
ครั้งหนึ่งไปเที่ยวทะเล และแวะฟาร์มปลาการ์ตูนแห่งหนึ่ง เลยรู้สึกอยากลองอีกครั้ง
จึงสอบถามวิธีการเลี้ยง และการเตรียมตัวจากเจ้าของฟาร์ม แล้วผมก็มาทำตามครับ

จัดตู้ปล่าว ๆ เปิดกรองเปิดอ๊อกซิเจน และ เครื่องกรองโปรตีน ได้สามสัปดาห์ (นี่ย่อ ๆ ครับ แต่จริง ๆ มีอีกเยอะ) ผมก็ถ่อขับรถกลับไปที่ฟาร์มเดิมซื้อเจ้าปลานีโม่นี้มาในราคาปลีก
เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก นี่จะครึ่งปีแล้วครับ
มันยังอยู่ดีกินดีอยู่เลย
แล้วไม่มีทีท่าว่าจะตาย หรือเป็นโรคเลย โตวันโตคืน
ซื้อมาทีแรก ยาวเซ็นต์กว่า ๆ ตอนนี้จะนิ้วครึ่งแล้วมั๊งครับ

ตอนเช้าก่อนไปโรงเรียน ลูกชายต้องมากดปุ่มให้อาหาร นีโม่น้อย ผมต้องคอยบอกลูก อย่าให้มากไปนะ เดี๋ยวน้ำเสียปลาตาย

เพื่อนฝรั่งคนหนึ่งมาที่บ้าน เค้าเห็นนีโม่น้อยของลูกชาย เค้าบอกเค้าก็มีเหมือนกัน เลี้ยงมาได้ สามสี่ปีแล้ว ก็ยังไม่ตาย เค้ายังบอกเลยว่าเคยอ่านเจอในอินเตอร์เนต ว่าเคยมีบันทึกไว้ว่าเจ้าปลาการ์ตูนนี่เคยถูกเลี้ยงไว้ในอะควาเรียมแห่งหนึ่ง มีอายุยืนได้ถึงสิบกว่าปีแน่ะ

โม้ไปนาน กลับมาเรื่องเก่าครับ มันทน ท้น ทนจริง ๆ พิสูจน์แล้ว
ลำพังแค่นี้ก็กินขาดแล้วครับ ถ้าคนที่คิดจะเลี้ยงปลาทะเลจริง ๆ เค้ารู้จักคิด
ปลาที่จับมาขายตายเก้าในสิบ ส่วนปลาเพาะเลี้ยงรอดร้อยทั้งร้อย เป็นผม ๆ เอาปลาเพาะนะ
แล้วยิ่งถ้าสีสันสดสวยเหมือนกันอย่างที่คุณแม่หอยบอกด้วยแล้ว ถ้าปลาเพาะแพงกว่าสิบเท่าผมก็เลือกปลาเพาะ (ถ้าสิบเท่าแล้วยังเป็นหลักร้อยอยู่นะครับ ตัวเป็นพันเอาไปซื้อหนมให้ลูกดีกว่า) เพราะรวมแล้วราคาเท่ากัน ยังไม่ต้องเสียเงินค่าน้ำมันขับรถไปซื้อใหม่ด้วยครับเวลามันตาย

เออ แล้วยังมีอีกอย่างด้วยครับ เท่าที่ทราบมา
ปลาทะเลที่เพาะได้ในเชิงธุรกิจนั้นยังมีอยู่ไม่กี่ชนิดเองครับ
อันแรกก็พวกปลาหมอ เช่น เดมเซล และ ปลาการ์ตูน เค้าว่าเพาะง่ายครับ (เค้าว่านะครับ ไม่ใช่ผมว่า ผมเพาะไม่เป็น)
ส่วนอีกสองชนิดน่าจะเป็นตระกูลอมไข่ และ ไอ้ตัวที่มันหน้าเหมือนกบชอบหลบอยู่ตามซอกหินอ่ะครับ จำชื่อไม่ได้
ซึ่งผมว่าเซียนปลาทะเลกระเป๋าหนักเค้าไม่สนใจปลาพวกนี้หรอกครับ เค้าสนใจพวก เอ็กซอติก ราคาแพง ๆ หายาก ๆ ตัวเป็นพัน ๆ แล้วไอ้พวกนี้ผมว่ายังเพาะพันธุ์ไม่ได้แน่ ๆ เลยครับ

แต่ก็นั่นหล่ะครับ ของทุกอย่างมันคงต้องมีดีมีเสีย สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในยี่สิบปีก่อนเช่น การเพาะพันธุ์ปลาทะเลในเชิงธุรกิจ ยังเป็นไปได้แล้ว ทำไมปลาชนิดอื่น ๆ ยันไปถึงปะการังที่มีวงจรชีวิตซับซ้อนคนเค้าจะทำไม่ได้ในอนาคต  ในใจผมนะ ยังคิดชื่นชมคนคิดโปรตีนสกิมเมอร์ (เครื่องกรองโปรตีน) แหม..คิดมาได้ไง ฉลาดจัง เอาฟองอากาศมาแยกเมือกกะน้ำ บางทีคนพวกนี้อาจจะทดลองอะไรใหม่ ๆ พลิกวงการอนุรักษ์ และนำมาทำประโยชน์ได้อย่างเหลือเชื่อก็ได้ครับ เช่น หมอบุญส่ง เลขะกุล นักล่าสัตว์ตัวยง หลังจากสัตว์ป่าหายเกือบหมดประเทศ งานเขียนของท่านก็เป็นแหล่งข้อมูลให้นักอนุรักษ์ได้ช่วยรักษาทรัพยากรที่เหลืออยู่ได้เป็นอย่างมาก

ท้ายที่สุดผมขอเสนอครับ อยากให้การเลี้ยงปลาทะเลสามารถทำได้ โดยผู้เลี้ยงต้องมีใบอนุญาติเสียก่อน ซึ่งการได้มาซึ่งใบอนุญาตินั้นต้องผ่านการสอบ หรือการฝึกอบรมความรู้ขั้นพื้นฐานในการเลี้ยงปลาทะเล และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม โดยมีค่าธรรมเนียมรายปีซึ่งจะนำไปเป็นทุนช่วยในการวิจัยเกี่ยวกับปลาทะเล  และการซื้อขายนั้น ให้ผู้ขายต้องมีใบอนุญาติ และผ่านการฝึกอบรมก่อนเช่นเดียวกัน  ส่วนวิธีการจับปลานั้นควรมีกฏเกณฑ์ให้ไม่ทำลายระบบนิเวศน์ให้ล่มสลายไป ถ้าเป็นชาวบ้านก็ให้จับได้ในบริเวณที่จำกัด เพื่อจะได้คอยกำกับดูแล ชี้แนะให้ทั่วถึง

นึกดูนะครับผู้จับ ผู้ค้า ผู้ขาย ผู้ซื้อนั้น ต้องมีใบอนุญาติหมด และต้องผ่านการฝึกอบรม และ สอบเหมือนนักดำน้ำ  พวกเค้าจะเข้าใจและเห็นความสำคัญของธรรมชาติ และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้มีใช้เก็บเกี่ยวได้อย่างยั่งยืน มากขึ้นแค่ใหน ซึ่งเท่ากับว่า SOS มีแนวร่วมมากขึ้นอีกเยอะเลยนะครับทีนี้

วิธีนี้อาจมีผลทำให้ราคาปลาทะเลแพงขึ้นอีกมากครับ แต่ผมว่านะ คนเลี้ยงกระเป๋าหนักอยู่แล้ว ส่วนมือสมัครเล่นเช่นเด็กนักเรียนที่ชอบสัตว์ชอบปลา ถ้าใจรักจริงคงต้องขนขวายซื้อหนังสือหนังหา หรือเปิดเวบหาความรู้มาสอบ และเก็บเงินไว้ต่อใบอนุญาติให้ได้  เชื่อผมเถอะนะ เด็กรุ่นใหม่ ๆ นี่ มันทั้งเก่ง ทั้งหัวดี วันข้างหน้า เค้าอาจจะหาวิธีการฟื้นฟูสภาพแวดล้อมได้อย่างเราคาดไม่ถึง  เอ... ฝันไปหรือปล่าวหนอ.....

ย้อนไปอ่านแล้วงงตัวเอง แค่ข้อดีว่า ปลาเพาะทน ท้น ทน ทำไมร่ายยาวจัง ฮ่า ๆ

[ok3]

น่าเศร้าใจจังนะพวกเนี้ย          

   

เออเวบมันเข้าไม่ค่อยได้เลยนะเนี่ย

[สายชล]

ชอบความคิดของคุณอัศวินจริงๆเลยค่ะ....

สายชลเชื่อว่า....ถ้ามีการเพาะเลี้ยงปลาและหรือสัตว์ทะเลอื่นๆกันมากๆ....ถูกวิธีการ....ถูกกฎหมาย.... มีคุณภาพและความทนทานต่อโรคสูง  ก็น่าจะเป็นที่นิยมซื้อหามาเลี้ยงกันมากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดการจับสัตว์ทะเลจากธรรมชาติไปได้มากนะคะ

นอกจากนี้...ยังเป็นการส่งเสริมอาชีพการเพาะเลี้ยงปลาและสัตว์ทะเลให้กว้างขวาง  ถ้ามีปริมาณและคุณภาพสูงก็ส่งเสริมให้ส่งออกไปขายต่างประเทศ  เป็นการเพิ่มรายได้ให้กับประชาชนทั่วไปได้อีกทางหนึ่ง

เสียดายที่คุณอัศวินไปที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่ง กระบี่แล้ว ไม่มีเวลาเดินดูให้ทั่ว และไม่ได้พบ ผอ.แอ๊ว.....น้องอำนาจ และน้องสามารถ หากได้เดินดูและพบบุคคลทั้งสามแล้ว คุณจะมีความสุขมากๆค่ะ เพราะที่ศูนย์แห่งนี้มีการเพาะเลี้ยงปลาและสัตว์ทะเลได้มากมายหลายชนิด และทุกท่านพร้อมจะให้ความรู้เกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงกับผู้คนทั่วไปอย่างเต็มที่และด้วยอัธยาสัยไมตรีจิตที่ดียิ่ง 

[สายชล]

น้อง ok3 คะ.....บ้านเรายังเข้าได้ปกติดีนะคะ สองสายเปิดปุ๊บก็เข้าได้ปั๊บเลยค่ะ รวดเร็วทันใจยังไม่มีปัญหาค่ะ (แล้วก็ภาวนาต่อไปว่า...อย่ามีปัญหา)

[สายชล]

ข่าวจากไทยรัฐ  วันที่ 6 สิงหาคม 2550       :

ดันส่งออกปลาสวยงามชนพันล้าน
 
นายธีระ สูตะบุตร รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า การส่งออกปลา สวยงามและพรรณไม้น้ำของไทยมีแนวโน้มขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดในกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป หรืออียู ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ตัวเลขการ นำเข้าปลาสวยงามของอียูเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 10-15% จึงเป็นโอกาสดีของไทยที่จะเร่งพัฒนาศักยภาพการผลิตและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับ ธุรกิจปลาสวยงามของไทย ในเบื้องต้นได้มอบหมายให้กรมประมงจัดยุทธศาสตร์ ปลาสวยงามและพรรณไม้น้ำของไทย โดยตั้งเป้าที่จะเพิ่มมูลค่าการส่งออกปลาสวยงามจากเดิมปีละ  600  ล้านบาทเป็นปีละ 1,000 ล้านบาท  ภายใน 3 ปีข้างหน้า

ทั้งนี้  ประเทศไทยได้เปรียบเรื่องของความหลากหลายของสภาพแวดล้อม ภูมิอากาศ   และกรมประมงยังให้ความสำคัญกับการปรับปรุงสายพันธุ์ปลาสวยงามอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากที่ผ่านมาขาดการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ จึงเป็นอุปสรรคต่อการเพิ่มปริมาณผลผลิตและขยายตลาดส่งออก

โดยนอกจากจะช่วยขยายตลาดส่งออกและทำรายได้เข้าประเทศเพิ่มมากขึ้นแล้ว การส่งเสริมธุรกิจปลาสวยงามยังนำไปสู่การสร้างงานและอาชีพ ในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง อาทิ วัสดุตกแต่งตู้ปลา อาหาร ยารักษาโรค และ ชุดเครื่องให้อากาศ ซึ่งเป็นอาชีพที่สร้างรายได้กับชุมชนอีกด้วย 

ขณะที่นางสมหญิง เปี่ยมสมบูรณ์ รองอธิบดีกรมประมง กล่าวว่า กรมได้จัดสรรงบประมาณจำนวน 170 ล้านบาท เพื่อใช้ดำเนินยุทธศาสตร์ปลาสวยงามและพรรณไม้น้ำ ประกอบด้วยการปรับโครงสร้างองค์กร เพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพการผลิต ขยายตลาดส่งออก โดยการพัฒนาและเชื่อมต่อระบบฐานข้อมูลสารสนเทศทั้งระบบ เพื่อให้เกษตรกรสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดแต่ละแห่ง.