![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าวไทย
ปลาแห่งปีของนิวซีแลนด์ที่น่าเกลียดที่สุดในโลก ![]() เวลลิงตัน 20 มี.ค. ? ปลาบล็อบฟิช (Blobfish) ที่ถูกขนานนามว่าเป็นสัตว์ที่มีหน้าตาน่าเกลียดที่สุดในโลก สร้างเซอร์ไพรส์คว้ารางวัล ?ปลาแห่งปี 2025? จากองค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมของนิวซีแลนด์ การแข่งขันค้นหาปลาแห่งปีของนิวซีแลนด์ประจำปีนี้ จัดโดยมูลนิธิ เมาเทน ทู ซี คอนเซอร์เวชั่น ทรัสต์ (Mountain to Sea Conservation Trust) มีเป้าหมายเพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับสัตว์น้ำจืดและสัตว์ทะเลของนิวซีแลนด์ ซึ่งปีนี้ ปลาบล็อบฟิช (Blobfish) สามารถคว้าตำแหน่งอันทรงเกียรติไปได้ ด้วยคะแนนโหวตกว่า 1,300 คะแนนจากทั้งหมดกว่า 5,500 คะแนน เป็นชัยชนะเหนือความคาดหมาย เพราะก่อนหน้านี้ ปลาบล็อบฟิชเคยโด่งดังในฐานะสัตว์ที่มีหน้าตาน่าเกลียดที่สุดในโลก จนถึงกับได้เป็นมาสคอตของสมาคมอนุรักษ์สัตว์น่าเกลียด (Ugly Animal Preservation Society) เมื่อปี 2013 ปลาบล็อบฟิชอาศัยอยู่ในมหาสมุทรที่ระดับความลึก 600-1,200 เมตร สามารถเติบโตได้ยาวประมาณ 30 เซนติเมตร กินหอย ปู กุ้ง กุ้งมังกร และเม่นทะเลเป็นอาหาร พบมากบริเวณชายฝั่งของ ออสเตรเลียและเกาะแทสมาเนีย มีลักษณะพิเศษคือไม่มีก้างแข็งและไม่มีเกล็ด แต่มีลำตัวที่นิ่มและหนังที่หย่อนคล้อย ถึงแม้รูปร่างภายนอกของมันจะดูแปลกตา แต่ในสภาพแวดล้อมใต้น้ำลึก ปลาบล็อบฟิชจะมีรูปร่างปกติคล้ายปลาทั่วไป เนื่องจากแรงดันน้ำสูงช่วยคงรูปทรงของมันเอาไว้ แต่เมื่อถูกจับขึ้นมาเหนือผิวน้ำ แรงดันที่ลดลงทำให้ร่างของมันเปลี่ยนรูป กลายเป็นเนื้อเยลลี่หยุ่นๆ หยึยๆ เป็นภาพลักษณ์ติดตาที่ทำให้มันได้รับฉายาว่าเป็นสัตว์ที่น่าเกลียดที่สุดในโลก อย่างไรก็ดี ทุกวันนี้ ปลาบล็อบฟิช ถือเป็นสัตว์ที่มีความเปราะบาง เนื่องจากถูกคุกคามจากการทำประมงลากอวนใต้ทะเลลึก https://tna.mcot.net/world-1504048
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก SpringNews
WMO เผยอุณหภูมิโลกร้อนทุบสถิติในปี 2024 เร่งการละลายของน้ำแข็ง WMO เผยว่า อุณหภูมิโลกที่พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2024 จากระดับก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มขึ้น ทำให้ธารน้ำแข็งและน้ำแข็งทะเลละลายเร็วขึ้น ระดับน้ำทะเลเพิ่มสูง ![]() องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) หน่วยงานอุตุนิยมวิทยาขององค์การสหประชาชาติ เปิดเผยว่า ระดับก๊าซเรือนกระจกที่สูงเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้อุณหภูมิโลกพุ่งทุบสถิติในปี 2024 รวมถึง เป็นปัจจัยที่ทำให้ธารน้ำแข็งและน้ำแข็งทะเลทั่วโลกละลายเร็วขึ้น ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นและอุณหภูมิโลกจ่อทะลุระดับ 1.5 องศาเซลเซียส เกณฑ์อุณหภูมิโลกที่สำคัญมากขึ้น รายงานสภาพภูมิอากาศประจำปีของ WMO ระบุว่า อุณหภูมิเฉลี่ยต่อปีในปี 2024 ที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.55 องศาเซลเซียส (2.79 องศาฟาเรนไฮต์) สูงกว่าระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้นจากสถิติเดิมในปี 2023 ถึง 0.1 องศาเซลเซียส แม้ประเทศต่าง ๆ จะลงนามในข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ปี 2015 ว่าจะพยายามจำกัดอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกไม่ให้สูงเกินกว่า 1.5 องศาเซลเซียส เหนือระดับเฉลี่ยของอุณหภูมิในช่วงก่อนการพัฒนาอุตสาหกรรม ในช่วงปี 1850 ? 1900 ก็ตาม ขณะที่ WMO ระบุว่า จากการประมาณการเบื้องต้นพบว่า ค่าเฉลี่ยการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิระยะยาวในปัจจุบันอยู่ที่ระหว่าง 1.34 องศาเซลเซียสถึง 1.41 องศาเซลเซียส ซึ่งใกล้เคียงกับเกณฑ์ที่กำหนดในข้อตกลงปารีส แต่ยังไม่เกินเกณฑ์ดังกล่าว "จอห์น เคนเนดี" (John Kennedy) ผู้ประสานงานด้านวิทยาศาสตร์ของ WMO และผู้เขียนหลักของรายงาน ระบุว่า สิ่งหนึ่งที่ต้องชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนก็คือการที่อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มสูงกว่า 1.5 องศาเซลเซียสเพียงปีเดียว ไม่ได้หมายความว่าระดับอุณหภูมิที่กำหนดในข้อตกลงปารีสถูกละเมิดอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด รายงานยังระบุด้วยว่า ปัจจัยอื่น ๆ อาจมีส่วนทำให้อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมา รวมถึง การเปลี่ยนแปลงของวัฏจักรสุริยะ การปะทุของภูเขาไฟขนาดใหญ่และการลดลงของ "แอโรซอล" อนุภาคหรือละอองของเหลวขนาดเล็กที่แขวนลอยอยู่ในอากาศ ซึ่งช่วยลดความร้อนและทำให้โลกเย็นลง แม้ว่าอุณหภูมิในบางภูมิภาคจะลดลง แต่สภาพอากาศที่รุนแรงสุดขั้วได้สร้างความหายนะไปทั่วโลก โดยภัยแล้งได้ก่อให้เกิดปัญหาการขาดแคลนอาหาร น้ำท่วม และเหตุไฟป่าที่ส่งผลทำให้ผู้คนกว่า 800,000 คน ต้องอพยพออกจากที่อยู่อาศัย ซึ่งถือเป็นตัวเลขสูงสุด นับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกข้อมูลในปี 2008 ที่ผ่านมา นอกจากนี้ อุณหภูมิผิวน้ำของมหาสมุทรยังสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และอัตราการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิในมหาสมุทรก็พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมถึง ปัจจัยความเข้มข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในมหาสมุทรที่เพิ่มขึ้น ยังทำให้ระดับความเป็นกรดของมหาสมุทรเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ขณะเดียวกัน ธารน้ำแข็งและน้ำแข็งทะเลยังคงละลายอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่งผลให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ โดยข้อมูลจาก WMO ระบุว่า นับตั้งแต่ปี 2015 ถึงปี 2024 ระดับน้ำทะเลสูงขึ้นเฉลี่ย 4.7 มิลลิเมตรต่อปี เมื่ออเทียบกับ 2.1 มิลลิเมตรในปี 1993 ถึงปี 2022 "เคนเนดี" ยังเตือนถึงผลกระทบระยะยาวจากการละลายของน้ำแข็งในภูมิภาคอาร์กติกและแอนตาร์กติก โดยระบุว่า การเปลี่ยนแปลงในภูมิภาคเหล่านั้นอาจส่งผลกระทบต่อระบบหมุนเวียนของมหาสมุทร ซึ่งส่งผลต่อสภาพอากาศทั่วโลก และสิ่งที่เกิดขึ้นในขั้วโลกไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่ที่ขั้วโลกเท่านั้น ที่มา: Reuters https://www.springnews.co.th/keep-th...-change/856694
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
|
|