กระดานข่าว Save Our Sea.net
พฤศจิกายน 13, 2025, 12:48:08 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ทูน่าเมดิเตอร์เรเนียนเสี่ยงสูญพันธุ์ ชาวประมงจับส่งร้านซูชิเกินขนาด  (อ่าน 3209 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: ตุลาคม 05, 2007, 12:22:57 AM »


ทูน่าเมดิเตอร์เรเนียนเสี่ยงสูญพันธุ์ ชาวประมงจับส่งร้านซูชิเกินขนาด  
 
ธุรกิจร้านซูชิเฟื่องเป็นเหตุให้ปลาทูน่าครีบน้ำเงินในทะเลเมดิเตอเรเนียนตกอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการสูญพันธ์ เพราะชาวประมงไร้จิตสำนึกเร่งจับส่งขายญี่ปุ่น หวังทำกำไรจากราคาปลาทูน่าที่อาจสูงถึงตัวละกว่าครึ่งล้านบาท ไอซีแคทขู่ฟ้องสมาชิกในเขตยุโรปใต้ที่จับทูน่าเกินโควตา

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่าปริมาณปลาทูน่าครีบน้ำเงินในเขตทะเลเมดิเตอเรเนียน ทางตอนใต้ของทวีปยุโรป ลดลงจนใกล้สูญพันธ์ สาเหตุเกิดจากการลักลอบจับปลาทูน่าที่มีราคาแพงเกินขนาด ของชาวประมงที่อยู่ภายใต้การควบคุมของมาเฟียอิตาลี และผู้ค้าปลาทูน่าในเอเชีย

นายเจอรัลด์ สก็อต ประธานคณะกรรมาธิการฝ่ายวิทยาศาสตร์แห่งคณะกรรมาธิการระหว่างประเทศว่าด้วยการอนุรักษ์ปลาทูน่าแอตแลนติก (International Commission for the Conservation of Atlantic Tuna) หรือ ไอซีแคท เปิดเผยว่าปริมาณปลาทูน่าครีบน้ำเงินในทะเลเมดิเตอเรเนียน มีปริมาณลดลงจนอยู่ในระดับ 6 % ของปริมาณฝูงปลาทูน่าที่เคยอาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าว

"มนุษย์อาจไม่รู้สึกว่าปริมาณปลาทูน่าลดลง แต่เมื่อเริ่มรู้สึกแล้วมันอาจจะสายเกินไป" นายสก็อตกล่าว

ตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมาชาวประมงในทะเลเมดิเตอเรเนียน ได้รับโควตาการจับปลาทูน่าครีบน้ำเงินปีละ 50,000 ตัน แต่ปริมาณปลาที่จับในแต่ละปีจะมากกว่าปริมาณโควตาที่ได้รับอยู่เสมอ

ปลาขนาดใหญ่อาจทำรายได้ให้กับชาวประมงถึงตัวละ 15,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 517,500 บาท (อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 1 ตุลาคม) เป็นเหตุให้ชาวประมงในเขตดังกล่าวหันมาจับปลาทูน่าครีบน้ำเงินมากขึ้น และใช้เครื่องมืออันทันสมัยในการจับปลาทูน่า รวมทั้งลักลอบใช้เครื่องบินคอยบอกตำแหน่งฝูงปลา การทำ "ฟาร์ม ปลาทูน่า" บริเวณชายฝั่งทะเล

ทูน่าครีบน้ำเงินที่จับได้จะถูกนำไปแช่แข็ง และ ส่งไปจำหน่ายยังประเทศญี่ปุ่นซึ่งมีความต้องการเนื้อปลาทูน่าเพื่อทำซูชิ (ข้าวปั้น) เป็นจำนวนมาก ราคาจำหน่ายเนื้อปลาทูน่าชั้นดีในภัตตาคารอันดับหนึ่งของกรุงโตเกียวอาจสูงถึง 75 ดอลลาร์สหรัฐ (2,588 บาท) ต่อ 100 กรัม

นางซูซานา เซนซ์ เจ้าหน้าที่ด้านการประมงแห่งองค์การสัตว์ป่าโลก (ดับบลิวดับบลิวเอฟ) ให้ความเห็นว่าหากปลาทูน่าครีบน้ำเงินที่อยู่ในชั้นบนสุดของห่วงโซ่อาหารสูญพันธ์ไปจะทำให้ระบบนิเวศวิทยาในเขตทะเลเมดิเตอเรเนียนขาดสมดุล ทั้งยังระบุด้วยว่านอกจากการจับปลาเกินปริมาณแล้ว สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และ มลภาวะ เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ปริมาณปลาในโลกลดลง ขณะเดียวกันข้อตกลงที่นานาชาติทำไว้กับองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ในการเพิ่มจำนวนปลาในทะเลให้ได้ตามปริมาณที่กำหนดภายในปีพ.ศ. 2558 ส่อเค้าว่าจะล้มเหลว

อย่างไรก็ตามมีการเรียกร้องให้ประเทศสมาชิกไอซีแคทในยุโรปรับผิดชอบกับการกำหนดโควตาการจับปลาทูน่าครีบน้ำเงินมากกว่าปริมาณที่นักวิทยาศาสตร์ขององค์กรกำหนดถึง 2 เท่า รวมทั้งการย่อหย่อนในการบังคับใช้ปริมาณโควตาดังกล่าว

ทั้งนี้ไอซีแคท ได้เริ่มดำเนินการอย่างเป็นจริงเป็นจังมากขึ้น มีการห้ามจับปลาทูน่าตั้งแต่เดือนกันยายนจนถึงสิ้นปีพ.ศ. 2550 และขู่ประเทศสมาชิกเช่น กรีซ มอลต้า โปรตุเกส สเปน อิตาลี ฝรั่งเศส และ ไซปรัส ว่าอาจจะถูกดำเนินคดีหากไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าชาวประมงในประเทศทำการจับปลาทูน่าครีบน้ำเงินไม่เกินโควต้าที่ได้รับ  




จาก                :               ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 2258   วันที่ 4 - 6 ตุลาคม 2550
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #1 เมื่อ: ตุลาคม 10, 2007, 12:57:34 AM »


"ปลาบลูฟินทูน่า" ร่อยหรอ เพราะนักกินชอบเปิบ "ซูชิ"


 
ดีเอโก้ เครสโป เป็นชาวประมงชาวสเปนและหากินกับการจับปลาทูน่ามานมนานแล้ว แต่ปีนี้เครสโปถอดใจว่าอาจเป็นปีสุดท้ายแล้วที่เขาจะจับปลา เพราะจำนวนปลาทูน่าลดลงอย่างน่าใจหาย และปลายังตัวเล็กกว่าที่เคยจับได้ โดยปีนี้พบปลาที่มีน้ำหนักเกินกว่า 200 กิโลกรัมน้อยมาก ขณะที่เมื่อ 10 ปีที่แล้วพบตัวขนาดเกินกว่า 500 กิโลกรัมทั้งนั้น

ชาวญี่ปุ่นมีความต้องการปลาทูน่าเพื่อนำไปทำเป็นซูชิอย่างมาก ทำให้อุตสาหกรรมประมงแข่งขันหาปลา "แอตแลนติก บลูฟิน ทูน่า" ซึ่งเป็นปลาที่มีรูปร่างคล้ายตอร์ปิโด มีน้ำหนักประมาณ 500 กิโลกรัม และออกตัวว่ายน้ำในความเร็วที่เร็วกว่ารถปอร์เช่ 911

นางซูซาน่า เซนซ์ เจ้าหน้าที่จากองค์กรเวิลด์ไวลด์ไลฟ์ฟันด์ หรือ WWF เตือนว่า ปลาบลูฟินทูน่าเป็นปลานักล่า ถ้ามันหายไปจากระบบนิเวศหายนะจะเกิดขึ้นกับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแน่นอน

การล่าปลาทูน่าซึ่งหลายแห่งควบคุมโดยมาเฟียชาวเอเชียและอิตาเลียน เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ทั่วเมดิเตอร์เรเนียน เพราะว่าปลาทูน่าสวยๆ ตัวโตๆ สามารถขายในตลาดซึกิจิในกรุงโตเกียวได้ถึงตัวละ 15,000 เหรียญ หรือ 500,000 บาท ทำให้มีนักธุรกิจด้านประมงหน้าใหม่เข้ามาร่วมแบ่งเค้กทุกๆ ปี

นักพิทักษ์ปลาเปิดเผยว่า อาจจะช้าเกินไปแล้วที่จะหันมาช่วยบลูฟินทูน่า เพราะปีนี้พบเรือประมงไฮเทคซึ่งมีเครื่องบินชี้แหล่งปลาทูน่า ไปป้วนเปี้ยนจับปลาอยู่ใกล้กับประเทศลิเบีย แหล่งพักพิงสุดท้ายของบลูฟินทูน่า



จาก                :               ข่าวสด   วันที่ 10 ตุลาคม 2550
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.023 วินาที กับ 19 คำสั่ง