กระดานข่าว Save Our Sea.net
พฤศจิกายน 13, 2025, 07:54:15 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 [2] 3   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ผลโลกร้อนทำ'ปะการังอ่อน'ตายเป็นแนวยาว 200 กม.  (อ่าน 19081 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายชล
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8186


Saaychol


« ตอบ #15 เมื่อ: พฤศจิกายน 04, 2007, 06:40:41 AM »

คนที่มีจิตสำนึกที่จะแก้ไข แบบที่ทำด้วยใจ ก็มีน้อยเหลือเกิน คงสู้พวกที่มีกำลังทรัพย์และอิทธิพลยาก   

เห็นด้วยกับความเห็นของน้อง voldermort ค่ะ....

แต่ถึงแม้ว่าคนที่มีจิตสำนึกที่ทำงานด้วยใจ จะมีน้อยสักเพียงไรก็ตาม  ก็ไม่น่าจะยอมแพ้หรือไม่คิดที่จะสู้กับผู้มีกำลังทรัพย์และอิทธิพลที่ไร้จิตสำนึกแห่งการอนุรักษ์ทั้งหลายนะคะ

มิฉะนั้นแล้ว....โลกนี้จะมีแต่ผู้แพ้ที่รวมทั้งคนจนและคนรวย  และสิ่งจะเหลือไว้สำหรับผู้แพ้ทุกคนก็คือ.....โลกเน่าๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 04, 2007, 08:03:02 AM โดย สายชล » บันทึกการเข้า

Saaychol
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #16 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2007, 12:12:06 AM »


'ทส.' เต้นดึงออสซี่หาเหตุปะการังตาย เร่งฟื้นฟูก่อนเกลี้ยง

ปลัด ทส.ดึงผู้เชี่ยวชาญออสเตรเลียร่วมหาสาเหตุและฟื้นฟูปะการังอ่อนตาย-เร่งตรวจท้องทะเล 3 พื้นที่-ระบุบางแห่งแค่หลุดจากหินยังซ่อมได้ ดร.ธรณ์ชี้นักดำน้ำแห่ขึ้นอันดามันเหนือแทน

นายศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ให้สัมภาษณ์ เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ถึงกรณี ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ระบุว่ามีปะการังอ่อนในท้องทะเลอันดามัน โดยเฉพาะบริเวณเกาะลันตา จ.กระบี่ ตายเป็นระยะทางกว่า 200 กิโลเมตร ว่า เมื่อวันที่ 2 ที่ผ่านมาให้หัวหน้าสถานีวิจัยทางทะเลภูเก็ตประสานกับนักดำน้ำและอาสาสมัครในพื้นที่ลงไปสำรวจปะการังอ่อนบริเวณกองหินม่วง-หินแดง ซึ่งยอมรับว่าเกิดความเสียหายบริเวณกว้างขวางอย่างที่ ดร.ธรณ์รายงาน ส่วนบริเวณอื่นก็มีเสียหายบ้าง ซึ่งสภาพดังกล่าวเป็นผลต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา

นายศักดิ์สิทธิ์กล่าวว่า ขณะนี้กำลังประสานไปยังผู้เชี่ยวชาญประเทศออสเตรเลียซึ่งมีนักวิชาการที่เชี่ยวชาญเรื่องการฟื้นฟูปะการังที่เสียหายจากสภาวะเปลี่ยนแปลงในธรรมชาติ โดยจะเข้ามาทำงานร่วมกับนักวิชาการไทย ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าความเสียหายเกิดจากสภาวะโลกร้อนหรือไม่ แต่มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูง

'สิ่งที่ทส.ต้องเร่งดำเนินการคือ
1.ตรวจสอบพื้นที่ที่เกิดผลกระทบแล้วว่าเสียหายแค่ไหน และมีสาเหตุมาจากอะไร
2.ตรวจสอบพื้นที่ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต เช่น ที่ท้องทะเลประจวบฯ ซึ่งสั่งการให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพิเศษ
3.ตรวจสอบพื้นที่ที่มีสารอาหารปนเปื้อนในทะเลมากเป็นพิเศษเช่น พื้นที่ที่มีโรงงานอุตสาหกรรมอยู่มาก'


นายศักดิ์สิทธิ์กล่าวว่า ไม่ปฏิเสธว่าไม่มีเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น แต่ต้องศึกษาให้ชัดเจนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น มาจากอะไร เพื่อที่จะเข้าไปแก้ปัญหาได้ถูกจุด ข้อมูลที่ได้จากนักดำน้ำระบุว่า ปะการังบางแห่งยังไม่ตายเพียงแต่หลุดออกจากโขดหิน ซึ่งสามารถแก้ปัญหาได้ด้วยการให้นักปะดาน้ำ นำไปแปะไว้ที่ก้อนหินเหมือนเดิม ถือว่าเป็นการซ่อนแซมในเบื้องต้น

ด้าน ดร.ธรณ์กล่าวยอมรับว่า ปะการังอ่อนที่ตายบริเวณเกาะลันตาถึงเกาะตะรุเตารวมระยะทางยาว 200 กิโลเมตรนั้น ไม่ได้ตายเป็นพรืดติดต่อกันทั้งหมด แต่ตายเป็นหย่อมๆ ความยาวหย่อมละประมาณ 40- 50 กิโลเมตร ทั้งนี้การฟื้นฟูแนวปะการังคงต้องอาศัยธรรมชาติเป็นหลัก ซึ่งใช้ระยะเวลานานเท่าไรไม่มีใครยืนยันได้

'แนวทางอนุรักษ์คงต้องปล่อยให้ธรรมชาติฟื้นฟูเอง อาจจะเป็น 10 ปี หรือ 100 ปี ก็เป็นได้ เพราะจากประสบการณ์ ที่เกิดขึ้นที่หมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา ผ่านไป 10 ปีแล้ว ปะการังอ่อนยังไม่ฟื้นเลย' ดร.ธรณ์กล่าว และว่า ประเด็นที่น่าสนใจขณะนี้ คือ เมื่อพื้นที่เกาะลันตา จ.กระบี่ โดยเฉพาะบริเวณกองหินม่วงมีปะการังอ่อนตายหมด และกองหินแดงเหลือไม่ถึงร้อยละ 50 นั้น จะทำให้นักท่องเที่ยวลดน้อยลง และหันไปท่องเที่ยวในแถบฝั่งอันดามันเหนือ เช่น เกาะสิมิลัน เกาะสุรินทร์ จ.พังงา ที่ยังมีปะการังสวยงามอยู่มาก และเวลานี้มีจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว ดังนั้น แผนงานที่มีอยู่แล้ว ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น การกำหนดปริมาณนักดำน้ำ ฯลฯ ต้องนำมาใช้อย่างเข้มงวดและจริงจัง เพื่อควบคุมพื้นที่ที่ยังมีปะการังสวยงามให้คงอยู่และป้องกันการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้

ดร.ธรณ์กล่าวว่า หารือกับสมาคมวิทยาศาสตร์ทางทะเล และนักวิชาการจากมหาวิทยาลัยหลายแห่งแล้ว ซึ่งจากการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่ ต่างมีความเห็นตรงกันว่า สาเหตุที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากคลื่นน้ำเย็นที่ไหลเข้ามาในพื้นที่เป็นเวลานานและปริมาณออกซิเจนมีน้อย ส่งผลให้ปะการังอ่อนไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้และตายในที่สุด

'จะมีการประชุมระดมความเห็นจากนักวิชาการหลายมหาวิทยาลัยอีกครั้ง เพื่อเป็นข้อเสนอแนะและทางออกมากขึ้น รวมทั้งต้องมีการวิจัยเพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาอย่างถูกต้อง ว่าสาเหตุของปะการังอ่อนที่ตายเกิดจากสาเหตุอื่นด้วยหรือไม่ รวมถึงการศึกษาเรื่องคลื่นน้ำเย็น ซึ่งจะเสนอให้มีการตั้งสถานีตรวจวัดความเย็นของน้ำทะเล'

ดร.ธรณ์กล่าวว่า นอกจากนี้ จะขอความร่วมมือจากนักประดาน้ำให้ช่วยตรวจวัดอุณหภูมิของน้ำและรายงานกลับมายังสถานีตรวจวัดฯด้วย สุดท้ายจะมีการรวบรวมข้อมูลทั้งหมด เสนอไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง



จาก            :          มติชนออนไลน์   วันที่ 5 พฤศจิกายน 2550
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายชล
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8186


Saaychol


« ตอบ #17 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2007, 01:01:23 AM »

อีกสักข่าวหนึ่งนะคะ จากหนังสือพิมพ์มติชน


ทส. รับปะการัง ตายเป็นหย่อม ไม่ถึง 200 กม.

ผู้เชี่ยวชาญด้านปะการัง ยอมรับบริเวณกองหินม่วง ปะการังอ่อนตายเกือบทั้งหมด แต่กองหินแดงที่เป็นแหล่งแม่พันธุ์ปะการังตาย 50% เท่านั้น เชื่อธรรมชาติจะฟื้นตัวกลับมาใหม่ได้ แจงไม่ได้ตายหมดตลอด 200 กม. แค่เป็นหย่อมๆ จ.กระบี่รอ 15 วัน ว่าจะมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวเกาะลันตา-พีพีหรือไม่

เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน นายนิพนธ์ พรหมสุวรรณ นักวิชาการประมง สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ (ทส.) ผู้เชี่ยวชาญปะการัง ให้ความเห็นกรณีที่ ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ระบุสาเหตุแนวปะการังอ่อนบริเวณเกาะลันตา จ.กระบี่ ตายเป็นระยะทางกว่า 200 กิโลเมตร ว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2550 เนื่องจากกระแสน้ำเย็นจากส่วนลึกของมหาสมุทรไหลขึ้นมาแทนที่น้ำทะเลปกติ น้ำจากทะเลทางด้านตะวันออกของมหาสมุทร อินเดียลงมาก และระดับน้ำไปสูงอยู่ที่ฝั่งทะเลตะวันตกของมหาสมุทรอินเดีย ทำให้กระแสน้ำเย็นในใต้ทะเลซึ่งมีปริมาณออกซิเจนอยู่น้อยไหลเข้ามาแทนที่

นายนิพนธ์กล่าวว่า เมื่อกระแสน้ำมีออกซิเจนน้อยแช่อยู่นานๆ ทำให้ปะการังอ่อนที่ไม่สามารถสังเคราะห์แสงได้ โดยเฉพาะพื้นที่กองหินม่วง ต้องยอมรับว่าตายเกือบทั้งหมด แต่ กองหินแดง ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งแม่พันธุ์ของปะการังตายประมาณ ร้อยละ 50 เท่านั้น และพื้นที่กองหินม่วงมีความกว้างหากวัดเป็นรูปทรงกลมก็มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 500 เมตร

นายนิพนธ์กล่าวว่า จากการทำงานพบว่า ปะการังในพื้นที่ชายฝั่งอันดามัน จากเกาะช้าง จ.ระนอง ผ่านพังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล ที่พูดกันว่ามีแหล่งปะการังกว่า 700 กิโลเมตรนั้น ไม่ได้หมายความว่า จะมีปะการังติดกันตลอด อย่างเช่นมีที่เกาะช้าง จ.ระนอง 1 หย่อม และหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา 1 หย่อม หมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา 1 หย่อม

"การให้ข้อมูลในการนำเสนอเรื่องการตายของปะการังอาจคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงหรืออาจจะเข้าใจผิดหรือสื่อความหมายผิดว่าปะการังอ่อนตาย 200 กิโลเมตร ความเป็นจริงอาจจะพูดถึงระยะทางจากกองหินม่วงไปเกาะตะรุเตาระยะทาง 200 กิโลเมตร" นายนิพนธ์กล่าว

นายนิพนธ์กล่าวว่า การตายของปะการังอ่อนที่กองหินม่วงเชื่อว่าสามารถที่จะฟื้นตัวกลับมาเกิดใหม่ได้ในระยะเวลาหนึ่ง เนื่องจากกองหินแดงที่เป็นพ่อแม่พันธุ์ของปะการังอ่อนกองหินม่วงยังคงอยู่ และแนวทางที่จะช่วยกันให้การฟื้นตัวอย่างเร็วนั้นคืออย่าปล่อยของเสียหรือตะกอนลงในพื้นที่ เชื่อว่าธรรมชาติจะสร้างปะการังกลับมาได้ใหม่ เพราะงานวิจัยกว่า 20 ปี เป็นตัวชี้ว่าปะการังที่เสียหายเกิดขึ้นมากบริเวณชายฝั่ง แต่ปะการังหลายพื้นที่ในทะเลเกิดใหม่ได้ดี ส่วนประเด็นการตายของปะการังอ่อนเนื่องจากสภาวะโลกร้อนหรือไม่นั้นต้องถามนักวิชาการที่ศึกษาเรื่องนี้

น.ส.ลดาวัลย์ ช่วยชาติ หัวหน้าศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า สอบถามผู้ประกอบการดำน้ำจำนวน 20 รายในพื้นที่ที่ ดร.ธรณ์ระบุปะการังตาย ผู้ประกอบการยอมรับมีปะการังตายบ้าง แต่ยังไม่มั่นใจว่าจะมีผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวหรือไม่อย่างไร คาดว่าหลังจากนี้ 15 วัน น่าจะรู้ว่ามีผลกระทบต่อการเดินทางมาเกาะลันตาและพีพีของนักท่องเที่ยวหรือไม่

นายเสรี ถนัดสอนสาร ผู้ประกอบการธุรกิจเรือนำนักท่องเที่ยวไปดำน้ำในพื้นที่ทะเลอันดามันและอ่าวไทย กล่าวว่า เป็นไปไม่ได้ที่ปะการังตายเป็นระยะทาง 200 กิโลเมตร แต่หากบอกว่า ปะการังเป็นหย่อม ระยะทาง 200 กิโลเมตร อาจจะเป็นไปได้ หรือระยะทางของทะเลจากกองหินม่วงไปยังเกาะตะรุเตา จ.สตูล ระยะ 200 กิโลเมตร อาจจะมีความเป็นไปได้

"ผมไม่เชื่อข่าวว่าปะการังตายเป็นระยะทาง 200 กิโลเมตร แต่หากพื้นที่ปะการังอ่อนบริเวณกองหินม่วงตายอาจจะมีความเป็นไปได้ ซึ่งจะได้ติดตามเรื่องนี้เพื่อข้อเท็จจริงกันต่อไป" นายเสรีกล่าว
บันทึกการเข้า

Saaychol
สายชล
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8186


Saaychol


« ตอบ #18 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2007, 01:07:22 AM »

มาช้า.....ดีกว่าไม่มา......

แหม....แต่ถ้ามาสำรวจตรวจสอบกันตั้งแต่ตอนต้นปี ตอนที่หินม่วงหินแดงเริ่มเหี่ยวเฉาเหมือนถูกทิ้งระเบิดเคมี ก็คงจะรู้สาเหตุและช่วยกันเท่าที่จะช่วยได้ไปแล้วนะคะ....เฮ้ออออ.....

บันทึกการเข้า

Saaychol
สายชล
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8186


Saaychol


« ตอบ #19 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2007, 02:04:07 AM »

คุณเสรี ถนัดสอนสาร  ผู้ให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ในนามผู้ประกอบการธุรกิจเรือนำนักท่องเที่ยวไปดำน้ำ เป็นเจ้าของ เรือโชคศุลี ที่พวกเราชาว SOS และนักวิชาการทางทะเลหลายรายชอบใช้กันเป็นประจำค่ะ

สองสายจะโทรไปถามข่าวคราวคุณเสรีค่ะว่าไปสำรวจจุดต่างๆหรือยัง ถ้าสำรวจแล้วผลเป็นอย่างไร.....
บันทึกการเข้า

Saaychol
WayfarinG
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2388



« ตอบ #20 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2007, 02:48:15 AM »

พี่คนนึงที่พิงค์ไปดำน้ำด้วย เค้าว่า หินม่วง มันไม่ม่วงแล้วอะคะ..ปะการังอ่อน ตาหมดเลย..
บันทึกการเข้า

If you reject the food, ignore the customs, fear the religion and avoid the people, you might better stay home.  -- > James Michener
Sri_Nuan.Ray
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1808



เว็บไซต์
« ตอบ #21 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2007, 02:56:38 AM »

มันหมด ตั้งแต่ Season ที่แล้ว นะจ๊ะ

เดี่ยวไปค้นรูป มาให้ดูนะคะ....

ไม่เคย ดำน้ำไป ร้องไห้ไปเลย ปีที่แล้ว เศร้ามาก เหมือน สุสาน อย่างไร อย่างนั้นเลย

บนผิวน้ำ มันเหมือนกับ ผงเคมี มีปลาเล็กปลาน้อย ตาย กออะนีโมน ไม่มีเหลือเลย ที่หินม่วง ...
บันทึกการเข้า

~~~ หากเราหยุดนิ่ง ทุกอย่างที่ผ่านมา คือ อดีต.... ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อมันจะได้เป็นอดีตที่มีค่าแก่ ความทรงจำของเรา  ~~~
voldermort
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 564



เว็บไซต์
« ตอบ #22 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2007, 03:51:48 AM »

มาช้า.....ดีกว่าไม่มา......

แหม....แต่ถ้ามาสำรวจตรวจสอบกันตั้งแต่ตอนต้นปี ตอนที่หินม่วงหินแดงเริ่มเหี่ยวเฉาเหมือนถูกทิ้งระเบิดเคมี ก็คงจะรู้สาเหตุและช่วยกันเท่าที่จะช่วยได้ไปแล้วนะคะ....เฮ้ออออ.....


จริงด้วยค่ะ...ปะการังตายตั้งกะต้นปี เพิ่งจะมาวิจัยเอาตอนนี้ 
แล้วไงล่ะ สุดท้ายมาแก้ข่าวอีก เรื่องตายเป็นแนวยาว 200 กิโลเมตร มาพูดใหม่ว่า ตายเป็นหย่อมๆ ยาว 200 กิโลเมตร
ทำไมชอบพูดให้เวอร์ไว้ก่อนทุกทีเลยนะ ไม่เข้าใจคนนี้จริงๆ 
บันทึกการเข้า
สายชล
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8186


Saaychol


« ตอบ #23 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2007, 06:05:12 AM »

อุ๊ยยยย.....หลาน voldermort ที่รักของเดี๊ยนนี่ ร้อนได้ใจทีเดียว.....

ใจเย็นๆ....หลานรัก....จริงๆแล้วเมื่อวันที่อาจารย์ธรณ์ไปออกทีวีกับสรยุทธ์นั้น เขาก็แก้ข่าวแล้วว่าไม่ได้หมายความว่าแนวปะการังอ่อนเสียหายเป็นพรืดติดกัน 200 กม. อย่างที่เป็นข่าวหร๊อก เพราะแนวปะการังแถวนั้นมันเป็นหย่อมๆ มันก็เลยเสียหายเป็นหย่อมๆ.....

ในวันก่อนหน้านั้น....ก็นั่งประชุมเรื่องอยู่ห้องเดียวกันค่ะ แต่อาจารย์ธรณ์ไม่ได้คุยให้ฟังเรื่องนี้ มัวแต่พูดกันเรื่อง กุ้ง...กั้ง....ปู กับเรื่องขายหนังสือชุดใหม่ที่เพิ่งออก ไม่อย่างนั้นก็คงจะช่วยแก้ข่าวให้ตั้งแต่ต้นแล้วล่ะค่ะ

อิๆ....ข่าวที่ออกมาเว่อร์ๆนี่ บางทีก็ช่วยกระตุ้นให้พวกชอบหลับอยู่ใต้ต้นไม้ตื่นตูมมาวิ่งกันได้ดีเหมือนกันนะคะ....



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 05, 2007, 06:43:26 AM โดย สายชล » บันทึกการเข้า

Saaychol
angel frog
อีกไม่กี่กระทู้ก็ได้5ดาวแล้วเร่งมือหน่อย
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 371


สุขก็ชั่วคราว ทุกข์ก็ชั่วคราว


« ตอบ #24 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2007, 06:10:26 AM »

    คงต้องไปดูให้เห็นกะตาเองแล้ว   มันจริงรึเปล่า  SNR รีบเอารูปมาดูหน่อยนะ   อยากเห็นจัง
บันทึกการเข้า
สายชล
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8186


Saaychol


« ตอบ #25 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2007, 06:31:29 AM »

ไหนๆก็จะไปวิเคราะห์วิจัยกันแล้วนะคะ สายชลฝากขึ้นไปที่อันดามันเหนือด้วยก็แล้วกัน เพราะที่นั่น ทั้งที่เมื่อช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ปีนี้ โดนฤทธิ์เดชของทั้งน้ำเย็นๆ (จนสั่น) สลับกับร้อนๆ (จนอยากถอด Wet Suit) ......แถมด้วย Plankton Bloom ชนิดน้ำเขียวน้ำแดงขุ่นข้น  ยิ่งกว่าที่หินม่วงหินแดง

แต่ไหง๋ ยังสวยสดงดงามอยู่ได้


 
บันทึกการเข้า

Saaychol
สายชล
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8186


Saaychol


« ตอบ #26 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2007, 06:41:46 AM »

ที่อ่าวช่องขาด หน้าที่ทำการอุทยานฯ หมู่เกาะสุรินทร์ ก็น่าไปสำรวจ....วิเคราะห์....วิจัย เหมือนกันค่ะ ไม่ทราบว่าเพราะโลกร้อนหรืออย่างไร  สาหร่ายเห็ดหูหนู ขึ้นเป็นดง

แถมหอยที่เรานำไปปล่อยไว้ 200 ตัว ยังหนีหายจากจุดที่ปล่อยไว้ไปจนเกือบหมด ที่เหลือก็ขึ้นไปอยู่บนแนวปะการังเขตน้ำตื้น (มาก)  เพิ่งรู้นะคะว่า หอยมือเสือก็คลานและปีนขึ้นที่สูงได้.....

เห็นแล้วสายชลก็มีอาการ โรคร้อน ขึ้นมาเหมือนกันค่ะ.....





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พฤศจิกายน 05, 2007, 07:03:03 AM โดย สายชล » บันทึกการเข้า

Saaychol
zmax
อีกไม่กี่กระทู้ก็ได้5ดาวแล้วเร่งมือหน่อย
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 361



เว็บไซต์
« ตอบ #27 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2007, 11:14:15 AM »

เอ สงสัยว่าหอยมือเสือชนิดเดินได้นี่มีสองขาด้วยป่าวครับ  อิอิ (เข้ามาแซวเล่นๆนะครับ อย่าซีเรียส)
บันทึกการเข้า

Defend our territory,.. Defend our sea!!
สายชล
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8186


Saaychol


« ตอบ #28 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2007, 11:40:13 AM »

โลกมันร้อน....อะไรๆก็ชักจะเพี้ยนๆไปซะหมดแล้วจ้ะน้อง  zmax.....

หอยมีขาหรือไม่ ต้องไปถามน้องแม่หอยค่ะ....คิกๆ....
บันทึกการเข้า

Saaychol
แม่หอย
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1404



« ตอบ #29 เมื่อ: พฤศจิกายน 05, 2007, 02:13:39 PM »

  หอยมือเสือที่เกาะสุรินทร์ เขาว่ามันบินได้ค่ะ .. ฮี่ๆ..
บันทึกการเข้า
หน้า: 1 [2] 3   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.027 วินาที กับ 16 คำสั่ง