สายเดี่ยว ประชาชาติ
|
|
« เมื่อ: มกราคม 06, 2006, 01:54:40 AM » |
|
ไปเมืองเหนือมาช่วงปีใหม่ครับ ถ่ายรูปมาเล่าสู่กัน
แวะที่แรกที่เมืองลำปางครับ
จังหวัดลำปาง เป็นจังหวัดที่มีความเก่าแก่และมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มาแล้วไม่น้อยกว่า 1,300 ปี ตั้งแต่สมัยหริภุญชัย (พระนางจามเทวี) เป็นต้นมา คือ ราวพุทธศตวรรษที่ 13 ชื่อของเมืองเขลางค์อันเป็นเมืองในยุคแรก ๆ และเมืองนครลำปาง ปรากฏอยู่ในหลักฐานทางประวัติศาสตร์หลายแห่ง ทั้งจากตำนานศิลาจารึกพงศาวดาร และจากคำที่นิยมเรียกกันโดยทั่วไปอย่างแพร่หลาย ได้แก่ตำนานจามเทวี ชินกาลบาลีปกรณ์ ตำนานมูลศาสนา ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ตำนานเจ้าเจ็ดตน พงศาวดารโยนก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
คลื่นทะเลซัดฝั่ง อาจจะพังทลาย ดังกับซากหินทราย ถูกทลายสูญสิ้น
|
|
|
สายเดี่ยว ประชาชาติ
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: มกราคม 06, 2006, 01:55:24 AM » |
|
เมื่อพระเจ้าเม็งรายสร้างเมืองเชียงใหม่เป็นราชธานี ในปี พ.ศ.1839 แล้ว ได้แผ่ขยายอิทธิพลมาครอบครองลำพูนและเมืองลคร (เขลางค์) กล่าวคือในพ.ศ. 1844 พระเจ้าเม็งรายโปรดให้ขุนคราม โอรส ยกกองทัพไปตีเมืองลำพูน พระยายีบาสู้ไม่ได้ จึงอพยพหนีมาพึ่งพระยาเบิกพระอนุชาที่เมืองลคร (เขลางค์) กองทัพของพระเจ้าเม็งรายซึ่งมีขุนครามเป็นแม่ทัพ ได้ยกติดตามมาประทะกับกองทัพของพระยาเบิกที่ริมน้ำแม่ตาล ปรากฏว่าพระยาเบิกเสียชีวิตในการสู้รบ ส่วนพระยายีบาเจ้าเมืองลำพูน ได้พาครอบครัวหนีไปพึ่งเจ้าเมืองสองแคว (พิษณุโลก ) ประทับอยู่ที่นั่นจนสิ้นพระชนม์ จึงสิ้นวงศ์เจ้าผู้ครองเขลางค์ยุคแรก
ส่วนเรื่องราวในตำนานชินกาลมาลีปกรณ์ ได้กล่าวเพิ่มเติมต่อไปอีกว่า ภายหลังจากที่พระเจ้าเม็งรายได้รับชัยชนะต่อพระยาเบิกแล้ว ได้แต่งตั้งชาวมิลักขะเป็นเจ้าเมืองแทน เจ้าเมืองคนใหม่พยายามชักชวนชาวเมืองเขลางค์สร้างเมืองใหม่ ซึ่งกลายเป็นเมืองเขลางค์ยุค 2 หลังจากนี้ก็มีเจ้าผู้ครองนครซึ่งมียศเป็นหมื่นปกครองสืบต่อกันมา เป็นเวลานาน จนกระทั่งสิ้นราชวงศ์เม็งราย พม่าก็แผ่อิทธิพลเข้ามาแทนที่ในสมัยพระเจ้าบุเรงนอง
เมืองนครลำปางเป็นหัวเมืองสำคัญของลานนาไทยมาจนกระทั่งถึงสมัยพระเจ้าบุเรงนอง กษัตริย์พม่าแห่งหงสาวดีได้แผ่อำนาจเข้าครอบครองลานนาไทยใน พ.ศ. 2101 ซึ่งสัญลักษณ์แห่งอำนาจของบุเรงนองยังปรากฏอยู่ทั่วไป ได้แก่ไม้แกะสลักรูปหงส์ประจำวัดต่าง ๆ (หมายถึงหงสาวดี) นับตั้งแต่นั้นมา นครลำปางตกอยู่ภายใต้อำนาจของพม่าเป็นเวลานานร่วม ๆ 200 ปีเศษ (พ.ศ.2101 - 2317) และบางครั้งก็อยู่ภายใต้การปกครองของกรุงศรีอยุธยาบ้างเช่น สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นต้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
คลื่นทะเลซัดฝั่ง อาจจะพังทลาย ดังกับซากหินทราย ถูกทลายสูญสิ้น
|
|
|
สายเดี่ยว ประชาชาติ
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: มกราคม 06, 2006, 01:56:07 AM » |
|
ปูชนียสถานที่สำคัญได้แก่ วัดพระแก้วดอนเต้า ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร (พระแก้วมรกต) ระหว่าง พ.ศ. 1979 - 2011
ประชาชาติเดินเข้าไปอย่างสง่า แร้วหัวก็ชนกับราวประตูดังฉึกใหญ่ งงอยู่พักใหญ่
ลุงคำกองคนเฝ้าหันมามองแร้วค้อนควับ...แร้วเอื้นออกไป " อ้ายมอเตอร์ไซด์ไปไหนมาจ๊ะ "........
กลัวแร้วคร๊าบ....
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
คลื่นทะเลซัดฝั่ง อาจจะพังทลาย ดังกับซากหินทราย ถูกทลายสูญสิ้น
|
|
|
สายเดี่ยว ประชาชาติ
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: มกราคม 06, 2006, 01:56:48 AM » |
|
ตามตำนาน วัดพระธาตุลำปางหลาง (ฉบับสาขาสมาคม เพื่อการรักษาสมบัติวัฒนธรรมประจำจังหวัดลำปาง) ได้กล่าวถึงเรื่องราวของเมืองลำปางไว้ว่า "พระพุทธเจ้าได้เสด็จด้วยลำดับบ้านใหญ่เมืองน้อย ทั้งหลาย พระพุทธเจ้าไปรอดบ้านอันหนึ่งชื่อ ลัมพการีวัน พระพุทธเจ้านั่งอยู่เหนือดอยม่อนน้อย สูงสะหน่อย ยังมีลัวะ ชื่ออ้ายคอน มันหันพระพุทธเจ้า เอาน้ำผึ้งใส่กระบอกไม้ป้างมาหื้อทานแก่พระพุทธเจ้า กับหมากพ้าว 4 ลูก พระพุทธเจ้ายื่นบอกน้ำเผิ้งหื้อแก่มหาอานนท์ถอกตกปากบาตร พระพุทธเจ้าฉันแล้ว ชัดบอกไม้ไปตกหนเหนือ แล้วพระพุทธเจ้าทำนายว่า สถานที่นี้จักเป็นเมืองอันหนึ่งชื่อ "ลัมภางค์" ดังนั้นนามเมืองลำปาง จึงหมายถึงชื่อของเมืองอันเป็นที่ตั้งของพระธาตุลำปางหลวงในปัจจุบัน จังหวัดลำปางเดิมชื่อ "เมืองนครลำปาง" จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ได้ระบุไว้อย่างชัดเจน ได้แก่ ศิลาจารึก เลขทะเบียน ลป.1 จารึกเจ้าหมื่นคำเพชรเมื่อ พ.ศ.2019 และศิลาจารึกเลขทะเบียน ลป.2 จารึกเจ้าหาญสีทัต ได้จารึกชื่อเมืองนี้ว่า "ลคอร" ส่วนตำนานชินกาลมารีปกรณ์ ตำนานพื้นเมืองเชียงใหม่ ตำนานเมืองเชียงแสน ตลอดจนพงศาวดารของทางฝ่ายเหนือ ก็ล้วนแล้วแต่เรียกชื่อว่า เมืองนครลำปาง แม้แต่เอกสารทางราชการสมัยรัตนโกสินตอนต้น ก็เรียกเจ้าเมืองว่า พระยานครลำปาง นอกจากนี้จารึกประตูพระอุโบสถวัดบุญวาทย์วิหาร ก็ยังมีข้อความตอนหนึ่งจารึกว่า เมืองนครลำปาง แต่เมื่อมีการปฏิรูปบ้านเมืองจากมณฑลเทศาภิบาลเป็นจังหวัด ตามคำสั่งของกระทรวงมหาดไทย ลงวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2459 ปรากฏว่า ชื่อของเมืองนครลำปาง ได้กลายมาเป็นจังหวัดลำปาง มาจนกระทั่งทุกวันนี้
มุมยอดฮิตครับ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
คลื่นทะเลซัดฝั่ง อาจจะพังทลาย ดังกับซากหินทราย ถูกทลายสูญสิ้น
|
|
|
สายเดี่ยว ประชาชาติ
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: มกราคม 06, 2006, 01:59:09 AM » |
|
อีกมุมครับ
ความจริงต้องมีรูปเจดียแบบกลับหัวในอุโบสถ เป็น Unseen Thailand
เป็นรูปแบบกล้องรูเข็ม แต่ประชาชาติขอติดไว้ก่อนครับ ลืมเอามาด้วย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
คลื่นทะเลซัดฝั่ง อาจจะพังทลาย ดังกับซากหินทราย ถูกทลายสูญสิ้น
|
|
|
สายเดี่ยว ประชาชาติ
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: มกราคม 06, 2006, 01:59:51 AM » |
|
เปิ้นจะอู้จะอี้ก็ออกมาแบบนี้หละ
น้ำฝนใสเย็นจากโอ่งดิน ดื่มอร่อยนักแล
น้ำดื่มขวดปาส-ติก...ใส่เครื่องทำน้ำเย็น ถึงจะใหลเย็นก็ระคายคอ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
คลื่นทะเลซัดฝั่ง อาจจะพังทลาย ดังกับซากหินทราย ถูกทลายสูญสิ้น
|
|
|
สายเดี่ยว ประชาชาติ
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: มกราคม 06, 2006, 02:00:17 AM » |
|
จริงครับ......
เจ้าของปีเป็นผู้ตอบ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
คลื่นทะเลซัดฝั่ง อาจจะพังทลาย ดังกับซากหินทราย ถูกทลายสูญสิ้น
|
|
|
สายเดี่ยว ประชาชาติ
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: มกราคม 06, 2006, 02:00:50 AM » |
|
ชวดหนู ฉลูห่าน ขาลเงาะ เถาะไก่........
แร้วปีแมวไปอยู่ที่ใหน..........มีปีวิฬามั้ยฟะ.......
เจ็บใจจริงวุ้ย ชอบแต่หมาอยู่นั้นนะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
คลื่นทะเลซัดฝั่ง อาจจะพังทลาย ดังกับซากหินทราย ถูกทลายสูญสิ้น
|
|
|
สายเดี่ยว ประชาชาติ
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: มกราคม 06, 2006, 02:01:38 AM » |
|
กลับมาเชียงใหม่ครับ
นิทานเรื่องนี้สอนไว้ว่า ควรติดเลนส์ไปเกินหนึ่งตัวในกระเป๋า
ทั้งเทเล และไวนด์ ไปด้วยกัน มิฉนั้นจะถ่ายได้ไม่หลากหลายเรย
วุ้ย........
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
คลื่นทะเลซัดฝั่ง อาจจะพังทลาย ดังกับซากหินทราย ถูกทลายสูญสิ้น
|
|
|
สายเดี่ยว ประชาชาติ
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: มกราคม 06, 2006, 02:02:24 AM » |
|
วันปีใหม่มาแร้ว
จุดพลุหน่อย.....ตามธรรมเนียมปฏิบัติ
ให้โรงแรมจุดนะครับ ไม่ควรจุดเองที่บ้าน.......เด้วคุกมาเยือน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
คลื่นทะเลซัดฝั่ง อาจจะพังทลาย ดังกับซากหินทราย ถูกทลายสูญสิ้น
|
|
|
สายเดี่ยว ประชาชาติ
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: มกราคม 06, 2006, 02:03:00 AM » |
|
ลูกสุดท้าย ช่วงฟินนาเร่
ยกกล้องถ่ายสบีด 4 วินาที รูรับแสง 22 เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ 8 สำหรับกล้องดิจิมอน
แร้วก็สั่นเป็นเจ้าเข้า เพราะไม่มีขาตั้งกล้อง กับเตกีล่าสองขวดครึ่งอยู่ในร่างกาย
สามสิบภาพได้มาสอง ยังดีกว่าแห้วเรียบหรอกนะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
คลื่นทะเลซัดฝั่ง อาจจะพังทลาย ดังกับซากหินทราย ถูกทลายสูญสิ้น
|
|
|
สายเดี่ยว ประชาชาติ
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: มกราคม 06, 2006, 02:04:57 AM » |
|
จบด้วยโคมลอย........ลูกละแปดสิบ........แพงชิบ........
อย่าเล่นในกรุงเทพนะครับ ผิด....ถ้าหล่นลงบ้านแร้วไฟใหม้
ปีใหม่พออนุโลม
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
คลื่นทะเลซัดฝั่ง อาจจะพังทลาย ดังกับซากหินทราย ถูกทลายสูญสิ้น
|
|
|
สายเดี่ยว ประชาชาติ
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: มกราคม 06, 2006, 02:05:48 AM » |
|
ตื่นเช้าไปทำบุญ วัดพระสิงห์
คนตรึมเรย
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
คลื่นทะเลซัดฝั่ง อาจจะพังทลาย ดังกับซากหินทราย ถูกทลายสูญสิ้น
|
|
|
สายเดี่ยว ประชาชาติ
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: มกราคม 06, 2006, 02:06:39 AM » |
|
วัดพระสิงห์ หรือมีชื่อเต็มว่า วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนนสามล้าน ต.พระสิงห์ เป็นวัดที่มีนักท่องเที่ยวรู้จักคุ้นชื่อกันดี พญาผายู กษัตริย์เชียงใหม่โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น เพื่อบรรจุพระอัฐิของพญาคำฟู ซึ่งเป็นพระราชบิดา เดิมชื่อว่า วัดลีเชียงพระ บริเวณหน้าวัดแห่งนี้เคยเป็นกาดมาก่อน ชาวบ้านเรียกว่า กาดลี วัดพระสิงห์มีสิ่งที่น่าสนใจได้แก่ หอไตร สร้างเป็นครึ่งตึกครึ่งไม้ ที่ตัวผนังตึกด้านนอกประดับด้วยทวยเทพปูนปั้นแต่งองค์ทรงเครื่องสวยงาม เป็นฝีมือช่างสมัยพระเมืองแก้ว ต่อมาในสมัยเจ้าแก้วนวรัฐได้มีการซ่อมแซมขึ้นใหม่ ประมาณ พ.ศ. 2467 ที่ฐานหอไตรปั้นเป็นลายลูกฟักลดบัวภายในประดับด้วยรูปสัตว์หิมพานต์ และประจำยาม ที่มีลักษณะละม้ายลายสมัยราชวงศ์เหม็งของจีน
นอกจากนี้ยังมีวิหารลายคำ เป็นวิหารทรงพื้นเมืองล้านนาขนาดเล็กกระทัดรัด ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์ ที่ผนังวิหารมีภาพจิตรกรรมโดยรอบ ด้านเหนือเขียนเป็นเรื่องสังข์ทอง ด้านใต้เป็นเรื่องสุวรรณหงส์ ภาพจิตรกรรมดังกล่าวมีความน่าสนใจมากทีเดียว โดยเฉพาะเรื่องสังข์ทองพบเพียงแห่งเดียวที่นี่ ลักษณะเด่นของภาพจิตรกรรมที่พบในล้านนา อาจารย์ศิลป์ พีระศรี ได้สรุปไว้ว่า " จิตรกรรมในภาคเหนือนิยมเขียนภาพชีวิตประจำวัน เป็นภาพเหมือนชีวิตจริง ถ้าเรามองดูภาพที่งดงามเรื่องสังข์ทองในวิหารลายคำ วัดพระสิงห์ จ.เชียงใหม่ เราจะรู้สึกคล้ายกับว่า เราเข้าไปอยู่ในสภาพการณ์ที่เป็นจริงตามความเป็นอยู่เมื่อ 100 ปีก่อน "
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
คลื่นทะเลซัดฝั่ง อาจจะพังทลาย ดังกับซากหินทราย ถูกทลายสูญสิ้น
|
|
|
สายเดี่ยว ประชาชาติ
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: มกราคม 06, 2006, 02:07:17 AM » |
|
...
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
คลื่นทะเลซัดฝั่ง อาจจะพังทลาย ดังกับซากหินทราย ถูกทลายสูญสิ้น
|
|
|
สายเดี่ยว ประชาชาติ
|
|
« ตอบ #15 เมื่อ: มกราคม 06, 2006, 02:11:30 AM » |
|
มีคนเคยบอกให้รู้ว่าการทำงานควรทำอย่างเหมือนปิดทองหลังพระ ประชาชาติก็เห็นด้วยครึ่งนึง แต่ถ้าพระท่านอยู่ตรงวงเวียน ยังไงคนก็ต้องเห็นจนได้ ปิดหน้าหรือจะปิดหลัง เมื่อมีความตั้งใจ ความมุ่งมั่น เจตนาที่ดีในการกระทำผลก็ออกมาเท่าๆกัน ซักวันก็ต้องเห็นผลกันครับ เหมือนขับรถวนรอบวงเวียน.......
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
คลื่นทะเลซัดฝั่ง อาจจะพังทลาย ดังกับซากหินทราย ถูกทลายสูญสิ้น
|
|
|
สายเดี่ยว ประชาชาติ
|
|
« ตอบ #16 เมื่อ: มกราคม 06, 2006, 02:15:19 AM » |
|
เตรียมไม้กวาดให้กวาดสิ่งกวนใจ เรื่องหงุดหงิด เรื่องเสียตังค์ ออกไปครับ ถ้าจะเสียตังค์เพราะดำน้ำ ไม่ต้องกวาดไปนะครับ ถ้าเรื่องกล้องจมน้ำ......อิอิ....ก็ต้องกวาดออกไปโดยเร็วๆ มีให้หลายด้ามครับ...... หวัดดีปีใหม่ครับ...
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มกราคม 06, 2006, 02:17:58 AM โดย สายเดี่ยว ประชาชาติ »
|
บันทึกการเข้า
|
คลื่นทะเลซัดฝั่ง อาจจะพังทลาย ดังกับซากหินทราย ถูกทลายสูญสิ้น
|
|
|
แม่หอย
|
|
« ตอบ #17 เมื่อ: มกราคม 06, 2006, 07:50:45 AM » |
|
..สวัสดีปีใหม่ค่า... แหม..คิดถึงจัง คุณสายเดี่ยวฯ นึกว่าหายไปไหน ที่แท้หนีไปแอ่วเหนือ.. ห้องท่องเที่ยวฯ นี่แม่หอยไม่ค่อยเข้ามาดู เพราะมักอิจฉาคนได้ไปเที่ยว แม่หอยมีแต่หัวปักอยู่กับบ่อหอย.. วันนี้เห็นกระทู้ใหม่คุณสายเดี่ยวเลยต้องเปิดห้องมาดู ได้ติดตามไปเที่ยวด้วย สนุกดีค่ะ ไปเที่ยวนี้ดีจังตังค์อยู่ครบ ..ขอบคุณนะคะ ฮิๆ..
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
ป้านิด
|
|
« ตอบ #19 เมื่อ: มีนาคม 02, 2006, 10:47:14 PM » |
|
เดือนหน้าจะไปเที่ยวปาย เชียงใหม่ ลำปาง ก่อนลงไปเที่ยวทะเลอันดามันค่ะ
ข้อมูลเยี่ยมมากค่ะ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|