ปักกิ่ง อุ่นเครื่องก่อนโอลิมปิก

[topping]

จริง ๆ แล้ว ทัวร์พาแวะหลายร้าน แต่ละร้านไกด์เน้นว่าเป็นของรัฐบาล น่าเชื่อถือ
ร้านที่พาไปแวะแต่ละร้านเน้นรับแต่ลูกค้าทัวร์ มีการจัดแบ่งคอมมิชชั่นกันเป็นระบบ
มันเป็นข้อกำหนดของรัฐ ที่ทัวร์ต้องจัดให้มีการพามาช็อป เริ่มตั้งแต่ ...

- ร้านนวดเท้าฟรี มีซินแสจับชีพจรตรวจโรค จากนั้นก็คะยั้นคะยอให้ซื้อสมุนไพรแช่เท้า และแก้โรคอื่น ๆ
- ร้านครีมบัวหิมะ ที่มีโชว์จับเหล็กร้อน แล้วควักผลิตภัณฑ์มาโปะ โชว์กันจะจะ ซื้อกระปุกใหญ่ แถมกระปุกเล็ก
- ร้านไข่มุก ที่เน้นขายครีมไข่มุกหน้าเด้งให้คนไทยโดยเฉพาะ ซื้อหนึ่งโหล แถมหนึ่งโหล
- ร้านขายชา เริ่มจากให้ชิมชาหลาย ๆ ประเภท แล้วก็ตบท้ายด้วยโปรโมชั่นของแถม แต่ราคาก็ยังมหาโหด
- ร้านขายหยก มีการอธิบายการดูหยกคุณภาพดี แสดงหยกหลายสี สวยดี แต่แพงโคตร
- ร้านขายปี่เซี๊ยะ อันนี้จะอยู่ในป้อมประตูชัย ถือว่าเป็นปี่เซี๊ยะที่ถูกต้องตามตำราปลุกเสก

[topping]

ช็อปกันหน้ามันไปแล้ว ก็มาเที่ยวกันต่อ ...

นี่คือหอฟ้าเทียนถาน เป็นสถานที่ที่จักรพรรดิทำพิธีบูชาฟ้า
ป้ายห้ามโน่นห้ามนี่ตรงทางเข้า คนอ่านหนังสือไม่ออกก็น่าจะเข้าใจ

[topping]

ในรอบรั้วเดียวกันนั้น จะมีอาคารอยู่สามส่วน
ส่วนแรก เป็นลานกว้าง มีปุ่มกลม ๆ อยู่ตรงกลาง
เค้าว่า เวลายืนอยู่บนปุ่มนี้ แล้วตะโกน เสียงจะก้องไปถึงฟ้าโน่น
นักท่องเที่ยวเยอะ คนตู้มเลย แย่งเขย่งกันใหญ่

[topping]

ถัดไปคือ ตําหนักหลังคาชั้นเดียว เป็นสถานสําหรับเก็บรักษาแผ่นป้ายพระนาม"เทพเจ้าผู้ปกครองสวรรค์"
ตําหนักนี้ล้อมรอบด้วยกําแพงที่สร้างถูกต้องตามหลักวิชาว่าด้วยเสียง
จึงสะท้อนเสียงได้จนเป็นที่เลื่องลือ เมื่อสองคนยืนอยู่ที่กําแพงคนละฟาก
คนหนึ่งพูดใส่กําแพงเบา ๆ อีกคนหนึ่งเอาหูแนบกับกําแพง ก็จะได้ยินเสียงพูดจากฝ่ายตรงกันข้าม

ตอนไปนั่นคนเยอะ เวลาน้อย เลยไม่ได้ลองง่ะ ....

[topping]

โคมไฟ และหลังคาคลุมเน็ต (กันนกเข้าไปทำรังมั้ง)

[topping]

ต่อมาเป็นตำหนักหลักที่มีหลังคา 3 ชั้น
ก่อนจะไปถึงต้องผ่านประตูหลายชั้น ทางเดินอีกระยะ 10 นาทีถึง

[topping]

หลายจุดมีถังขยะหน้าตาต่าง ๆ กัน แต่ทุกที่จะเน้นให้แยกขยะ
แต่ไม่ได้ชะโงกหน้าไปส่องดูว่า คนทิ้งเค้าแยกขยะจริงป่าว
เพราะบางคนแยกไม่เป็น ทิชชู่ใช้เช็ดขี้มูกแล้ว คิดว่าเป็นรีโซเคิล (คนไทยนี่แหละ)

[topping]

ออกจากหอบูชาเทวดามาแล้ว ก็เจอร้านขายของที่ระลึกโอลิมปิก
น้องแนนเลยขอโพสต์กับป้ายแมสคอตห้าตัวซะหน่อย ห้าตัวนั่นมี
Beibei - เป็นปลา
Jingjinb - เป็นแพนด้า
Huanhuan - เป็นไฟ
Yingying - เป็นแพะ
Nini - เป็นปลา
รวมกันแล้วได้ Bei Jing Huan Ying Ni แปลว่า ยินดีต้อนรับสู่ปักกิ่ง

จากนั้นก็ต่อด้วยช็อปปิ้งถนนคนเดิน .. ใกล้ค่ำแล้ว รีบกลับ เลยไม่ได้ดูอะไรมาก

[topping]

เช้าอีกวัน คณะทัวร์ได้ไปยลหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก .. กำแพงเมืองจีน
ทางขึ้นมีหลายทาง แต่ทางที่เราไปกันนี่เป็นกระเช้า เลยไปไกลหน่อย
ระหว่างทางก็จะเห็นกำแพงแหว่ง ๆ เป็นช่วง ๆ มีคนไปเที่ยวกันเยอะ

พอถึงด่านทางขึ้น อากาศหนาวจัด ลมแรง ถึงแม้ว่าแดดจะออกก็ตาม
คนไทยเมืองร้อนอย่างเรา เลยรู้ซึ้งถึงคำว่าหนาวเข้ากระดูกทุกรูขุมขน .. บรื๋อ...

[topping]

ซื้อตั๋ว แล้วขึ้นกระเช้าโลด

[topping]

แล้วก็สมใจ ... ชีวิตนี้ เกิดมาไม่เสียหลาย ได้มาเหยียบย่างอยู่บนกำแพงที่ยาวที่สุดในโลก

[topping]

กิจการของที่ระลึกหลายรูปแบบ บนกำแพงหนึ่งเดียวในโลกนี้

[topping]

อีกมุมจากจุดรวมพล และมองจากกระเช้า

[topping]

ระหว่างทางขากลับเข้าเมือง ผ่านป้ายโปรโมทโอลิมปิก
One World One Dream (คิดถึงเรื่องธิเบตแล้วมันขัด ๆ ฟระ)

จากนั้น ก็เป็นมื้อเที่ยง เมนูพิเศษ สุกี้มองโกล อร่อยเด็ดจริง ๆ เติมได้ไม่อั้นอีกต่างหาก

[topping]

ช่วงบ่าย ไปแวะชมพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง มีทั้งหมด 20 กว่าฉาก
เป็นเรื่องราวของจักรดิพรรดิ์ การรบ และการปกครองเกือบทั้งหมด
มีฉากนึงที่แสดงให้เห็นยุคข้าวยากหมากแพง ขอทานเยอะ
นักท่องเที่ยวเลยโยนเหรียญ โยนแบงค์ให้ ...

อีกมุมนึงก็ให้นักท่องเที่ยวสวมชุดราชวงศ์ถ่ายรูปกับบัลลังก์
ราคาไม่ใช่ย่อย .. แต่ก็นะ ครั้งหนึ่งในชีวิต
ได้มาเหยียบเมืองจีนบรรพบุรุษของเราทั้งที