![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก Greennews
สถิติพลัดถิ่นในประเทศสูงสุดตั้งแต่เคยบันทึก เหตุเพราะ "ภัยพิบัติจากโลกร้อน" .................. โดย ณิชา เวชพานิช รายงานล่าสุดขององค์กรเฝ้าระวังกรณีผู้พลัดถิ่นในประเทศย้ำสาเหตุหลักของการพลัดถิ่น คือ ภัยพิบัติจากโลกร้อน มีผลมากกว่าปัจจัยความไม่สงบและความรุนแรง 3 เท่า พื้นที่หนักสุดคือเอเชียตะวันออก ชี้ถึงเวลาเข้าใจปัญหาผู้อพยพสภาพภูมิอากาศอย่างจริงจัง "คนขุนสมุทรจีนมีบ้านกันคนละ 10-11 หลัง พวกเราย้ายบ้านกันบ่อยมาก ไม่ใช่เพราะความรวย แต่เป็นความซวยของชีวิต" สมร เข่งสมุทร ผู้ใหญ่บ้านขุนสมุทรจีน กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ ระหว่างการเสวนา "วัฒนวิกฤต ชีวิตคนชายฝั่ง" แม้เธอจะเล่าให้ผู้เข้าฟังผ่านโปรแกรมประชุมออนไลน์ Zoom แต่น้ำเสียงเปี่ยมอารมณ์ยังคงสื่อสารมาถึงคนฟังอย่างชัดเจน ชุมชนบ้านขุนสมุทรจีนเคยเป็นข่าวโด่งดังในไทยกับสมญานาม "แผ่นดินที่หายไป" ด้วยเป็นชุมชนชายฝั่งติดอ่าวไทยที่ทยอยถูกกัดเซาะจากคลื่นกระทบฝั่งและระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ![]() เสาไฟฟ้าบ้านขุนสมุทรจีนตั้งอยู่กลางทะเล แสดงถึงที่ตั้งชุมชนเก่าก่อนถูกทะเลรุกคืบ (ภาพ: Open Source Art Performance) อย่างไรก็ตามแม้เวลาผ่านไป ข่าวจะเงียบหาย แต่เสียงคลื่นกระทบฝั่งและกัดกินแผ่นดินยังดังต่อเนื่อง พร้อมกับความหนักใจของคนขุนสมุทรจีน สมรและเพื่อนบ้านนับเป็นหนึ่งใน "พลัดถิ่นภายในประเทศ" หรือผู้คนที่ถูกบังคับให้โยกย้ายในประเทศตัวเอง ซึ่งนับวันจะมีจำนวนและความถี่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะภัยพิบัติที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกซึ่งเป็นทวีปที่เกิดผู้พลัดถิ่นเพราะภัยพิบัติทางธรรมชาติมากที่สุด เมื่อต้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา องค์กรเฝ้าระวังกรณีผู้พลัดถิ่นภายในประเทศ (Internal Displacement Monitoring Center : IDMC) องค์กรสากลที่ตั้งอยู่สวิสเซอร์แลนด์ เปิดเผยรายงานสถานการณ์ผู้ผลัดถิ่นในประเทศฉบับใหม่ พบว่า ปี 2020 เป็นปีที่มีการพลัดถิ่นในประเทศเกิดขึ้นใหม่ทั่วโลก 40.5 ล้าน นับว่าสูงที่สุดรอบสิบปี ![]() การพลัดถิ่นอาจเกิดขึ้นได้หลายครั้งต่อคนๆ หนึ่ง ดังนั้นตัวเลขดังกล่าวจึงไม่ได้แสดงจำนวนผู้พลัดถิ่น ทว่าแสดงจำนวนการโยกย้ายที่ผู้คนต้องเผชิญ ขณะที่หลายคนอาจจดจำภาพ "คนพลัดถิ่น" ว่าต้องจากบ้านเพราะความขัดแย้งและความรุนแรงในประเทศ เช่น การต่อสู้ระหว่างกลุ่มติดอาวุธในประเทศตะวันออกกลาง รายงานย้ำว่าภัยพิบัติเป็นสาเหตุสำคัญ โดยคิดเป็นต้นเหตุ 3 ใน 4 ของการพลัดถิ่น สูงกว่าสาเหตุความไม่สงบถึง 3 เท่า 98% ของภัยพิบัติเกี่ยวข้องกับสภาพอากาศ เช่น ภัยแล้ง ดินถล่ม ไฟป่า รวมถึงน้ำท่วมและมรสุม ซึ่งประเทศในทวีปเอเชียตะวันออกและแปซิฟิกเป็นทวีปที่เจอการพลัดถิ่นเพราะภัยพิบัติมากที่สุด ปี 2020 มีจำนวนผู้พลัดถิ่นในประเทศอย่างน้อย 12.1 ล้านคน ประเทศที่มีผู้พลัดถิ่นในประเทศปี 2020 เยอะสุด คือ จีน ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม เรียงลำดับ โดยประเทศจีนเจอเหตุน้ำท่วมหนัก แม่น้ำกว่า 72 สายมีระดับน้ำสูงที่สุดตั้งแต่เคยเก็บข้อมูล จนทำให้เขื่อน Anhui แตกและยังมีการระบายน้ำจากเขื่อนทำให้ท่วมจังหวัดต่างๆ นอกจาก ภัยพิบัติที่ถี่และรุนแรงขึ้นเพราะวิกฤตสภาพภูมิอากาศ ประชากรจำนวนมากยังอาศัยอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำ-ริมชายฝั่ง ซึ่งมีอัตราการขยายตัวของเมือง 3% ทุกปี สูงกว่าทุกทวีป ![]() สาเหตุการพลัดถิ่นใหม่ในประเทศปี 2020 สีส้มคือสาเหตุความขัดแย้งและความรุนแรง สีฟ้าแสดงถึงภัยพิบัติ (ภาพ: GRID2021) สำหรับประเทศไทย ภัยพิบัติทำให้เกิดการพลัดถิ่นใหม่ในปี 2020 ราว 13,000 นั้นอาจจะเป็นจำนวนที่ไม่มากเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชาที่สูง 66,000 แต่ตัวเลขนี้อาจเป็นแค่ขั้นต่ำ เนื่องจากยังมีการศึกษาเรื่องนี้ไม่เพียงพอ ปัจจุบัน การเก็บข้อมูลเรื่องผู้พลัดถิ่นจากภัยธรรมชาติในประเทศยังน้อย เป็นเพราะมายาคติหลายอย่าง เช่นว่าเป็นแค่เรื่อง "ระยะสั้น" แต่แท้จริงแล้ว หลังจากภัยพิบัติซาลง ยังมีคนจำนวนมากที่ไม่อาจตั้งตัวหรือกลับไปบ้านได้ ยังไม่นับการพลัดถิ่น ?ข้ามประเทศ? จำนวนมาก เช่น แรงงานกัมพูชาซึ่งผันตัวจากอาชีพเกษตรกรรมเพราะภัยแล้งและน้ำท่วมมารับจ้างในประเทศไทย "เราควรจะทุ่มเทกับการลดความเสี่ยงและสนับสนุนคนที่ต้องอพยพ และโต้กลับความคิดที่ว่าภัยพิบัติเป็นเรื่อง ?ธรรมชาติ? เราต้องตระหนักในบทบาทว่าพวกเราว่าเรามีส่วนสร้างความเสี่ยงและลดความเสี่ยงนั้นๆ ด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน" องค์กรเฝ้าระวังกรณีผู้พลัดถิ่น ย้ำ นอกจากนี้ ยังมีมายาคติ เหตุการณ์ขนาดเล็กไม่ใช่เรื่องน่ากังวล เพราะแท้จริงแล้วการพลัดถิ่นของคนกลุ่มเล็กๆ นั้นกระทบกับระดับบุคคลและการพัฒนาท้องถิ่น รวมถึงฉายภาพถึงอนาคต "ความเสี่ยง" กับพื้นที่ลักษณะเดียวกัน เหมือนกับที่ สมร เข่งสมุทร ที่ต่อสู้เพื่อ "แผ่นดิน" บ้านขุนสมุทรจีนมาตลอด 26 ปี กล่าวในงานเสวนาออนไลน์ ด้วยความหวังว่าจะย้ำความทรงจำสังคมเกี่ยวกับเรื่องราวที่ขุนสมุทรจีนเผชิญ "ขุนสมุทรจีนล่มสลายไปก็ไม่ได้เดือดร้อนใครหรอก แต่ถ้ากรุงเทพมหานครและชุมชนริมทะเลทั้งหลายหายไปเหมือนกันจะทำอย่างไร" https://greennews.agency/?p=24133
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
|
|