![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
greennewstv
"ประยุทธ์"ใช้ ม.44 เบรกจดทะเบียนเรือประมงทุกชนิด-เครื่องมือประมง 6 ชนิด แก้ปัญหาไอยูยู ฝ่าฝืนโทษคุก 5 ปีปรับ 5 แสน ![]() ภาพประกอบจาก Ody News หัวหน้า คสช.ใช้ ม.44 สั่งเบรคจดทะเบียนเรือประมง-ประกาศห้ามเครื่องมือ 6 ชนิด แก้ปัญหาไอ.ยู.ยู. ฝ่าฝืนมีโทษปรับ-จำคุก-ยึดเรือ ภายหลังจากเหตุการณ์ที่ประเทศไทยได้ใบเหลืองจากคณะกรรมาธิการยุโรป (EU) อันเป็นการแจ้งเตือนต่อรัฐบาลไทยที่ปล่อยปะละเลยการทำประมงผิดกฎหมาย ไม่รายงาน และไร้การควบคุม หรือ IUU Fishing ตั้งแต่เมื่อวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยให้เวลา 6 เดือนในการแก้ไขปัญหาก่อนที่ทาง EU จะเข้ามาตรวจสอบและประเมินผลอีกครั้งในเดือน ต.ค.ที่จะถึงนี้ ล่าสุดวันนี้ (6 ส.ค.) ได้มีการเผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรื่องการแก้ปัญหา IUU Fishing ผ่านเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา โดยเนื้อหาระบุว่าภายหลังจากการจัดตั้งศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย เมื่อวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้พบข้อมูลว่าจำนวนสัตว์น้ำไทยมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง หากขาดมาตรการจัดการแล้วจะทำให้เกิดภาวะวิกฤติได้ จึงใช้อำนาจตามมาตรา 44 โดยมีคำสั่งให้งดการจดทะเบียนเรือประมงทุกชนิดจนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลง รวมไปถึงห้ามการใช้เครื่องมือประมง 6 ชนิดอันได้แก่ อวนรุน, โพงพาง, อวนล้อม, ไอ้โง่, อวนลาก และอื่นๆที่ศูนย์ฯกำหนด ซึ่งหากพบเห็นเรือที่ผิดเจ้าหน้าที่สามารถยึดรวมไปถึงทำลายเครื่องมือได้ โดยมีโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืนขั้นสูงสุดอยู่ที่จำคุก 5 ปีหรือปรับ 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ภาพประกอบจาก Ody News โดยคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 24/2558 เรื่อง การแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม เพิ่มเติม ซึ่งได้ลงคำสั่ง ณ วันที่ 5 ส.ค. โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. เนื้อหาดังนี้ ตามที่หัวหน้า คสช.โดยความเห็นชอบของ คสช.ได้ออกคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 10/2558 เรื่อง การแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ลงวันที่ 29 เมษายน 2558 เพื่อจัดตั้งศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายขึ้น โดยให้มีอำนาจหน้าที่ในการบัญชาการการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายในภาพรวม ตลอดจนเสนอแนะในการปรับปรุง แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งพัฒนากฎหมาย กฎ ระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการแก้ไขปัญหาการทำการประมงที่ผิดกฎหมายให้เป็นมาตรฐานสากลนั้น บัดนี้ได้รับรายงานจากศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายว่า ปัจจุบันทรัพยากรสัตว์น้ำในน่านน้ำไทยมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากการทำการประมงที่เกินศักย์การผลิตตามธรรมชาติที่จะทดแทนได้ หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้อยู่ต่อไปโดยไม่มีมาตรการในการจัดการทรัพยากรสัตว์น้ำที่ดีพอ จะทำให้กิจการประมงของประเทศอยู่ในภาวะวิกฤต และส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้นเพื่อให้จำนวนเรือไทยสำหรับการประมงอยู่ในภาวะสมดุลกับทรัพยากรสัตว์น้ำ และมิให้มีการใช้เครื่องมือทำการประมงที่เป็นการทำลายพันธุ์สัตว์น้ำอย่างร้ายแรง อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 หัวหน้า คสช.โดยความเห็นชอบของ คสช.จึงมีคำสั่งดังต่อไปนี้ ข้อ 1 ให้นายทะเบียนเรือตามกฎหมายว่าด้วยเรือไทย งดการจดทะเบียนเรือไทยสำหรับการประมง หรือเรืออื่นตามที่ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายประกาศกำหนดที่จะขอจดทะเบียนเรือใหม่ทุกประเภทและทุกขนาด หรือเปลี่ยนประเภทการใช้เรือจากเรือประเภทอื่นมาเป็นเรือประมง ทั้งนี้จนกว่าจะมีการกำหนดให้มีการจดทะเบียนเรือไทยสำหรับการประมงหรือเรืออื่นเพิ่มเติมได้ตามหลักเกณฑ์ที่ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายประกาศกำหนด ข้อ 2 ห้ามมิให้บุคคลใดใช้หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อใช้ซึ่งเครื่องมือทำการประมง ดังต่อไปนี้ (1) เครื่องมืออวนรุนที่ใช้ประกอบกับเรือยนต์ เว้นแต่การใช้เครื่องมืออวนรุนเคยที่ใช้ประกอบเรือยนต์ทำการประมงตามรูปแบบของเครื่องมือ ขนาดเรือ วิธีการทำการประมง พื้นที่ทำการประมงและเงื่อนไขที่ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายประกาศกำหนด (2) เครื่องมือโพงพาง รั้วไซมานหรือกั้นซู่รั้วไซมาน เครื่องมือลี่ หรือเครื่องมืออื่นที่มีลักษณะและวิธีการคล้ายคลึงกัน (3) เครื่องมืออวนล้อมจับที่มีขนาดช่องตาเล็กกว่า 2.5 เซนติเมตร ทำการประมงในเวลากลางคืน (4) เครื่องมือลอบพับได้หรือไอ้โง่ ที่มีช่องทางเข้าของสัตว์น้ำสลับซ้ายขวาอยู่ทางด้านข้างใช้สำหรับดักสัตว์น้ำ (5) เครื่องมืออวนลากที่มีช่องตาอวนก้นถุงเล็กกว่า 5 เซนติเมตร (6) เครื่องมือทำการประมงอื่นตามรูปแบบของเครื่องมือ วิธีการทำการประมง พื้นที่ทำการประมงขนาดของเรือที่ใช้ประกอบการทำการประมง และเงื่อนไขอื่นที่ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายประกาศกำหนด ข้อ 3 เครื่องมือทำการประมง เรือที่ใช้ทำการประมง สัตว์น้ำ และสิ่งอื่นๆ ที่ใช้ในการกระทำความผิดหรือได้มาโดยการกระทำความผิด โดยฝ่าฝืนคำสั่งหรือประกาศที่ออกตามคำสั่งนี้ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจดำเนินการยึดและให้ทรัพย์สินนั้นตกเป็นของแผ่นดิน ให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจดำเนินการรื้อถอนหรือทำลายเครื่องมือทำการประมง เรือที่ใช้ทำการประมง สัตว์น้ำ และสิ่งอื่นๆ ที่ตกเป็นของแผ่นดินตามวรรคหนึ่ง เว้นแต่เจ้าของหรือผู้ครอบครองสามารถแสดงหลักฐานได้ว่าทรัพย์สินนั้นมีไว้โดยชอบด้วยกฎหมาย ภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ถูกยึด ข้อ 4 ผู้ใดฝ่าฝืนคำสั่งฉบับนี้ หรือประกาศที่ออกตามคำสั่งนี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงห้าแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ข้อ 5 ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ซึ่งได้รับการแต่งตั้งตามประกาศที่ออกตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 10/2558 เรื่อง การแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ลงวันที่ 29 เมษายน 2558 เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามคำสั่งฉบับนี้ด้วย ข้อ 6 เพื่อประโยชน์ในการจับกุมผู้กระทำความผิดตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 10/2558 เรื่อง การแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม ลงวันที่ 29 เมษายน 2558 และคำสั่งนี้ให้พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นพนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ข้อ 7 ประกาศของศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำการประมงผิดกฎหมายที่ออกตามคำสั่งนี้ เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้ ทั้งนี้ นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป http://www.greennewstv.com/%E0%B8%9B...8%B0%E0%B9%80/
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
GREENPEACE
ประมงแบบไหนคือวายร้าย"ทำลายท้องทะเล" รู้ไหมว่าก่อนที่ปลาจะเดินทางมาถึงจานอาหารคุณอาจมีส่วน"ทำลายท้องทะเล"จากวิธีการจับปลาแบบทำลายล้างได้ สิ่งเหล่านี้เป็นเหตุผลที่เราควรถามไถ่ถึงแหล่งที่มาของปลาที่คุณกิน เพราะเราอาจกำลังส่งเสริมให้เกิดวิกฤตในท้องทะเลโดยไม่รู้ตัว ทะเลไทยตลอดพื้นที่ชายฝั่งทะเล 23 จังหวัด มีความหลากหลายของสัตว์ทะเลสูงมากเมื่อเทียบกับน่านน้ำบริเวณอื่นของโลก แต่ขณะนี้ทะเลไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตและปลาของเรากำลังลดน้อยลงไปทุกที การประมงเกินขนาด การประมงผิดกฎหมาย และการใช้เครื่องมือประมงแบบทำลายล้างนั้นเป็นต้นเหตุของปัญหาต่างๆ อาทิ จำนวนปลาที่น้อยลงจนใกล้หมดไป ปัญหาแรงงานทาส รวมถึงทำลายระบบนิเวศทางทะเลที่สวยงามของเรา เมื่อปี พ.ศ. 2504 เรืออวนลากสามารถจับสัตว์น้ำในอ่าวไทยได้ชั่วโมงละ 298 กิโลกรัม ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2555 ลดลงเหลือชั่วโมงละ 18.2 กิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งปริมาณปลาที่จับได้ยังเป็นลูกปลาที่ยังโตไม่เต็มวัยถึงร้อยละ 34.47 ทั้งนี้ การที่ปัจจุบันมีปริมาณการจับปลาสูง นั้น ไม่ใช่เพราะปลาในทะเลไทยมีจำนวนมากขึ้น แต่เป็นเพราะใช้วิธีการประมงแบบทำลายล้างที่มุ่งกวาดล้างสัตว์ทุกชนิด ไม่ใช่เฉพาะในกลุ่มสัตว์น้ำเป้าหมาย และส่วนใหญ่ของผลพวงมาจากการประมงแบบทำลายล้างนั้นล้วนเป็นลูกปลาที่ยังโตไม่เต็มวัย ไม่เหมาะกับการนำมาบริโภค จึงถูกนำไปทำอาหารสัตว์เท่านั้นซึ่งถือว่าเป็นการทำลายระบบนิเวศและความยั่งยืนอย่างรุนแรง ปัญหาเหล่านี้ผู้บริโภคส่วนใหญ่อาจจะยังไม่ทราบ แต่ผู้บริโภคอย่างพวกเรานี่แหละ คือตัวแปรสำคัญในการเปลี่ยนแปลงอนาคตของท้องทะเล เพียงแค่ ปฏิเสธการซื้อและรับประทานอาหารทะเลที่มีที่มาจากการประมงที่เป็นปัญหาเหล่านี้ แล้วหันมาสนับสนุนอาหารทะเลที่มาจากการประมงที่รับผิดชอบ ![]() อวนลาก ตัวการทำลายระบบนิเวศทางทะเลมากที่สุด โดยเครื่องมือประมงจะมีลักษณะคล้ายถุง โดยจะใช้เรือลากอวนให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง ลากตั้งแต่พื้นทะเลไปจนถึงผิวน้ำ ซึ่ง 2 ใน 3 ของสัตว์น้ำที่จับมาได้ไม่ใช่สัตว์น้ำเป้าหมาย ยังไม่โตเต็มวัย และเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ ระบบนิเวศหน้าดินเสียหายเหมือนกับถูกรถไถกวาดหน้าดิน บ้างก็ใช้เรือลากคู่ เรียกว่าเรืออวนลากคู่ ![]() อวนรุน คล้ายกับอวนลาก แตกต่างกันที่อวนรุนจะดันหน้าดินขณะเคลื่อนที่ไปข้างหน้า โดยใช้อวนประกบกับคันรุน เนื่องจากไม่สามารถทำการประมงในระดับน้ำลึกกว่า 15 เมตรได้จึงมักพบในน้ำตื้น ทำลายหน้าดินใกล้บริเวณชายฝั่งทะเล นิยมใช้เพื่อจับกุ้ง เคย ปลากะตัก หมึก แต่เนื่องจากปากอวนที่เปิดสูง จึงทำให้จับสัตว์น้ำที่ไม่ใช้เป้าหมายมาด้วย ![]() เครื่องมือจับปลากะตักประกอบแสงไฟล่อในเวลากลางคืน เรือจับปลากะตักประกอบแสงไฟล่อปลาในเวลากลางคืน โดยใช้ร่วมกับอวนที่มีขนาดตาถี่ทำให้ปลาเศรษฐกิจชนิดอื่นซึ่งไม่ใช่ปลาเป้าหมายและโดยส่วนใหญ่สัตว์น้ำวัยอ่อนถูกจับติดขึ้นไปด้วย เรือปั่นไฟปลากะตักแบ่งได้เป็น 3 ชนิดคือ เรือจับปลากะตักปั่นไฟแบบใช้อวนล้อม เรือจับปลากะตักปั่นไฟแบบอวนช้อน (หรืออวนยก) และเรือจับปลากะตักปั่นไฟแบบใช้อวนครอบ (หรืออวนมุ้ง) ![]() เครื่องมือคราดหอยลาย ตัวร้ายที่สร้างบาดแผลให้กับชาวประมงพื้นบ้านมากที่สุด เกิดปัญหาความขัดแย้งบ่อยครั้ง เครื่องมือนี้ทำให้หน้าดินเสียหาย น้ำทะเลเน่าเสีย เนื่องจากทำให้ดินตะกอนมีการฟุ้งกระจายเป็นพื้นที่กว้างมาก เมื่อมีการทำประมงคราดหอยซ้ำแล้วซ้ำเล่าจะทำให้ดินตะกอนบริเวณพื้นท้องน้ำเหลือเพียงตะกอนดินขนาดใหญ่ ทำให้หอยลายและสัตว์น้ำวัยอ่อนที่อาศัยอยู่ในชั้นดินตะกอนไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ ยังไม่สายที่จะช่วยท้องทะเล ด้วยการเลือกทานอาหารทะเลอย่างรับผิดชอบ พลังจากผู้บริโภคสามารถกำหนดทิศทางและสร้างการเปลี่ยนแปลงได้ด้วยการสนับสนุนการประมงอย่างยั่งยืน ที่ไม่ทำร้ายทั้งสุขภาพของคุณและท้องทะเล! ..... จาก เว็บไซท์ของ Greenpeace วันที่ 10 สิงหาคม 2558
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
|
|