เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 22-06-2021
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก Greennews


สถิติพลัดถิ่นในประเทศสูงสุดตั้งแต่เคยบันทึก เหตุเพราะ "ภัยพิบัติจากโลกร้อน" .................. โดย ณิชา เวชพานิช

รายงานล่าสุดขององค์กรเฝ้าระวังกรณีผู้พลัดถิ่นในประเทศย้ำสาเหตุหลักของการพลัดถิ่น คือ ภัยพิบัติจากโลกร้อน มีผลมากกว่าปัจจัยความไม่สงบและความรุนแรง 3 เท่า พื้นที่หนักสุดคือเอเชียตะวันออก ชี้ถึงเวลาเข้าใจปัญหาผู้อพยพสภาพภูมิอากาศอย่างจริงจัง

"คนขุนสมุทรจีนมีบ้านกันคนละ 10-11 หลัง พวกเราย้ายบ้านกันบ่อยมาก ไม่ใช่เพราะความรวย แต่เป็นความซวยของชีวิต"

สมร เข่งสมุทร ผู้ใหญ่บ้านขุนสมุทรจีน กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ ระหว่างการเสวนา "วัฒนวิกฤต ชีวิตคนชายฝั่ง" แม้เธอจะเล่าให้ผู้เข้าฟังผ่านโปรแกรมประชุมออนไลน์ Zoom แต่น้ำเสียงเปี่ยมอารมณ์ยังคงสื่อสารมาถึงคนฟังอย่างชัดเจน

ชุมชนบ้านขุนสมุทรจีนเคยเป็นข่าวโด่งดังในไทยกับสมญานาม "แผ่นดินที่หายไป" ด้วยเป็นชุมชนชายฝั่งติดอ่าวไทยที่ทยอยถูกกัดเซาะจากคลื่นกระทบฝั่งและระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น


เสาไฟฟ้าบ้านขุนสมุทรจีนตั้งอยู่กลางทะเล แสดงถึงที่ตั้งชุมชนเก่าก่อนถูกทะเลรุกคืบ (ภาพ: Open Source Art Performance)

อย่างไรก็ตามแม้เวลาผ่านไป ข่าวจะเงียบหาย แต่เสียงคลื่นกระทบฝั่งและกัดกินแผ่นดินยังดังต่อเนื่อง พร้อมกับความหนักใจของคนขุนสมุทรจีน

สมรและเพื่อนบ้านนับเป็นหนึ่งใน "พลัดถิ่นภายในประเทศ" หรือผู้คนที่ถูกบังคับให้โยกย้ายในประเทศตัวเอง ซึ่งนับวันจะมีจำนวนและความถี่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะภัยพิบัติที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกซึ่งเป็นทวีปที่เกิดผู้พลัดถิ่นเพราะภัยพิบัติทางธรรมชาติมากที่สุด

เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา องค์กรเฝ้าระวังกรณีผู้พลัดถิ่นภายในประเทศ (Internal Displacement Monitoring Center : IDMC) องค์กรสากลที่ตั้งอยู่สวิสเซอร์แลนด์ เปิดเผยรายงานสถานการณ์ผู้ผลัดถิ่นในประเทศฉบับใหม่ พบว่า ปี 2020 เป็นปีที่มีการพลัดถิ่นในประเทศเกิดขึ้นใหม่ทั่วโลก 40.5 ล้าน นับว่าสูงที่สุดรอบสิบปี



การพลัดถิ่นอาจเกิดขึ้นได้หลายครั้งต่อคนๆ หนึ่ง ดังนั้นตัวเลขดังกล่าวจึงไม่ได้แสดงจำนวนผู้พลัดถิ่น ทว่าแสดงจำนวนการโยกย้ายที่ผู้คนต้องเผชิญ

ขณะที่หลายคนอาจจดจำภาพ "คนพลัดถิ่น" ว่าต้องจากบ้านเพราะความขัดแย้งและความรุนแรงในประเทศ เช่น การต่อสู้ระหว่างกลุ่มติดอาวุธในประเทศตะวันออกกลาง รายงานย้ำว่าภัยพิบัติเป็นสาเหตุสำคัญ โดยคิดเป็นต้นเหตุ 3 ใน 4 ของการพลัดถิ่น สูงกว่าสาเหตุความไม่สงบถึง 3 เท่า

98% ของภัยพิบัติเกี่ยวข้องกับสภาพอากาศ เช่น ภัยแล้ง ดินถล่ม ไฟป่า รวมถึงน้ำท่วมและมรสุม ซึ่งประเทศในทวีปเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกเป็นทวีปที่เจอการพลัดถิ่นเพราะภัยพิบัติมากที่สุด ปี 2020 มีจำนวนผู้พลัดถิ่นในประเทศอย่างน้อย 12.1 ล้านคน

ประเทศที่มีผู้พลัดถิ่นในประเทศปี 2020 เยอะสุด คือ จีน ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม เรียงลำดับ โดยประเทศจีนเจอเหตุน้ำท่วมหนัก แม่น้ำกว่า 72 สายมีระดับน้ำสูงที่สุดตั้งแต่เคยเก็บข้อมูล จนทำให้เขื่อน Anhui แตกและยังมีการระบายน้ำจากเขื่อนทำให้ท่วมจังหวัดต่างๆ

นอกจาก ภัยพิบัติที่ถี่และรุนแรงขึ้นเพราะวิกฤตสภาพภูมิอากาศ ประชากรจำนวนมากยังอาศัยอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำ-ริมชายฝั่ง ซึ่งมีอัตราการขยายตัวของเมือง 3% ทุกปี สูงกว่าทุกทวีป


สาเหตุการพลัดถิ่นใหม่ในประเทศปี 2020 สีส้มคือสาเหตุความขัดแย้งและความรุนแรง สีฟ้าแสดงถึงภัยพิบัติ (ภาพ: GRID2021)

สำหรับประเทศไทย ภัยพิบัติทำให้เกิดการพลัดถิ่นใหม่ในปี 2020 ราว 13,000 นั้นอาจจะเป็นจำนวนที่ไม่มากเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชาที่สูง 66,000 แต่ตัวเลขนี้อาจเป็นแค่ขั้นต่ำ เนื่องจากยังมีการศึกษาเรื่องนี้ไม่เพียงพอ

ปัจจุบัน การเก็บข้อมูลเรื่องผู้พลัดถิ่นจากภัยธรรมชาติในประเทศยังน้อย เป็นเพราะมายาคติหลายอย่าง เช่นว่าเป็นแค่เรื่อง "ระยะสั้น" แต่แท้จริงแล้ว หลังจากภัยพิบัติซาลง ยังมีคนจำนวนมากที่ไม่อาจตั้งตัวหรือกลับไปบ้านได้ ยังไม่นับการพลัดถิ่น ?ข้ามประเทศ? จำนวนมาก เช่น แรงงานกัมพูชาซึ่งผันตัวจากอาชีพเกษตรกรรมเพราะภัยแล้งและน้ำท่วมมารับจ้างในประเทศไทย

"เราควรจะทุ่มเทกับการลดความเสี่ยงและสนับสนุนคนที่ต้องอพยพ และโต้กลับความคิดที่ว่าภัยพิบัติเป็นเรื่อง ?ธรรมชาติ? เราต้องตระหนักในบทบาทว่าพวกเราว่าเรามีส่วนสร้างความเสี่ยงและลดความเสี่ยงนั้นๆ ด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน" องค์กรเฝ้าระวังกรณีผู้พลัดถิ่น ย้ำ

นอกจากนี้ ยังมีมายาคติ เหตุการณ์ขนาดเล็กไม่ใช่เรื่องน่ากังวล เพราะแท้จริงแล้วการพลัดถิ่นของคนกลุ่มเล็กๆ นั้นกระทบกับระดับบุคคลและการพัฒนาท้องถิ่น รวมถึงฉายภาพถึงอนาคต "ความเสี่ยง" กับพื้นที่ลักษณะเดียวกัน

เหมือนกับที่ สมร เข่งสมุทร ที่ต่อสู้เพื่อ "แผ่นดิน" บ้านขุนสมุทรจีนมาตลอด 26 ปี กล่าวในงานเสวนาออนไลน์ ด้วยความหวังว่าจะย้ำความทรงจำสังคมเกี่ยวกับเรื่องราวที่ขุนสมุทรจีนเผชิญ

"ขุนสมุทรจีนล่มสลายไปก็ไม่ได้เดือดร้อนใครหรอก แต่ถ้ากรุงเทพมหานครและชุมชนริมทะเลทั้งหลายหายไปเหมือนกันจะทำอย่างไร"


https://greennews.agency/?p=24133

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 11:50


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger