View Full Version : รายงานผลการปฎิบัติงานโครงการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ และปลูกไม้ชายเลน ที่ แหลมผักเบี้ย
รายงานผลการปฎิบัติงานโครงการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ และปลูกไม้ชายเลน ที่ แหลมผักเบี้ย เมื่อวันศุกร์ที่ 18 กันยายน 2552
ตามที่คุณธเนศ พุ่มทอง ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและทดสอบพันธุ์สัตว์น้ำเพชรบุรี ได้เชิญชวนให้สมาชิก sos ไปร่วมกันปล่อยปูม้า 1 แสนตัว และหอยแครง 1 ล้านตัว ที่แหลมผักเบี้ย จ.เพชรบุรี ในวันศุกร์ที่ 18 กันยายน 2552
เรานัดพบกันประมาณ 9.00 น. ปรากฎว่าสองสายต้องขออภัยทุกท่านที่ไปช้ากว่าเวลานัด เนื่องจากมีเหตุขัดข้องบางประการทางบ้าน
แต่พอไปถึงพิธีก็เริ่มทันทีชนิดแทบตั้งตัวไม่ติด ..... โดยเริ่มจากตั้งแถวถ่ายภาพร่วมกันก่อน ดังในภาพแรก
..... แล้วก็ ปล่อยปูกันเลย
โดยคุณสายชล จาก sos และคุณสุภัทรา อุไรวรรณ์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพันธุกรรมสัตว์น้ำ กรมประมง (หัวหน้าของคุณธเนศ) เป็นประธานในการปล่อย โดยที่คุณธเนศ (ใส่เสื้อสีฟ้า สวมหมวก SOS) ยืนให้กำลังใจอยู่ด้านข้าง
หลังจากนั้น ก็ได้เวลาที่สมาชิก sos เจ้าหน้าที่ประมง และผู้ร่วมงาน ร่วมกันปล่อยปูม้า โดยสามารถปล่อยได้ 2 วิธี
วิธีแรก คือ เทปูม้าลงในถังน้ำใบใหญ่ ซึ่งต่อท่อให้ปูม้าตัวจิ๋ว ไหลลงไปยังทะเล
ถ้าไม่ทันใจ ก็ใช้วิธีที่ 2 คือ ...
หิ้วถุงลงไปที่ทะเล และแกะถุงปล่อยลงไปกับสายคลื่นเลย
ลูกปูม้า เมื่อโดนน้ำทะเลและคลื่นซัด สัญชาติญาณก็สั่งให้ว่ายน้ำกระแด่วๆ บางตัวก็มุดทรายหายไปต่อหน้าต่อตาผู้ปล่อย
ส่วนลูกหอยแครงนั้น ต้องลงเรือออกไปปล่อยแถวปลายแหลมผักเบี้ย ซึ่งแต่ละกลุ่มส่งได้เพียงตัวแทนลงเรือสปีดโบ๊ตลำเล็กๆออกไปปล่อยเท่านั้น
คุณสายน้ำช่างได้รับเกียรติแบบหายใจหายคอไม่ทัน ให้เป็นตัวแทน SOS ลงเรือไปกับแม่หอยและ ผอ.สุภัทราด้วย โดยมีน้องแมลงปอ ที่ขี้เมาพอกัน กับน้อง Oo และ น้อง hs4opb ตามขึ้นเรือมาด้วยกัน โดยมีพี่ๆน้องๆยืนส่งด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ขึ้นชื่อว่า หอย ไม่ว่าจะตัวใหญ่หรือตัวเล็ก หากจะเคลื่อนย้าย อย่างไรก็ต้องแช่น้ำ หรือไม่ก็ต้องห่อด้วยผ้าชุบน้ำ
แล้วก็ต้องมาก้มหน้าก้มตาแกะกันบนเรือ .... ถ้าไม่เมาก็ทำกันไปเถิดครับ พี่น้องครับ
ดูกันให้เต็มตาว่า นี่คือ ลูกหอยแครงที่ตัวใหญ่กว่าเม็ดทรายเพียงนิดเดียว ที่พวกเรากำลังจะปล่อยลงน้ำ
เราให้ ผอ.สุภัทรา เป็นผู้ประเดิมด้วยถาดแรก .... ท่านก็ยังไม่ทราบว่า จะให้สาดทั้งถาดหรือปล่อยแบบไหน
แม่หอยต้องเข้ามาประกบ พร้อมขยุ้มลูกหอยขึ้นมา 1 กำ แล้วสาดออกไป หลังจากนั้น ผอ.ก็สาดได้คล่องจนหมดถาดเลยครับ
น้องๆก็ช่วยกันปล่อยลูกหอยเช่นกัน .....
งานนี้ ผอ.สุภัทรา ท่านได้หว่านหอยกันสนุกมือ ลูกหอยทั้งพวกที่ห่อผ้ามา ได้ถูกแกะมารวมกันไว้ในกระบวย พร้อมให้ท่านได้หว่าน และพวกที่ยังอยู่ในห่อผ้า ก็ส่งให้ท่านแกะห่อและโปรยได้เลย
ส่วนน้องหอยบางส่วนที่ยังติดอยู่กับผ้าที่ห่อ .... ก็เป็นพวกน้องๆที่ช่วยกันเอาจุ่มน้ำให้หลุดไปให้หมด
ตอนปล่อยหอยแครง ใช้เวลาไม่นานหรอกครับ แต่ที่นานมากๆคือ ช่วงที่เรือพยายามแถกเลนเข้าคลองอีแอด เพื่อไปสมทบกับคนอื่นๆที่ธนาคารปูม้านั่นแหล่ะครับ ใช้เวลาเป็นชั่วโมง ..... แต่ก็ดีครับ ได้ชมวิว
นี่คือ ปลายแหลมผักเบี้ย .... สมชื่อเลยครับ แหลมจริงๆ แหลมเชี๊ยะเลย
ที่ปากคลอง มีชาวบ้านมาเดินลุยเลนเก็บหอยกันด้วยครับ ....
..... แต่ขอประทานโทษ หอยคงเยอะมาก เพราะไม่ต้องใช้คราดเลย พวกเขาเดินเก็บกันด้วยมือเปล่าๆ
ปูก้ามดาบเยอะมาก ..... น้องปลาตีนตัวเป้งๆก็ว่ายน้ำโชว์ตัวให้เห็นตลอดทาง
ส่วนนี่ ต้นอะไรก็ไม่ทราบ ขึ้นมาโด่เด่อยู่เพียงต้นเดียวกลางทุ่งเลน
เป็นเพราะน้ำลงมากช่วงเช้า ทำให้กำหนดการเปลี่ยนไปหลายอย่าง ...
.... อย่าง Walkway ที่ลัดเลาะตามริมคลองและชายป่าชายเลนมาเรื่อยๆจนถีงแหลม ก็อยู่ในแผนที่พวกเราจะได้มาเดินชมกัน แต่ก็ต้องเปลี่ยนแผนไป เพราะเราไม่สามารถออกเรือมาปล่อยหอยที่ปากคลองด้วยกันทั้งหมดได้
เรือพาเราแถกเลนเข้ามาจนถึงบริเวณท่าเรือประมง ที่กลุ่มคุณธเนศรอรับอยู่ด้วยความเป็นห่วง
.... ได้ทราบว่า ตามที่คุยกันไว้ เมื่อพวกเราปล่อยหอยแครงเสร็จ เรือจะตีกลับมาที่ชายหาด ให้พวกเรากลับมาสมทบกัน แล้วไปชมธนาคารปู
ปรากฎว่า ผิดแผน .... คนขับเรือกลับพาเราฝ่าดงเลนเข้าคลองหน้าตาเฉย พรรคพวกที่รอกันอยู่ที่ชายหาด ก็รอกันเงก ผลสุดท้าย คุณธเนศจึงตัดสินใจให้พวกที่รอไปปลูกป่าชายเลนกันเลย
การปลูกป่าชายเลน .... ไม่ได้ไปปลูกกันไกลที่ไหน เป็นพื้นที่ว่างด้านหลังบ้านพักเจ้าหน้าที่ศูนย์ฯนั่นเอง
มีการถ่ายภาพร่วมกันก่อนลงไปปลูกกล้าไม้ ...... เปรียบเทียบให้ดูกับภาพที่ถ่ายร่วมกันอีกครั้งหลังจากปลูกเสร็จ
ช่วงเริ่มลงไปปลูกกัน ก็ดูง่าย เพราะเจ้าหน้าที่ได้ขุดหลุมไว้ให้แล้ว พวกเราเพียงแค่วางกล้าไม้ลงไปในหลุม แล้วเอาดินกลบ ก็เป็นอันเสร็จ
ปลูกกันง่ายๆ เนื้อตัวไม่เลอะเทอะอย่างนี้ จึงได้ยิ้มร่ากันทุกคน
แล้วไอ้ที่กำลังปลูกกันอยู่น่ะ ต้นโกงกางนะครับ ไม่ใช่ต้นรัก .... ไม่ต้องหวานกันมากนัก
ปลูกกันแห้งๆแบบนี้ เดี๋ยวเดียวก็เสร็จ ....
โกงกางรุ่นก่อนๆที่เจ้าหน้าที่ปลูกไว้ก่อนหน้านี้ กำลังเติบโต
ยังไม่หมดครับ ยังเหลือกล้าอีกกองหนึ่ง ที่เขาเตรียมไว้ให้ลงไปปลูกในเลน
ได้เละกันอย่างนี้ ดูจะถึงใจพระเดชพระคุณมากกว่านะครับ
sos ถนัดแบบเละๆ รู้สึกเฮฮาปาร์ตี้กันมาก
เก็บภาพคู่กับดาราประจำ sos ก่อนที่จะไปล้างเนื้อล้างตัว เปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อไปรับประทานอาหารกลางวันร่วมกัน
คงจะเป็นเพราะหิวจัด ช่วงรับประทานอาหารกลางวันจึงไม่ได้เก็บภาพกันเอาไว้เลย ....
หลังอาหารกลางวัน เป็นรายการพิเศษที่คุณธเนศแถมมาให้ คือ แวะชม โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
เริ่มการฟังการบรรยายเกี่ยวกับโครงการฯเพื่อให้พวกเราได้รู้จักก่อนที่จะเข้าชมพื้นที่
พอเจอที่ร่มๆ ลมพัดเย็นๆ ก็เริ่มสะลึมสะลือกันหลายคน ....
จบแล้ว .... ออกไปขึ้นรถ เพื่อเข้าชมพื้นที่ต่างๆของโครงการ โดยมีมัคคุเทศก์ที่ชื่อ น้องเอ เป็นผู้บรรยายตลอดรายการ
การบำบัดน้ำเสียจากเมืองเพชรบุรีของโครงการฯ จะผ่านกรรมวิธีทางธรรมชาติแบบเป็นขั้นเป็นตอน
เริ่มจากบ่อพักหลายบ่อ เพื่อให้ตกตะกอน ... น้ำที่ผ่านขั้นตอนนี้ไปจะเป็นน้ำที่กรองตะกอนไปแล้วหลายชั้น และจะส่งผ่านไปยังขั้นตอนทำความสะอาดตามธรรมชาติขั้นต่อไป
ผ่านจากบ่อตกตะกอน น้ำจะผ่านมาถึงแปลงหญ้านานาชนิด ด้วยกรรมวิธีที่ระบุไว้บนป้ายในภาพแรก
มาถึงขั้นตอนนี้ น้ำน่าจะลดมลพิษไปได้หมดแล้ว เพราะพี่เสือ ที่วิ่งตามรถเรามาตั้งแต่อาคารด้านหน้า ดื่มน้ำในแปลงหญ้าโชว์ อั้กๆๆๆ ด้วยความกระหาย โดยไม่ได้รับอันตรายใดๆ
ก่อนจะปล่อยลงทะเล ก็จะมีป่าไม้ชายเลนเป็นตัวกรองอีกชั้น
สัตว์ที่อยู่คู่กับป่าชายเลนของที่นี่คือ ปลาตีนตัวใหญ่ๆๆๆ .....
นอกจากนี้ พวกเศษผักเศษหญ้าที่ต้องทิ้ง ก็ไม่ให้สูญเปล่า ยังสามารถนำมาลงบ่อหมัก เพื่อให้ได้ปุ๋ยน้ำชีวภาพไว้ใช้ในการเกษตรต่อไปอีก
บริเวณข้างทางระหว่างที่เดินทางกลับ สองข้างบึงน้ำมีนกมากมายหลายชนิดบินโฉบไปมา หรือเกาะอยู่บนคอน รอจังหวะโฉบปลาไปกิน
คุณวรนุส ก็มีให้เห็นตามรายทาง ....
ส่วนเจ้าตัวนี้ แหกตาข่ายกรองตะกอนเข้ามาฉกปลากิน แล้วทำท่าเหมือนหาทางออกไม่เจอ
ส่วนเจ้านกตัวนี้ เราเห็นมันชูคอกระดึ๊กๆอยู่เป็นนาน ที่แท้มันพยายามที่จะส่งปลาเข้าไปในลำคอ แต่ไม่สำเร็จเสียที
ก็ดูเอาสิครับ ปลาตัวใหญ่กว่าลำคอนกสัก 3 เท่าได้ แถมยังกางครีบอีกด้วย .... จะกลืนลงไปได้สำเร็จหรือไม่ พวกเราไม่มีเวลาพอที่จะมานั่งเฝ้าดูเสียด้วย
แล้วก็หมดเวลาทัวร์ ....
แต่ในช่วงเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงนี้ ทำให้พวกเราต้องทึ่ง ในพระปรีชาสามารถของในหลวงเป็นอย่างยิ่ง ที่ทรงนำเอาธรรมชาติที่มีอยู่รอบตัว มาใช้เป็นเครื่องมือบำบัดน้ำเสีย ซึ่งเรื่องง่ายๆแค่นี้ พวกนักการเมืองที่เราเลือกเข้าไปเป็นรัฐบาลบริหารประเทศคิดกันไม่ออ ก ทำให้เลือกตั้งคราวหน้าต้องคิดกันหนักสักหน่อยแล้วครับ
ออกจากโครงการตามพระราชดำริ เราย้อนกลับไปที่ธนาคารปู เพื่อเยี่ยมชมการดำเนินการของโครงการนี้
ถึงตรงนี้ ผมขอนำสกู๊ปข่าวจาก นสพ.ข่าวสด วันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 ที่ได้ลงเกี่ยวกับธนาคารปูของชาวประมงที่นี่ มานำเสนอให้ได้รู้จักครับ
ชาวประมงแหลมผักเบี้ย รวมกลุ่มตั้งธนาคารปูม้า
ในแต่ละวันสมาชิกกลุ่มชาวประมงพื้นบ้าน ต.แหลมผักเบี้ย อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี มีนายไพฑูรย์ รื่นรวย อายุ 46 ปี เป็นประธานกลุ่ม จะต้องนำเรือออกไปที่สถานเลี้ยงอนุบาลปูม้า ที่สร้างไว้ในทะเล ห่างจากฝั่งประมาณ 2,000 เมตร เพื่อนำปูม้าที่มีไข่ติดอยู่ที่หน้าท้องปริมาณหลายแสนชีวิต ออกไปปล่อยลงในกระชังที่สร้างไว้ เพื่อให้ลูกปูม้าเจริญเติบโต และออกจากบริเวณใต้ท้องจนหมด ซึ่งจะใช้เวลาไม่เกิน 10 วัน และหลังจากไข่ปูม้าเจริญเติบโตกลายเป็นลูกปูม้าวิ่งออกสู่ทะเลเรียบร้อยแล้ว ก็จะนำปูม้ากลับมาคืนสมาชิกที่นำมาให้ เพื่อขายหรือบริโภคเป็นอาหาร ส่วนปูม้าที่ทางสมาชิกให้กับกลุ่มโดยไม่เอาคืน ทางกลุ่มก็จะเอาไปขายนำรายได้มาซื้อปลาทะเล มาเป็นอาหารใช้เลี้ยงปูที่อยู่ในกระชัง และเป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของกลุ่ม แม้ว่าแต่ละครั้งที่ขับเรือออกไป จะต้องใช้น้ำมันที่มีราคาแพงมากก็ต้องยอม
นายไพฑูรย์ รื่นรวย อยู่บ้านเลขที่ 77/2 หมู่ 1 ต.แหลมผักเบี้ย อ.บ้านแหลม ประธานกลุ่มชาวประมงแหลมผักเบี้ย เปิดเผยว่า หลังจากตั้งกลุ่มได้ไม่นาน โดยการสนับสนุนงบประมาณก่อสร้างแพและกระชังเลี้ยงอนุบาลปูม้ากลางทะเล ในจำนวนเงิน 5,000 บาท จากกลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง
สมาคมรักทะเลไทย มีชาวประมงพื้นบ้านใน ต.แหลมผักเบี้ย เข้าร่วมเป็นสมาชิกแล้วกว่า 40 ราย จากจำนวนชาวประมงทั้งหมดที่มีอยู่ประมาณ 80 ราย ลักษณะของธนาคารปูม้าที่ตั้งขึ้น เพื่อต้องการเพิ่มปริมาณปูม้าให้กับท้องทะเล เพราะปัจจุบันชาวประมงพื้นบ้านนอกจากจะต้องต่อสู้กับปัญหาน้ำมันแพงแล้ว ยังพบว่าปริมาณสัตว์น้ำที่จับขายเลี้ยงครอบครัวกันอยู่ก็มีปริมาณลดลงอย่าง น่าใจหาย โดยเฉพาะปูม้าที่ในอดีตชุกชุมมาก เคยจับได้หลายสิบกิโลกรัมต่อการออกทะเลแต่ละครั้ง แต่ปัจจุบันเหลือเพียงไม่ถึง 5 กิโลกรัมต่อครั้ง เมื่อหักค่าน้ำมันแล้ว ชาวประมงแทบไม่เหลืออะไร แต่ก็ยังดีที่ราคาปูม้าค่อนข้างดี ขายส่งอยู่ที่กิโลกรัมละ 50-60 บาท แต่ถ้าชาวประมงที่ไม่เป็นหนี้พ่อค้า หยิบยืมเงินมาใช้ลงทุนก่อน ก็จะนำไปขายเองจะได้ราคาสูงอยู่ที่กิโลกรัมละ 100-150 บาท ทำให้ชาวประมงย่านนี้ ยังสามารถออกเรือทำมาหากินในทะเลอยู่ได้ ท่ามกลางสภาวะที่ราคาน้ำมันแพง แต่ถ้าปริมาณสัตว์น้ำที่จับกันอยู่ลดลงหรือหมดไป คราวนี้แหละชาวประมงต้องเดือดร้อนแน่ จึงเป็นสาเหตุของการรวมตัวกันตั้งธนาคารปูม้าขึ้น
ลักษณะการทำงาน จะมี 2 วิธี เมื่อชาวประมงได้ปูม้าที่มีไข่อยู่ใต้ท้องจำนวนมาก ก็จะนำมาให้ทางกลุ่ม ซึ่งมีที่ทำการอยู่บนฝั่ง เมื่อได้ปริมาณพอสมควร ชาวประมงนำไปใส่ไว้ในกระชังที่สร้างไว้กลางทะเลเอง หากต้องการนำปูม้ากลับคืนหลังไข่ฟักเป็นตัวหมดแล้ว ชาวประมงจะใช้สีเขียนชื่อติดไว้ที่กระดองปูม้า
นายสมควร น้อยแสง อายุ 45 ปี ชาวประมงที่เข้าร่วมโครงการ เปิดเผยว่า ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีของชาวประมง เพราะถ้าไม่ทำแบบนี้อีกไม่นานปูม้าคงจะค่อยๆ หมดไปจากท้องทะเลแน่นอน เนื่องจากจับกันอย่างเดียว แถมปูไข่ก็ไม่เว้น ก็จะทำให้ปริมาณลดลงไปเรื่อยๆ นอกจากนั้นปัญหาที่ส่งผลกระทบอีกอย่างหนึ่งที่ทำให้ปูม้าลดลง คือการลักลอบเข้ามาคราดหอยของเรือขนาดใหญ่ในพื้นที่อนุรักษ์ชายฝั่ง ผลของตะแกรงเหล็กที่ใช้คราดหอย นอกจากหอยตัวเล็กจะติดไปด้วยแล้ว ยังทำให้หน้าดินเน่าเสีย ลูกปูไม่มีอาหารกิน เสียชีวิตไปด้วย จึงขอวิงวอน ขอร้องเรือคราดหอยขนาดใหญ่ อย่ามาบุกรุกพื้นที่ทำกินของเรือประมงพื้นบ้านในพื้นที่ 3,000 เมตรอีกเลย
ปรากฎว่า เที่ยวนี้ เราไม่มีโอกาสได้เยี่ยมชมแพอนุบาลปูม้าในทะเล เนื่องจากได้ถูกลากเข้ามาเก็บที่ท่าเรือเสียแล้ว เพื่อหลบคลื่นลมที่จะเริ่มแรงขึ้นเรื่อยๆของทะเลฝั่งอ่าวไทย
เราจึงแวะชมธนาคารปูม้า ของวิสาหกิจชุมชนที่ตั้งอยู่บริเวณท่าเรือคลองอีแอดแทน โดยมีกรรมการของวิสาหกิจชุมชนเป็นผู้บรรยายความเป็นมาและวิธีดำเนินงานของธนาคารปูม้าแห่งนี้ให้พวกเราได้เข้าใจ
ชมกันอย่างใกล้ชิด ....
ดูในถังไม่ถนัด จึงใช้แก้วตักขึ้นมาส่อง จึงได้เห็นลูกปูม้าที่เพิ่งออกจากไข่ว่ายน้ำกันยั๊วเยี๊ย ก่อนที่จะถูกปล่อยไปตามท่อที่ต่อมายังถัง ลงไปยังคลองอีแอด
ลักษณะของไข่ที่ยังออกสีเหลืองๆอย่างนี้ คงต้องอยู่ในถังอีกสัก 2 วัน
แต่ถ้าไข่ออกสีดำๆอย่างนี้ อยู่ในถังอีกสักวันเดียว แม่ปูก็จะดีดไข่ให้ออกมาเป็นตัวแล้ว
ไม่ได้มีเพียงแค่ปูม้านะครับ .... ปูทะเลก็มีด้วย แต่นานๆมีมาฝากเสียที
ชาวบ้านแถวนี้ ถนัดหาเลี้ยงชีพด้วยการจับปูม้ามากกว่าปูทะเลครับ
บนกระดานนี้ เป็นการบันทึกรายชื่อเรือประมงและจำนวนแม่ปูม้าที่นำมามอบให้ธนาคาร
เห็นความเสียสละและความสามัคคีของชาวบ้านแล้ว sos จึงได้ช่วยสนับสนุนเงินก้อนหนึ่งสมทบทุนสนับสนุนโครงการธนาคารปูม้าของชาวประมงแหลมผักเบี้ยด้วย
หลังจากนี้ สมาชิก sos ที่มาร่วมกิจกรรมได้แยกย้ายกันกลับภูมิลำเนาด้วยความสุข สดชื่น ที่ได้มาร่วมกันทำกิจกรรมเพื่อทะเลไทยและสภาพแวดล้อมในวันนี้
กิจกรรมตามโครงการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ และปลูกไม้ชายเลน ที่ แหลมผักเบี้ย ครั้งนี้ บรรลุผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ได้ ต้องขอขอบคุณบุคคลและหน่วยงานดังต่อไปนี้
1. คุณธเนศ พุ่มทอง ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและทดสอบพันธุ์สัตว์น้ำเพชรบุรี และเจ้าหน้าที่ของศูนย์ฯทุกท่าน ที่ได้นำพันธุ์ปูม้า จำนวน 2 แสนตัว ให้สมาชิก sos ร่วมปล่อย และได้จัดเตียมพื้นที่พร้อมกล้าไม้ไว้ให้พวกเราร่วมปลูก
2. คุณจินตนา นักระนาด ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงชายฝั่งประจวบคีรีขันธ์ และเจ้าหน้าที่ศูนย์ฯ ที่ได้เตรียมพันธุ์หอยแครง จำนวน 1 ล้านตัว มาให้ปล่อย
3. เจ้าหน้าที่โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่ได้พาสมาชิก sos เข้าชมพื้นที่ของโครงการ พร้อมการบรรยายอันมีสาระประโยชน์ให้พวกเราได้รับทราบ
4. กรรมการวิสาหกิจชุมชนของแหลมผักเบี้ย ที่ได้ให้การต้อนรับ พร้อมนำชมโครงการธนาคารปูม้า
5. สมาชิก sos ทุกท่าน ที่ได้เสียสละเวลาอันมีค่า เดินทางมาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ จนบรรลุผลตามวัตถุประสงค์ที่ได้วางไว้
สำหรับกิจกรรมครั้งนี้ ได้นำเงินกองกลางชำระเป็นค่าใช้จ่ายรวมเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 8,100 บาท ครับ
..... หวังว่าคงจะได้ร่วมกันทำกิจกรรมเพื่อทะเลไทยครั้งต่อๆไปนะครับ ... สวัสดี
ขอบพระคุณพี่สองสาย ที่นอกจากจะเป็นหัวแรงจัดการให้เราได้ร่วมทำกิจกรรมดีๆ กันแล้ว ยังกรุณามาบอกเล่าเรื่องราวที่ทั้งมีสาระและที่ได้อ่านแล้วทำให้ยิ้มมีความสุข..
ขอบคุณ ผอ.ธเนศ ที่จัดกิจกรรมนี้ขึ้น และทำให้พวกเราได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมงานโครงการตามพระราชดำริฯ ที่ให้เราได้มีจิตสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอันใหญ่หลวงที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ได้ทรงมีต่อปวงชน เราจะได้มีเรี่ยวแรงทำคุณงามความดีเพื่อประเทศชาติกันให้มากๆ ขึ้น เพื่อถวายความกตัญญูต่อพระเจ้าอยู่หัวฯ และต่อประเทศชาติของเรานะคะ
แม้จะมีการผิดเวลา..ผิดคิวไปบ้าง แต่งานนี้ก็ผ่านไปด้วยความสุขสนุกสนานและเปรอะเปื้อนเลอะเทอะกันพอหอมปากหอมคอนะคะ
Super_Srinuanray
11-10-2009, 19:11
หากปล่อยแล้วอยากกิน จะผิดไหมหนอ.....อิอิื
อยากกินปูม้่า
WOW..Nice Pix. and Report ka
Cheers cheers!
โครงการนี้สองปีมาแล้ว เวลาผ่านไปไวจริงๆ ..
รายงานและภาพถ่ายเหล่านี้เป็นเสมือนบันทึกเรื่องราวที่ย้อนกลับมาอ่านทีไร ก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้ทุกครั้ง ถึงแม้จะไม่ได้ไปร่วมกิจกรรมด้วยก็ตาม
ที่รู้สึกอีกอย่างก็คือหากเปรียบกิจกรรมที่ sos จัดมาตั้งแต่ต้นเป็นบันทึกแต่ละบท
สมุดบันทึกเล่มนี้คงหนาและเล่มใหญ่น่าดู
น่าภาคภูมิใจจริงๆครับ
จ้ะ...น้องดอกปีบ...งานที่เราทำไปแล้วกว่า 80 โครงการ ถ้ารวบรวมไว้ด้วยกันหมด คงเป็นบันทึกเล่มใหญ่ทีเดียวค่ะ...
และ งานเพื่อทะเลและสิ่งแวดล้อมยังมีอีกมากมายที่เราทำได้...และอยากจะทำ...แต่อยู่ที่ว่า เราพร้อมกันหรือเปล่าเท่านั้นนะคะ..
vBulletin® v3.8.10, Copyright ©2000-2024, vBulletin Solutions, Inc.