เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 02-12-2020
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก Greennews


บทบรรณาธิการ: หมอกควันธันวา ปัญหามลพิษฝุ่นไม่มีวันหมด ถ้าไม่เปลี่ยนวิธีแก้ ................. โดย ปรัชญ์ รุจิวนารมย์

และแล้วประเทศไทยก็เข้าสู่ฤดูหนาวเต็มตัว ในเดือนสุดท้ายของปี พ.ศ.2563 เช่นเดียวกับลมเย็นๆ ที่พัดผ่านหน้าชาวกรุงฯ ยามรอรถไฟฟ้าตอนเช้า หากเรามองออกไปยังเส้นขอบฟ้า ชั้นอากาศขมุกขมัวที่ปกคลุมเหนือป่าคอนกรีตก็กลับมาตามสัญญาอีกครั้ง และในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ปัญหาฝุ่นควันพิษก็จะแผ่ปกคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ทางตอนบนของประเทศ เกิดเป็นวิกฤตด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมเรื้อรัง ปีแล้วปีเล่า

แม้ว่านักวิชาการและหน่วยงานด้านอุตุนิยมวิทยาชั้นนำ ต่างคาดการณ์ว่า ฤดูหนาวปีนี้ ไทยเราจะเผชิญกับปรากฏการณ์ ลานีญา (La Ni?a) ระดับแรง ทำให้ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีสภาพอากาศเย็นและฝนตกชุกกว่าปกติ ทำให้สถานการณ์ฝุ่นควัน PM2.5 ในไทยฤดูกาลนี้ น่าจะรุนแรงน้อยกว่าปีก่อนๆ อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ชาวกรุงเทพฯ ก็เริ่มได้รับผลกระทบจากปัญหาฝุ่นควันมลพิษในพื้นที่เมืองหลวงและปริมณฑลกันแล้ว


เปลวไฟเผาผลาญผืนป่าบนดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา //ขอบคุณภาพจาก: ฝ่าฝุ่น

จากการศึกษาการเปลี่ยนแปลงความเข้มข้นของ PM2.5 ในประเทศไทยช่วงปี พ.ศ.2541 ? 2559 ด้วยข้อมูลดาวเทียม สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA เปิดเผยเมื่อเร็วๆ นี้ว่า ประเทศไทยเผชิญปัญหามลพิษทางอากาศ และฝุ่น PM2.5 มาอย่างยาวนาน โดยข้อมูลจากดาวเทียมพบว่า แนวโน้มความเข้มข้นของมลพิษฝุ่น PM2.5 มีค่ากระจุกในพื้นที่ภาคเหนือค่อนข้างมาก โดยเฉพาะ จ.น่าน จ.พะเยา จ.เชียงใหม่ จ.เชียงราย และ จ.แม่ฮองสอน ซึ่งอยู่ในจุดเสี่ยงที่ค่าฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐานมานานเกือบ 20 ปี

ถึงแม้เราเริ่มตระหนักถึงปัญหาฝุ่นควันภาคเหนือมาไม่ต่ำกว่า 10 ปีแล้ว แต่การแก้ปัญหาฝุ่นควันยังคงเสมือนพายเรือวนในอ่าง ปีแล้วปีเล่า หน่วยงานรัฐยังคงเน้นใช้มาตรการแก้ปัญหาแบบรวมศูนย์ และใช้กฎหมายนำในการควบคุมกิจกรรมการเผาในที่โล่งและไฟป่า โดยมองชาวบ้าน เกษตรกร และกลุ่มชาติพันธุ์ ว่าเป็นผู้ต้องหาหลักที่ทำให้เกิดไฟป่าและปัญหามลพิษฝุ่น PM2.5 ซึ่งสถานการณ์หมอกควันภาคเหนือรุนแรงตลอดหลายปีที่ผ่านมา ได้พิสูจน์แล้วว่า มาตรการเหล่านี้ไม่มีประสิทธิภาพในการควบคุมมลพิษฝุ่น PM2.5

ในช่วงปีนี้ เราได้เห็นความกระตือรือร้นของภาครัฐในการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศที่มีมากขึ้น โดยเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ อรรถพล เจริญชันษา เปิดเผยว่า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้มีการถอดบทเรียนและทบทวนแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ ?การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง? และจัดทำแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง 12 ข้อ โดยได้ยืนยันว่าการดำเนินแผนเฉพาะกิจฯ จะช่วยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองเชิงรุกมากขึ้น

นอกจากนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และ กรมควบคุมมลพิษ ยังได้ทดลองใช้ระบบบัญชาการดับไฟป่า ผ่านแอปพลิเคชัน Line Chatbot รวมถึงแอปพลิเคชัน ?FIRE Ranger? และ ?จองเบิร์น? เพื่อสนับสนุนปฎิบัติการควบคุมไฟป่าและหมอกควันภาคเหนือในปีนี้

กระนั้น กองบรรณาธิการสำนักข่าวสิ่งแวดล้อม ยังสังเกตุว่า มาตรการทั้งหลายเหล่านี้ แม้จะมีความเข้มข้นมากขึ้น แต่ก็ยังเน้นการปฏิบัติการแบบรวมศูนย์ ที่เน้นการใช้กฎหมายและการสั่งการโดยหน่วยงานรัฐเป็นหลักอยู่ดี เนื้อแท้ของการปฏิบัติการยังแทบไม่ต่างจากรูปแบบที่ภาครัฐเคยปฏิบัติซ้ำๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทั้งการ ออกมาตรการห้ามเผา 60 วัน หรือการควบคุมการเผาในพื้นที่เกษตรโดยใช้กฎหมายควบคุมที่ตัวเกษตรกร

ภาครัฐยังคงไม่มีความชัดเจนในเรื่องมาตรฐานการแจ้งเตือนภัยคุณภาพอากาศผ่านช่องทางของภาครัฐ เช่น แอปพลิเคชัน Air4Thai และ social media ของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ซึ่งยังคงใช้ค่าเฉลี่ย PM2.5 ราย 24 ชั่วโมง ซึ่งไม่เหมาะสมกับการแจ้งเตือนคุณภาพอากาศแบบเรียลไทม์ ที่ควรใช้ค่าเฉลี่ย 1 ชั่วโมง อีกทั้งยังใช้เกณฑ์มาตรฐานค่าฝุ่น PM2.5 ที่ 50 มิลลิกรัม/ลูกบาศก์เมตร ซึ่งสูงกว่าค่ามาตรฐานฝุ่น PM2.5 ขององค์การอนามัยโลกกว่า 2 เท่า ทำให้เกิดความสับสนในหมู่ประชาชน ต่อความรุนแรงของสถานการณ์ฝุ่นควัน

นี่จึงยังทำให้เรากังขาว่า แผนเฉพาะกิจฯ แก้ไขปัญหาหมอกควันในปีนี้จะมีประสิทธิภาพเพียงใด

อย่างไรก็ตาม ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เราก็ได้เห็นพัฒนาการของเครือข่ายนักวิชาการ ประชาสังคม และชุมชนท้องถิ่น ที่ได้ประสานกำลังกันในการสนับสนุนภาครัฐแก้ไขปัญหาฝุ่นควัน PM2.5 อาทิ สภาลมหายใจเชียงใหม่ ที่ได้ผลักดันการออกกฎหมายอากาศสะอาด เพื่อผลักดันการแก้ไขมลพิษทางอากาศอย่างรอบด้าน หรือเครือข่าย ?ฝ่าฝุ่น? ที่ได้ทำงานสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่าและฝุ่นควันภาคเหนือ จนเห็นผลสัมฤทธิ์ที่ชุมชนบ้านก้อ อ.ลี้ จ.ลำพูน

ที่กล่าวมา ยังไม่นับถึงโครงการต่างๆ อีกจำนวนมากที่ริเริ่มผลักดันโดยชุมชนท้องถิ่น ในการป้องกันไฟป่า รวมถึงจัดการและใช้ประโยชน์ทรัพยากรป่าไม้อย่างยั่งยืน ทำให้เห็นว่า ภาควิชาการและประชาสังคมไทย มีศักยภาพสูงมากในการช่วยเหลือสนับสนุนปฏิบัติการป้องกันแก้ไขปัญหามลพิษฝุ่น PM2.5 ของภาครัฐ

ดังนั้น ถึงเวลาแล้วหรือยังที่ภาครัฐจะหันมาทบทวนมาตรการแก้ไขปัญหามลพิษฝุ่น PM2.5 อย่างแท้จริง และหันมาสร้างความร่วมมือกับเครือข่ายนักวิชาการ ภาคประชาสังคม และชุมชนท้องถิ่น ในการแก้ไขปัญหาฝุ่นควันพิษอย่างรอบด้าน รวมถึงปฎิรูปมาตรฐานการแจ้งเตือนสถานการณ์ฝุ่นควันแก่ประชาชนให้ทันกาลและตรงกับความเป็นจริงที่สุด เพื่อปกป้องคุณภาพชีวิตและเสริมสร้างความมั่นคงด้านสิ่งแวดล้อมให้กับประเทศอย่างยั่งยืน


https://greennews.agency/?p=22229

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 19:50


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger