View Full Version : รายงานผลการปฏิบัติงานโครงการปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ/ปลูกป่าชายเลน และทัศนศึกษา จ.ตรัง
กลับมาอีกครั้งกับทริปปลายปีของพวกเรา สมาชิกชาว sos ..
ปีนี้พวกเราได้ตกลงกันครับว่า เราจะไปทำงานกันที่จังหวัดตรัง ..
จังหวัดที่เป็นเหมือนทางผ่านในการเดินทางไปเยี่ยมเยือนอันดามัน
จังหวัดที่เราตั้งใจจะไปปล่อยสัตว์น้ำให้แพร่พันธุ์ ไปปลูกป่าโกงกางให้เติบโต
และที่สำคัญที่สุด เราตั้งใจจะไปทำความดีถวายในหลวงของเราตามวัตถุประสงค์ของโครงการที่ได้ตั้งไว้กัน :)
นอกจากพี่สองสายที่ต้องเดินทางล่วงหน้าไปตระเตรียมงานก่อนนั้น .. :)
สมาชิกส่วนใหญ่เดินทางกันด้วยรถไฟ ซึ่งได้บรรยากาศต่างไปจากการเดินทางที่เราเคยชินกัน ไม่ว่าจะเป็นทางรถยนต์หรือทางเครื่องบิน
การเดินทางแบบถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่่าง .. ทำให้พวกเราได้ใช้เวลาผูกสัมพันธ์แลกเปลี่ยนมิตรภาพกันแบบที่การเดินทางแบบอื่นไม่มี :rolleyes:
ขอบคุณพี่ติ๋ว ตุ๊กแกผา ที่ช่วยพวกเราดูแลเรื่องรถไฟมา ณ ที่นี้ด้วยครับ :o
บรรยากาศในรถไฟที่จงใจให้เราได้อยู่ใกล้กัน ทำให้พวกเราได้ย้อนคิดว่า ..
ถึงแม้ว่าเราจะมาจากต่างสถานที่ ต่างสถานี ต่างครอบครัว แต่เรากำลังมุ่งหน้าไปสู่จุดหมายเดียวกัน ด้วยความตั้งใจที่ดีร่วมกัน
แล้วคืนแรกของการเดินทางก็ผ่านไปในบรรยากาศตู้เย็นและเสียงม้าเหล็กขับกล่อมเป็นระยะๆ ..
ผมเชื่อว่าทุกคนฝันดี :)
พอลืมตาตื่นขึ้น .. ตู้เย็นเคลื่อนที่ก็พาเรามาถึงจังหวัดตรังในไม่ช้า
เหมือนพี่สายชลจะรู้ .. ถ้าหนาว ก็ต้องเติมความอบอุ่นด้วยอ้อมกอดต้อนรับที่พวกเราคุ้นเคยกันหน่อย :o
เพราะว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง สำหรับนักรบอนุรักษ์ทะเลก็คงเหมือนกัน ..
พี่สองสายพานักรบหิวโซทั้งหลายไปเติมพลังงานกับอาหารสุดอร่อยที่ร้านเลตรัง 2
(ขออนุญาตยังไม่นำรูปอาหารมาให้ชมตอนนี้ เพราะสมาชิกอาจสติแตกเพราะความหิวได้)
ขอบคุณพี่กำนันและพี่จิ๋ม คุณพ่อและคุณแม่ของน้องพลอย ploybabe มา ณ ที่นี้ด้วยครับ อาหารอร่อยและบรรยากาศที่ร้านประทับใจจริงๆครับ :p
หลังจากอิ่มท้อง วันแรกเราก็เริ่มทัศนศึกษาสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัดตรังกันเลย ..
ถ้าแปลกันตรงตัว ทัศนศึกษา ก็คือการไปเห็นเพื่อให้เกิดความรู้ หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ การเที่ยวไปด้วยคิดไปด้วย
สถานที่แรกที่พี่สองสายพาพวกเราไปเยี่ยมชม ก็คือ ถ้ำเลเขากอบ สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัด ..
ถ้ำเลเขากอบ เป็นถ้ำในภูเขาหินปูน ต้องนั่งเรือเข้าไปโดยมีทางน้ำไหลเชื่อมห้องต่างๆตามเส้นทางในถ้ำ ..
ผู้ชายพายเรือ ซึ่งเป็นเหมือนมัคคุเทศก์และฝีพายในคนเดียวกัน เล่าประวัติถ้ำให้ฟังว่า ถ้ำนี้ถูกค้นพบโดยชาวบ้านที่เข้ามาหาปลา ซึ่งภายหลังก็ได้พัฒนาเป็นแหล่งท้องเที่ยว และชาวบ้านก็ได้ช่วยกันดูแลรักษาร่วมกันเป็นอย่างดี :)
ชาวบ้านดูแลกันดีขนาดไหน ก็ต้องวัดจากเสียงเตือนที่ได้ยินเป็นระยะๆ อย่าแตะหินงอกหินย้อยนะครับพี่น้อง ..
หินงอกหินย้อยในถ้ำสวยงาม ดูไปก็ย้อนคิดไปได้ว่า ทุกอย่างที่ธรรมชาิติสร้างขึ้นนั้น บริสุทธิ์และสวยงามจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นภูเขา ถ้ำ หรือทะเล แต่เราจะรักษาความสวยงามเหล่านี้ได้นานแค่ไหน คงเป็นคำถามที่พวกเราต้องตอบเอง ..
ก่อนออกจากถ้ำ เป็นช่องทางที่แคบมาก นักท่องเที่ยวต้องนอนราบไปกับท้องเรือ พี่ผู้ชายพายเรือบอกว่า นี่พวกเราโชคดีมากๆ ถ้ำส่วนที่เรียกว่าท้องมังกรนี่ไม่ใช่ว่าทุึกคนมาเที่ยวแล้วจะได้เข้ามานะ ได้เข้ามาลอดท้องมังกร ออกไปแล้วจะโชคดีมากๆ
ผมย้อนคิดต่อไปว่า ทั้งๆที่อยู่ในถ้ำแห่งเดียวกัน อะไรที่มันไม่ใช่ธรรมดาๆ พิเศษๆแบบนี้จะทำให้ของสิ่งนั้นหรือสถานที่นั้นมีคุณค่าขึ้นมาโดยทันที
อยากให้ทะเลไทย และธรรมชาติบ้านเรา เป็นความพิเศษในหัวใจของนักท่องเที่ยวและคนที่ได้ประโยชน์จากธรรมชาติเหล่านี้บ้่างจัง :rolleyes:
ได้เที่ยวชมถ้ำกันแล้ว ก่อนที่พี่สองสายจะพาเราไปทัศนศึกษากันต่อ พวกเราแวะกันที่ร้านขายของที่ระลึก และคุณลุงเจ้าของร้านก็สาธิตการแกะสลักไม้เทพธาโร ซึ่งเป็นไม้เนื้อหอม กันกลิ่นอับต่างๆ อันเป็นภูิมิปัญญาชาวบ้าน สาธิตให้พวกเราชมกัน ..
คุณลุงบอกว่า ไม่ได้ไปตัดต้นไม้เหล่านี้มา แต่จะเลือกคัดจากต้นที่ตายแล้่วมาทำเป็นของที่ระลึกจำหน่ายแก่นักท่องเที่ยวด้วยครับ :)
พอได้อุดหนุนของที่ระลึกกันพอหอมปากหอมคอแล้ว เราเดินทางต่อไปยังถ้ำเขาปินะ ซึ่ีงเป็นถ้ำแหล่งท่องเที่ยวสำคัญอีกแห่งหนึ่งของจังหวัด
ถ้ำแห่งนี้ เดิมเคยพบหม้อ 3 ขาและโครงกระดูกมนุษย์โบราณในถ้ำด้วย ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจทีเดียว ปากถ้ำด้านบน เราพบซากเปลือกหอยติดอยู่ตามหน้าผาหินด้วย ..
ปากถ้ำติดหน้าผาด้านบน ใกล้พระพุทธรูปเก่าแก่สีขาว มีพระปรมาภิไธยย่อของพระเจ้าอยู่หัวรััชกาลที่ 7 สลักไว้บนหน้าผา บรรยากาศด้านล่างให้ต้นไม้และภูเขาเขียวขจี :)
ก่อนออกจากวัด พีสองสายเล่าให้ฟังถึงพระพุทธรูปหยกขาวที่ศักดิ์สิทธิ์และอยากให้สมาชิกเหล่าสมาชิกไปกราบขอพรเพื่อความเป็นศิริมงคล ..
พระพุทธรูปองค์นั้นถูกนิมนต์ไปรักษาไว้ในกุฏิหลวงพ่อ เนื่องจากมีคนใจบาปพยายามจะโจรกรรมพระพุทธรูปองค์นี้หลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ หลวงพ่อบอกว่า พวกขโมยพยายามจะยกองค์พระแต่ยกไม่ขึ้น ..
สมาชิก sos ทั้งชายและหญิงก็เลยถือโอกาสไปกราบและขออนุญาตท่านลองยกท่านขึ้นดู
ส่วนตัวผมเองแล้ว เชื่อว่า ถ้าคนคิดดี มีความตั้งใจดีแล้ว ทำอะไรก็ต้องสำเร็จ ส่วนคนที่คิดไม่ดี ยังไงผลก็ต้องออกมาตรงกันข้าม :)
คงต้องขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะครับ มีโอกาสก็จะกลับมารายงานต่อให้จบแน่นอน ..
คงต้องขอสวัสดีปีใหม่กับพี่สองสายและสมาชิกทุกคนด้วย ขอให้ความดีและคุณพระคุ้มครองทุกคนให้มีความสุข และใช้เวลาในวันหยุดนี้อย่างสนุกสนานและปลอดภัย โชคดีปีใหม่ครับผม :)
เริ่มเรื่องก็สวยทั้งเรื่องและภาพแล้ว....................ขอบคุณจ้ะ น้องดอกปีบ & น้องเบลูก้าน้อย....:)
สวัสดีปีใหม่ตั้งแต่ตอนนี้...แสดงว่ากว่าจะได้อ่านต่อก็ต้องรอปีหน้าแน่ๆเลย...คิกๆ
สวัสดีปีใหม่จ้ะ....ขอให้น้องดอกปีบ...น้องเบลูก้าน้อย มีความสุข สดชื่น สมหวังตลอดปีใหม่และตลอดไปจ้ะ
ตุ๊กแกผา
31-12-2009, 15:08
พี่ผูกเปลนอนรอเลยแหล่ะหม่อง 5555555 นานเท่าไหร่ก็รอได้
เพราะมั่นใจว่านักเล่าเรื่องฝีมือเอกอย่างหม่อง กับภาพที่มีนางแบบเป็นวาฬเผือกนั้น มัน
........ไปด้วยกันแบบเนียนๆดีจริงๆๆๆๆ5555555
คิดถึงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆอยากไปอีกๆๆๆๆๆๆๆ
ตุ๊กแกผา
31-12-2009, 15:12
พระพุทธรูปองค์นั้นถูกนิมนต์ไปรักษาไว้ในกุฏิหลวงพ่อ เนื่องจากมีคนใจบาปพยายามจะโจรกรรมพระพุทธรูปองค์นี้หลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ หลวงพ่อบอกว่า พวกขโมยพยายามจะยกองค์พระแต่ยกไม่ขึ้น ..
สมาชิก sos ทั้งชายและหญิงก็เลยถือโอกาสไปกราบและขออนุญาตท่านลองยกท่านขึ้นดู
ส่วนตัวผมเองแล้ว เชื่อว่า ถ้าคนคิดดี มีความตั้งใจดีแล้ว ทำอะไรก็ต้องสำเร็จ ส่วนคนที่คิดไม่ดี ยังไงผลก็ต้องออกมาตรงกันข้าม :)
เห็นด้วยกับหม่องค่ะ.......แต่ก็เกือบไปแน๊ะ โชคดีน๊ะที่แรงฮึดเรามีมาก เห็นคนอื่นยกเลยขอบ้าง .......
และเท่าที่จำได้...สมาชิกsos ที่เข้าไปขอยก ยกได้หมดทุกคน แสดงว่าเป็นคนดีหมดเลย
เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆคนดีๆๆๆๆๆๆๆๆ
แต๊งกิ้วจ้า ดอกปีบ ภาพสวย และเรื่องเล่าได้อารมณ์หวาน ๆ ตามคนเล่าเลย (อิอิ อย่าบอกนะว่าเจ้าเด็กแสบเป็นคนเล่าเรื่อง ฮี่) บนรถไฟน่ะ ดูเหมือนอบอุ่น เนื่องจากพี่น้อง SOS อุ่นหนาฝาคั่ง ที่ไม่เคยเจอกันนานเป็นปี ก็ได้เจอ ซึ่งเป็นที่สนุกสนานมาก.. แต่ความจริงแล้ว อากาศบนตู้นอนคืนนั้น หนาวจนขดแล้วขดอีก.. ก็ยังไม่วาย พี่ Meinie และ พี่ KKG นั้น รับน้ำสรงกันทั้งคืน น่าสงสารมาก.. ขนมปังชาเย็นจาก muffin เอย น้ำ นมถั่วเหลือง และ ขนมปังที่ โหย๋เป็นธุระแบกมาให้เอย ทุกอย่างเต็มเปี่ยม อิ่มแปร้ แต่พวกเราก็ยังไม่วายอยากทดลองทฤษฎี KFC ส่งทุกที่ทุกเวลาจริงรึป่าว.. ก็ได้ดอกปีบและไอนุ รับหน้าที่ช่วยรับ KFC พร้อมออกตังค์ไปก่อน... ทำให้พวกเราได้กิน KFC Delivery ถึงบนรถไฟ.. ร้อน ร้อน.. ต้องขอบคุณพี่ติ๋วติ้ว ที่เป็นธุระจัดแจงเรื่องตั๋วรถไฟทั้งไปและกลับ แถมยังออกตังค์ให้เบอร์ดี้และหม่ามี้ก่อนเป็นเดือน... น่ารักจริง ๆ เลยค่ะ..
จะเที่ยวเล่นที่ฮาร์บิ้นนี่รอฟังตอนต่อไปนะจ๊ะดอกปีบ...
ตุ๊กแกผา
02-01-2010, 11:17
จะเที่ยวเล่นที่ฮาร์บิ้นนี่รอฟังตอนต่อไปนะจ๊ะดอกปีบ...
โห!!!!น่าอิจฉาจริง อยู่ฮาร์บิน ปีนี้อากาศคงยะเยือกน่าดูชม ไม่รู้เทศกาลน้ำแข็งเป็นไงบ้าง....อยากรู้ๆๆๆๆๆๆๆ ถ่ายรูปมาให้ดูด้วยดิ.......น๊าาาาาา
ขอบใจปี๊บมากที่อุตส่าห์ปลีกตัวจากงานยุ่งๆมาเขียนเล่าเรื่องและโพสต์ภาพให้ดู
สวัสดีปีใหม่ทุกคนอีกครั้งครับ ขอบคุณสำหรับคำอวยพรจากพี่สายชลและขอส่งความสุขปีใหม่มาให้พี่และครอบครัว ตลอดจนสมาชิกทุกท่าน ให้สุขกายสุขใจเช่นกันครับ ..
กลับมารายงานผลการปฏิบัติงานต่อ ..
หลังจากเข้าวัดสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันเรียร้อยแล้ว พวกเรามีโอกาสแวะiรับประทานอาหารกลางวัน และไปพักผ่อนกันที่น้ำตกอ่างทองระหว่างทางไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์สัตวน้ำที่มหาวิทยาลัยราชภัฏจังหวัดตรัง
สายน้ำจากน้ำตกที่เย็นชื่นใจ ทำให้พวกเราเหล่าสมาชิกอดไม่ได้ที่จะลงไปสัมผัสสายชลกัน โหย๋ว Yoyo และไอ_นุ ทนไม่ไหว ถึงกับลงไปแช่ตัวกันในสายธาราเลยทีเดียว :)
หลังจากแวะพักผ่อนที่น้ำตกอ่างทอง พวกเราได้มีโอกาสแวะไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่มหาวิทยาลัยราชภัฏจังหวัดตรังก่อนเข้าที่พัก ..
ผมไ่ม่มีบรรยากาศในสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำมาฝาก
แต่ที่ผมสนใจคือบริเวณด้านนอกอาคาร ผมพบกรงขังสัตว์ที่อยู่ข้างนอกไม่กี่กรง ทั้งนกออก ค่าง และชะมด อยู่ในกรงแคบๆ บางตัวพิการ บางตัวหลับใหลแบบไม่อยากตื่น
ผมไม่ทราบที่มาของสัตว์เหล่านี้ ..
บางที .. อาจเป็นสัตว์ที่บาดเจ็บและเข้ามาบำบัดฟื้นฟู
แต่ถ้าสัตว์เหล่านี้ถูกจับมาเพื่อแสดงให้คนได้ดู ผมเดาว่าในใจของพวกเขาเหล่านั้นก็คงหดหู่ไม่น้อย
ข่าวดี ..
ที่นี่มีแมวน้ำและมีการแสดงของแมวน้ำด้วย :)..
ข่าวร้าย ..
ผมรู้สึกว่ามันไม่เหมือนจินตนาการที่นึกคิดเอาไว้ ทั้งสถานที่จัดแสดงหลังลูกกรงไม่กี่ตารางเมตร และความสดชื่นร่าเริงของแมวน้ำเอง :(..
หลังจากเที่ยวชมเหล่าเพื่อนร่วมโลกกันเรียบร้อย ..
ขออนุญาตแวะทักทายสาวๆผ่านเลนส์ก่อนที่จะเดินทางเข้าที่พักที่เลตรังรีสอร์ทครับผม :rolleyes:
รอ รอ รอ ดูต่อ..แต๊งกิ้วจ้าเพื่อนปี๊บ
กว่าจะมาถึงที่พักก็เย็นย่ำแล้ว สมาชิก sos อาบน้ำพักผ่อนแล้วมาเดินเล่นที่ชายหาดหน้าเลตรังรีสอร์ท
บรรยากาศและทัศนียภาพสวยงามอย่าบอกใครเชียว
ไม่เห็นภาพนึกไม่ออกนะครับว่าทะเลตรังจะสวยขนาดนี้ โดยเฉพาะเวลาพระอาทิตย์รอตอกบัตรเลิกงาน :rolleyes:..
สมาชิกทั้งที่เคยพบกันมาแล้วในทริปก่อน ..
หรือเพิ่งเคยมีโอกาสพบกันในทริปนี้ต่างก็รวมตัวกันถ่ายรูปเป็นที่สนุกสนาน
ดอกไม้แห่งมิตรภาพเบ่งบานแข่งกับดอกผักบุ้งสีม่วงสดที่หน้าชายหาด ถึงแม้จะเหนื่อยกับการเดินทางมาทั้งวัน แต่ทุกคนก็ยังดูสดชื่น ร่าเริง :)
ส่งท้ายวันแรกด้วยแสงสุดท้ายของวัน ก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติภารกิจกันในวันรุ่งขึ้น ..
เช้าแล้วจ้า ..
บรรยากาศเช้าวันใหม่หน้าเลตรังรีสอร์ทสดชื่นเหมือนรอคอยต้อนรับพวกเราชาวคณะ
ผมอดไม่ได้ที่จะเดินสำรวจบรรยากาศรอบๆเพื่อสัมผัสวิถีชีวิตแถบนั้น :rolleyes:
สายหน่อย สมาชิก SOS ก็พร้อมแล้ว สำหรับการลงมือทำงานในวันแรก ..
ที่ท่าเรือ ..
ม้าน้ำจำนวน 110 ตัว....ปลา Batfish 100 ตัว...ปลาเฉี่ยว 199 ตัว รวม 409 ตัว ที่พี่สามารถ Mr. Can บอกว่าอยากให้จำนวนลงท้ายด้วยเลข 9 เพื่อถวายในหลวงตามที่เราตั้งใจไว้ได้ถูกลำเลียงเตรียมพร้อมที่จะปล่อยลงทะเลเพื่อขยายพันธุ์ต่อตามธรรมชาติ
เห็นรอยยิ้มพี่สายชลแล้ว คงไม่ต้องบรรยายนะครับ ว่าพี่เขาปลาบปลื้มแค่ไหนกับความตั้งใจของเหล่าสมาชิกที่ผลัดเปลี่ยนกันมาช่วยงานครั้งแล้วครั้งเล่า :o
ช่วยกันคนละไม้ละมือ เหมือนเป็นวัฒนธรรมการทำงานของพวกเราชาว sos ไปแล้ว ..
และเหล่าสัตว์น้ำก็พร้อมแล้วที่จะคืนสู่บ้านตามธรรมชาติของพวกเขา
เราลงดำน้ำไดฟ์แรกกันที่เกาะแหวนด้านตะวันตก
เหล่าสมาชิกทยอยนำปลาที่อยู่ในถุงลงไปในน้ำและเริ่มคลี่ปากถุงออก เหล่าปลาน้อย ซึ่งครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นปลากลางน้ำก็ทยอยกันออกมาโชว์โฉมและเริ่มสำรวจหาถิ่นที่อยู่ใหม่ตามธรรมชาติ ..
ขอบคุณรูปใต้น้ำที่ได้รับความอนุเคราะห์จากพี่สองสายมา ณ ที่นี้ด้วยครับผม :)
:):):)
กิจกรรมแบบนี้ ไม่ได้ยุ่งยากเหมือนกับการตัดอวน ซึ่งถ้ามีโอกาสนักดำน้ำรุ่นใหม่ๆก็น่าจะได้ลองทำดูบ้าง เพราะความรู้สึกของการเห็นสัตว์น้ำที่ตัวเองปล่อยกับมือ ออกสู่ทะเลกว้างนั้น มันเหมือนเป็นการตอบแทนบางอย่างคืนให้ธรรมชาติ ..
ด้วยสองมือของเราเอง :)
ลูกปลาบางตัว เมื่อเป็นอิสระจากถุงพลาสติกก็ฉายเดี่ยว ..
แต่บางตัวก็ติดเพื่อน ยังเกาะกลุ่มกันเป็นฝูง :)
บางตัวมีเลี้ยวกลับมายักคิ้วทักทาย ..
และบางตัวก็เหมือนโฉบเข้ามาบอกลา :o..
ploybabe
04-01-2010, 22:04
สมกับที่รอคอย พี่ปี๊ป พี่ย้ง สุดยอดดดดดดดดด มาก เหมือนได้ไปด้วยเลยค่ะ
นอกจากเหล่าูปลาน้อยแล้ว งานของพวกเรายังไม่จบเพียงแค่นั้น ยังมีม้าน้ำตัวจิ๋วและวัยรุ่นสีเหลืองให้ได้ปล่อยกันต่อ ..
ม้าน้ำถูกบรรจุในแก้วพลาสติก ซึ่งผู้ปล่อยจะนำไปประกบกับกัลปังหาหรือปะการังอ่อน ใ้ห้น้องๆม้าน้ำได้ค่อยๆม้วนหางเกาะยึดทำเลทำรังที่เลตรังกันต่อไป ..
น้องพลอย ..
พวกพี่ๆรอน้องกลับมาแล้วไปทำกิจกรรมด้วยกันอยู่นะจ๊ะ :d
ท่าทางการปล่อยม้าน้ำของเหล่าสมาชิกเป็นการลอยตัวขาพ้นจากแนวปะการัง เป็นท่ามาตรฐานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แถมยังไม่ทำลายธรรมชาติอีกด้วย :d
ม้าน้ำน้อย พอได้บ้านใหม่ ก็ยึดเกาะกันอย่างมีความสุข
สมาชิกส่วนใหญ่พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ม้าน้ำงวดนี้ ไม่ดื้อไม่ซนไม่ล่องลอยให้ลุ้นเหมือนทริปก่อนๆว่าจะรอดหรือไม่ :rolleyes:
ผมนึกถึงคำพูดของพี่สามารถที่บอกว่า ปลาหรือสัตว์น้ำทุกตัวมีบ้านของมัน ..
เป็นปกติที่ปลาหรือม้าน้ำจะหาที่เหมาะๆที่จะยึดเป็นบ้าน ก็เลยต้องมีการย้ายไปย้ายมาจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่งบ้างเป็นธรรมดา ..
และบางครั้ง เราก็คงหลีกเลี่ยงไม่ได้กับการสูญเสียที่อาจจะเกิดขึ้นจากศัตรูตามธรรมชาติของมัน
แต่อย่างน้อย .. เพียงแค่ไม่กี่เปอร์เซ็นต์ที่สัตว์เหล่านี้อยู่รอดและเติบโตขึ้นจนแพร่พันธุ์ได้ ก็ถือว่าเราทำสำเร็จแล้ว .. :o
ผมเชื่อว่า พวกเราทุกคนเอาใจช่วยม้าน้ำตัวน้อยๆเหล่านี้ และก็หวัีงว่า ..
วันนึง ขณะที่เราดำน้ำอยู่ เราอาจจะได้เจอม้าน้ำตัวเดิมที่เราเคยปล่อยหรือ ได้พบกับทายาทตัวน้อยๆของม้าน้ำเหล่านี้ .. อีกครั้ง :)
:):):)
ดำน้ำคราวหน้า อย่าลืมมองหน้าม้าน้ำและฝูงปลาที่เราเจอนะครับ พวกเค้าเหล่านั้นอาจกลับเข้ามาทักทายเราก็ได้ .. ใครจะรู้ :rolleyes:
หลังจากงานปล่อยสัตว์น้ำสำเร็จลุล่วงลงแล้ว พวกเราได้มีโอกาสไปทัศนศึกษาที่ถ้ำมรกตและได้ดำน้ำไดฟ์ที่สองที่เกาะมุกกัน ..
ไม่น่าเชื่อว่าทะเลตรัง ถึงแม้น้ำจะไม่ใสนัก แต่ปะการังอ่อนสีสันสวยงามสมบูรณ์ขึ้นเต็มกองหินตระการตาไปหมด
ผมไม่มีภาพทั้งที่ถ้ำมรกตและโลกใต้น้ำที่เกาะมุกมาฝาก แต่ความสวยงามของธรรมชาติของท้องทะเลตรังก็มีเสน่ห์ในแบบฉบับของตัวเองที่ไม่แพ้ทะเลแห่งอื่นๆ
..
..
..
ช่วงท้ายของวันแล้ว เหล่าสมาชิกขึ้นมานั่งพักผ่อนบนเรือมุ่งหน้ากลับเลตรังรีสอร์ทเพื่อพักผ่อนเอาแรงสำหรับกิจกรรมในวันต่อไป ..
เรือเลตรังพาพวกเรากลับสู่หาดปากเมง ท่ามกลางความอิ่มอกอิ่มใจที่งานในวันแรกสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ..
แสงแดดยามบ่ายแก่ๆพร้อมกับบรรยากาศท้องทะเลที่สวยงามต้อนรับการกลับมาของพวกเราเช่นเคย .. :)
สวยมากกกกกกกก.. สรุปโครงการได้เยี่ยม และเล่าบรรยากาศอบอุ่นได้เหมือนกับย้อนเวลากลับไปอยู่นะเวลานั้นอีกครั้ง... ขอบคุณดอกปีบและน้องเวลมากจ้ะ
ด้วยความยินดีครับเพื่อน Birdie กระทู้อาจมีการแก้ไขเพิ่มเติมภาพบ้างนะครับ เพราะได้ภาพเพิ่มเติมมาด้วย ..
หลังจากการทำกิจกรรมวันแรกผ่านไป ก็เริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยแสงแดดยามเช้า ณ หาดปากเมงอีกครั้ง ..
วันนี้ .. เราจะไปปลูกป่าโกงกางและพายเรือคายักกัน :D
ทะเลตอนเช้านิ่งเรียบเป็นกระจก
พนักงานจากเลตรังรีสอร์ทออกมาเตรียมเรือให้แต่เช้า
พอสายๆ เหล่านักรบ sos ก็เริ่มเคลื่อนทัพเรือออกจากหน้าชายหาดเพื่อไปปลูกป่ากัน ..
..
..
..
และอีกครั้ง ..
สำหรับเหตุผล ว่าทำไม ดื้อถึงเป็นคนที่เข้าท่่าที่สุดในทริป
(ก็เพราะคนอื่นเขาเดินลงหาดไปขึ้นเรือกันหมด มีดื้อแอบเดินไปขึ้นเรือที่ท่าอยู่คนเดียว :D)
เรือพาพวกเราไปยังจุดปลูกป่าที่เหมือนเป็นท่าเรือแห่งใหม่ที่กำลังสร้างอยู่ ..
บรรยากาศที่นั่นดูเงียบสงบ
มีพื้นที่ป่าโกงกางตามธรรมชาติบางส่วนที่ดูเหมือนจะถูกแผ้วถางไปบ้างเพื่อการก่อสร้าง และระหว่างทางก็มีลานจอดรถขนาดใหญ่และต้นเสาไฟฟ้าขึ้นแซมต้นโกงกางที่อยู่ในบริเวณนั้นเป็นระยะๆ
นักรบ sos ผู้มีมือซ้ายเป็นสีฟ้า(น้ำทะเล) และมือขวาเป็นสีเขียว ต่างไม่รอช้า
เริ่มลงมือทำงานกันอย่างขะมักเขม้น :cool:..
มือต่อมือ ..
ใจต่อใจ ..
มันไม่ใช่แค่การลงมือปลูกต้นไม้ แต่เป็นการปลูกต้นจิตสำนึกของการอนุรักษ์เข้าไปในหัวใจด้วย :)..
วัฒนธรรมของพวกเรา ช่วยกันคนละไม้คนละมือ ไม่ว่ารุ่นใหญ่หรือรุ่นเยาว์ :)..
ผมโพสรายงานอยู่ตรงนี้ ยังขนลุกถึงพลังที่พวกเราร่วมด้วยช่วยกันในตอนนั้น ..
น่าชื่นใจจริงๆที่พลังของพวกเราจะมีส่วนช่วยกันดูแลธรรมชาติเท่าที่ความสามารถจะทำได้ :cool:
หันไปดูรอบๆผมพบว่าแปลงปลูกป่าที่เราทำงานกันอยู่นั้นธรรมชาติยังสมบูรณ์มีลูกปลาเล็กปลาน้อยและกุ้งหอยปูปลาที่พร้อมจะเติบโตออกสู่ทะเลกว้างต่อไป
พอทำงานปลูกโกงกางทั้ง 206 ต้นเสร็จก็ต้องมีการเก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกซักหน่อย ..
หลังจากปลูกป่าโกงกางกันเสร็จ พวกเราได้ไปพักผ่อนพายคายักกันอย่างสนุกครึกครื้น เสียดายที่ไม่มีรูปใ้ห้ได้ชม
และยามเย็นวันนั้น
พระอาทิตย์ฝากแสงสุดท้ายไว้สวยกว่าทุกวัน :)
มาถึงเช้าวันสุดท้าย ..
สามวันผ่านไปอย่างไวเหลือเชื่อ ..
พวกเราอำลาหาดปากเมงและเลตรังรีสอร์ทเหลือไว้แค่ความทรงจำดีๆอีกครั้ง
ระหว่างทางที่ออกเดินทางจากหาดปากเมงเข้าสู่จุดทัศนศึกษาแห่งอื่นๆ พวกเราได้มีโอกาสแวะถ่ายรูปเป็นที่ระลึกและชื่นชมบรรยากาศและความสงบเรียบง่ายของจังหวัดตรังเป็นระยะๆ ..
พวกเราได้มีโอกาสแวะถ่ายรูปตรงจุดๆหนึ่งซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรมที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่งในจังหวัดตรัง ..
ส่วนตัว ผมไม่ได้สนใจที่จะถ่ายรูปโรงแรมนั้นเลย เพราะคิดในใจว่าดอกหญ้าและต้นไม้ข้างทางยังสวยกว่ามากมายนัก :rolleyes:
ถ้าถามว่าทะเลตรังสวยตรงไหน ผมคงตอบว่า สวยที่ความบริสุทธิ์และไม่มีสิ่งแปลกปลอมมาเจือปนมากนัก ทั้งเกาะแก่ง ทั้งป่าชายเลน ..
พวกเรามุ่งหน้าไปกันต่อยังหาดหยงหลิง ซึ่งเป็นถ้ำเล็กๆที่มีทางออกทะเล สวยงามมาก :)..
ก่อนจะถึงถ้ำหยงหลิงซึ่งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม เราต้องเดินตามทางตัดป่าเล็กเพื่อเข้าไปในถ้ำ
เมื่อพ้นจากถ้ำ เราจะพบหาดเล็กๆที่เงียบสงบและเป็นส่วนตัว สวยงามมาก
การเดินทางของพวกเรายังไม่สิ้นสุด ..
พวกเราเดินทางต่อไปยังบ่อน้ำพุร้อนกันตังเพื่อรับประทานอาหารกลางวันและพักผ่อน มีเด็กๆชาวบ้านมาร่วมต้อนรับและอำนวยความสะดวกในการใช้บริการอาบน้ำที่บ่อน้ำร้อนด้วย
บรรยากาศที่บ่อน้ำร้อนนั้นสวยจริงๆ น้ำใสเหมือนเป็นกระจกธรรมชาติที่สะท้อนความงามของแผ่นฟ้าและผืนป่าข้างบน ..
angel frog
05-01-2010, 12:29
Wow!!! มีนวดด้วยอะ
หลังจากแช่น้ำร้อนและนวดคลายกล้ามเนื้อจนสบายตัวแล้ว ..
พวกเราเดินทางต่อไปที่ตัวอำเภอกันตังโดยการข้ามแพขนานยนต์เพื่อไปเยี่ยมชมสถานีรถไฟเก่า
สถานีรถไฟเก่าทรุดโทรมพอสมควร แต่ก็ยังเป็นสิ่งที่คนแถบนั้นอนุรักษ์ให้รุ่นลูกรุ่นหลานอย่างพวกเราได้เข้าไปชมกัน
ออกจากสถานีรถไฟ พวกเราคงมีโอกาสได้แวะทัศนศึกษาสถานที่สุดท้ายของจังหวัดตรังแล้ว สถานที่นั้นคือสวนพฤกษศาสตร์ที่ทุ่งค่าย ที่ซึ่งพวกเราได้ไปเดินบนระเบียงยอดไม้กันเพื่อศึกษาถึงธรรมชาติของพืชและสัตว์ในที่ระดับความสูงที่แตกต่างกัน
เวลาแห่งความสุขมักผ่านไปเร็ว ผมเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน ..
เราแวะทานอาหารเย็นที่ร้านเลตรัง 2 อีกครั้ง และเป็นอีกครั้งเช่นกันที่การต้อนรับของคุณพ่อและคุณแม่น้องพลอย พี่กำนันและพี่จิ๋มทำให้พวกเรารู้สึกอบอุ่นและประทับใจจนหลายๆคนบอกว่าจะต้องกลับไปอุดหนุนอีกแน่นอน
พวกเราอิ่มอร่อยกับอาหารจนเกือบไปสถาีนีรถไฟแทบไม่ทัน แต่บรรยากาศของความสุขก็ทำให้ทุกอย่างกลายเป็นเรื่องสนุก
..
..
..
รถไฟเคลื่อนตัีวออกจากชานชลาแล้ว และเหมือนกับทุกครั้ง ..
ถึงแม้จะไม่มีคำพูดออกมา แต่พวกเราก็สัญญากันในใจว่าจะกลับมาร่วมกันทำสิ่งดีๆด้วยกันอีก .. อย่างเช่นทุกครั้ง :)
หากจะตั้งคำถามสุดท้ายว่า ..พวกเรารวมตัวกันมาทำสิ่งเหล่านี้เพื่ออะไร การมาปลูกป่่าปล่อยปลาจำนวนแค่นี้จะช่วยอะไรได้
คำตอบของผมคงไม่ต่างจากคำตอบของทรงกลด บางยี่ขัน นักเขียนคนนึงที่ผมชื่นชอบ ที่บอกว่า
ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่ามันจะเปลี่ยนแปลงอะไรได้หรือไม่
แต่อย่างน้อยที่สุด พวกเรา ..ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า
พวกเราเห็นว่าปัญหาเรื่องทะเลและสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องได้รับการแก้ไขดูแล
เราอาจแค่มารวมกันทำสิ่งเหล่านี้กับการทำงานครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อให้ทุกคนได้เห็นว่า ปัญหานี้มีตัวตน และผู้อยากให้มีการดูแลหรือร่วมแก้ไขปัญหานี้ก็มีตัวตนด้วยเช่นกัน
ขอบคุณทุกๆคนอีกครั้ง .. และผมเชื่อว่าเราจะพบกันใหม่แน่นอน :rolleyes:
chickykai
05-01-2010, 13:50
ขอบคุณค่าพี่ปีบ บรรยายได้ซึ้งกินใจเช่นเคย
และ "เราจะพบกันใหม่อีกครั้ง" แน่นอนค่ะ :d
อ่านแล้วอิ่มเอมใจจ๊ะ
ได้ความรู้ พร้อมๆกับอมยิ้ม
ขอบคุณหม่อง+ย้ง ที่เสียสละเวลา เล่าเรื่อง น่ารักๆ ให้ฟัง
อ่านแล้วเหมือนได้ไปด้วย
จนกว่าเราจะพบกันใหม่
'Til our paths cross again..
เช่นกันครับ .... ขอบคุณน้องหม่องและน้องเหม่งที่ช่วยกันสรุปได้อย่างสวยงามมาก
และต้องขอโทษด้วย อาจจะเป็นเพราะเราสื่อสารกันไม่ดี ผมจึงส่งแต่รูปใต้น้ำไปให้ แต่ไม่ได้ส่งรูปช่วงอื่นๆที่น้องสองคนไม่ได้เก็บภาพไว้ไปให้ด้วย จึงทำให้การสรุปของน้องแหว่งไปเล็กน้อย .... แล้วพี่จะเอามาเติมให้ในโอกาสต่อไปก็แล้วกันครับ .... ขอขอบคุณอีกครั้ง
angel frog
05-01-2010, 14:38
เล่าเรื่องได้อย่างได้ใจเหมียนเดิมนะน้อง ขอบคุงที่แบ่งปันจ้า
blue day
05-01-2010, 14:43
ขอบคุณ ที่เอารูปภาพสวยๆ มาให้ชมกัน คร๊าาาาาาบพี่หม่อง สุโค่ยยยยยยย http://image.ohozaa.com/i0/d5f02ecd.gif (http://image.ohozaa.com/show.php?id=4c2f4f3be0da20c79eb59faed1e982b3)
ขอบคุณพี่สายน้ำและทุกๆคนที่เข้ามาชมมากๆเช่นกันครับ ..
ผมเองก็ค่อนข้างรีบสรุปเพราะงานหลายๆอย่างก็เริ่มเข้ามาพร้อมๆกัน ถ้าขาดตกบกพร่องในส่วนไหนก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ :o
รูปสวย เล่าเรื่องได้น่าติดตามค่ะ... ขอบคุณที่สรุปทริปให้นะคะ :)
ชื่นใจจัง..
ขอบคุณแทนทะเลและป่า
ซาบซึ้ง แล้วก็ขำก๊าก..
.... ขอบคุณน้องหม่องและน้องเหม่งที่ช่วยกันสรุปได้อย่างสวยงามมาก
....
ชอบ "น้องหม่อง+น้องเหม่ง" มากเลย ชื่อน่ารักสมกันจริงๆ ;)
อ่านแล้วทำให้นึกถึงตอนที่ไปร่วมทริป บางมุมของรูปเป็นมุมที่ไม่ได้มองเลยจริง ๆ ดอกหญ้าริมข้างทางสวยมากค่ะ นึกถึงความสุขและความทรงจำตอนนั้น ซึ่งมันจะอยู่กับพวกเราตลอดไป และแน่นอน.. แล้วเราจะพบกันอีกเพื่อทำสิ่งที่เราทุกคนมีอุดมการณ์ร่วมกัน แม้มันจะเป็นสิ่งเล็ก ๆ ที่ไม่มีใครเห็น แต่เราก็จะทำต่อไป ขอบคุณพี่สองสายนะคะ ที่ทำให้มีวันดี ๆ แบบนี้ค่ะ
ขอชื่นชมและปรบมือให้ดังๆเลยค่ะ
อ่านเรื่องราวจบไปพร้อมๆกับได้ดูภาพสวยๆแล้ว รู้สึกว่า แผ่นดินและท้องทะเลกำลังยิ้มอยู่
ขอบคุณนะคะ
เบลูก้าน้อย
05-01-2010, 23:52
พวกเรารักทะเล
ทะเลก็คงรักพวกเราไม่น้อยเช่นกัน :)
อ่านและชมภาพแล้ว....หายเหนื่อย.....สุขใจ....แล้วก็อยากจะไปทำงานเพื่อทะเลอีกแล้วล่ะค่ะ.....http://www.saveoursea.net/boardapr2007/Smileys/default/kiss.gif
ขอบคุณน้องปี๊บและน้องย้งสำหรับสิ่งดีๆที่ให้กับพวกเราในวันนี้และวันต่อๆไปค่ะ....http://www.naturethai.org/forum/smileys/penquin/pen1_52.gif
ปรบมือให้ปี๊บกับย้งคร๊าบ สวยทั้งภาพ คมทั้งคำบรรยาย
ขอบคุณที่มีพื้นที่ดีดี...ที่ทำให้พวกเราได้มาร่วมกันทำความดี...และได้รับความสุขที่ได้ทำสิ่งดีดีคร๊าบ
เด็กน้อย
06-01-2010, 18:27
ขอบคุณคร๊าบบบบบบบบบ
เบลูก้าน้อย
07-01-2010, 11:22
เวลาเห็นคนชมหม่อง เค้าดีใจ
แต่พอเห็นคนชมเหม่ง เค้าละอายใจจัง >_<
ละอายใจที่ได้ชื่อเหม่งเหรอจ๊ะ.. ฮาาาาาาา
เอาน่า สองคนก็เหมือนคนเดียวน่ะแหละ ก็รับเครดิตไปแทนหม่อง แล้วก็ไปแจ้งหม่องเป็นระยะ ๆ ว่ามีคนชมอีกแล้วจิ..
zmile.p สายรุ้ง
23-01-2010, 14:52
เพิ่งมีโอกาสเข้าบ้านมาอ่านกิจกรรมดีๆแบบนี้
เยี่ยมค่ะ เหมือนได้ไปด้วยจริงๆ คิดถึงบรรยากาศแบบนี้จังเลย
thanansak
26-01-2010, 00:47
เห็นรูป แล้วอิจฉาคนที่ได้ไปร่วมกิจกรรมมากๆเลย ถอนตัววินาทีสุดท้ายเสียดายจังเลย โอกาสหน้าขอแก้ตัวนะครับ
ตุ๊กแกผา
26-01-2010, 09:42
5555555 คิดถึงจัง.....อยากไปอีกกกกกกกกกก
รอๆๆๆๆๆปีนี้ๆๆๆๆๆๆๆๆ
thanansak
27-01-2010, 00:09
ไปด้วยยยยยยยยยยยยยยยยยย คนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
ตุ๊กแกผา
27-01-2010, 09:29
โอ๊ะโอ!!!!! หนักกว่าเราอีกแฮ๊ะ??????
vBulletin® v3.8.10, Copyright ©2000-2024, vBulletin Solutions, Inc.