![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ
ยูเอ็นแนะ 'เกรตแบริเออร์รีฟ' ขึ้นบัญชี 'เสี่ยงอันตราย' ![]() คณะกรรมการแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็น) แนะนำให้เพิ่มแนวปะการังเกรตแบริเออร์รีฟในรายชื่อแหล่งมรดกโลกที่ตกอยู่ในอันตราย โดยให้เหตุผลว่า ระบบนิเวศของแนวปะการังขนาดใหญ่ที่สุดในโลกได้รับผลกระทบอย่างมากจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ และมหาสมุทรที่ร้อนขึ้น สำนักข่าวรอยเตอร์สว่า การฟอกขาวที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งกำลังคุกคามแนวปะการัง ซึ่งรวมแล้วเกิดขึ้น 4 ครั้งในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา และเป็นครั้งแรกในช่วงปรากฏการณ์ลานีญาของปีนี้ "ความสามารถของแนวปะการังในการฟื้นตัวจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ อยู่ในความเสี่ยงอย่างมาก" กลุ่มนักวิทยาศาสตร์จากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ที่เยี่ยมชมแนวปะการังเมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ระบุในรายงาน ด้าน"ทันยา พลิเบอร์เซค" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสิ่งแวดล้อมของออสเตรเลีย กล่าวว่า รัฐบาลจะผลักดันไม่ให้ยูเนสโกกำหนดแนวปะการังให้อยู่ในกลุ่มเสี่ยงอันตราย เพราะการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศกำลังคุกคามแนวปะการังทั้งหมดทั่วโลก ไม่ใช่แค่ที่นี่ที่เดียว "เราจะชี้แจงอย่างชัดเจนต่อยูเนสโกว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเจาะจงมาที่เกรตแบริเออร์รีฟ เหตุผลที่ยูเนสโกในอดีตเลือกเฉพาะพื้นที่ซึ่งมีความเสี่ยงเป็นเพราะว่า ต้องการเห็นการลงทุนของรัฐบาล หรือการดำเนินของรัฐบาลที่มากขึ้น และนับตั้งแต่ที่ออสเตรเลียมีการเปลี่ยนรัฐบาล ทั้งสองสิ่งนั้นก็เกิดขึ้น" พลิเบอร์เซค กล่าว รัฐบาลแคนเบอร์ราพยายามดำเนินการมานานหลายปี เพื่อไม่ให้เกรตแบริเออร์รีฟอยู่ในสถานะเสี่ยงอันตราย เพราะอาจส่งผลให้แนวปะการังสูญเสียการเป็นแหล่งมรดกโลก และลดการดึงดูดนักท่องเที่ยวบางส่วน เมื่อปีที่แล้ว ออสเตรเลียสามารถหลบเลี่ยงไม่ให้ปะการังถูกเพิ่มในรายชื่อตกอยู่ในอันตราย หลังจากความพยายามอย่างหนักของรัฐบาลชุดก่อนหน้า ที่ทำให้ยูเนสโกเลื่อนการตัดสินใจมาเป็นปีนี้ "แนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟ" เป็นแนวปะการังที่ยาวที่สุดในโลก มีความยาวกว่า 2,000 กิโลเมตร อยู่ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศออสเตรเลีย ถือเป็นแนวปะการังที่มีสิ่งมีชีวิตมากมายอาศัยอยู่กันอย่างหนาแน่น มีทั้งปะการังกว่า 350 ชนิด รวมถึงปลาและสิ่งมีชีวิตอีกมากมายกว่า 1,500 ชนิด นับว่าเป็นสวรรค์ของนักดำน้ำเลยทีเดียว แต่ปัจจุบันแนวปะการังแห่งนี้ กำลังอยู่ในภาวะวิกฤติ เพราะมีรายงานว่าในปี 2564 ที่ผ่านมา เป็นปีที่ร้อนที่สุดสำหรับมหาสมุทรโลกและตอนนี้แนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟ กำลังเผชิญกับการฟอกขาวครั้งใหญ่ ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 4 แล้วในรอบ 6 ปี โดยการฟอกขาวปะการังครั้งแรกเกิดขึ้นในปี 2541 และอีกครั้งในปี 2545, 2559, 2560 และ 2563 ตามลำดับ สาเหตุสำคัญคือในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา ออสเตรเลียเผชิญกับอากาศร้อนจัด และทำให้อุณหภูมิของน้ำทะเลสูงกว่าค่าเฉลี่ยประมาณ 2-4 องศา ทำให้ตอนนี้แนวปะการังหลายส่วนเกิดภาวะฟอกขาวและบางส่วนก็ตายไป ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดปะการังฟอกขาว ถ้าหากปะการังโดนแสงแดดมากเกินไป และอุณหภูมิของน้ำทะเลสูงขึ้น แม้จะสูงขึ้นแค่เพียง 1-2 องศาเซลเซียสก็ทำให้ปะการังฟอกขาวได้ เพราะปะการังจะเริ่มเครียด และขับเอาสาหร่ายที่ก่อนหน้านี้อยู่แบบพึ่งพาอาศัยกันออกไป ทำให้ปะการังมีสีขาวซีดและเปราะบาง ในไม่ช้าอาจจะเป็นโรคและตายได้ ด้านมูลนิธิอนุรักษ์ธรรมชาติแห่งออสเตรเลีย ระบุว่า ปรากฏุการณ์ฟอกขาวที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศออสเตรเลียอย่างมาก และส่งผลกระทบต่อคนที่รักธรรมชาติแห่งนี้เพราะเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ทะเลมากมาย "เดวิด ริทเตอร์" ผู้บริหารของกรีนพีซ ออสเตรเลีย แปซิฟิก กล่าวว่า เกรต แบร์ริเออร์ รีฟ จะถูกทำลายในอนาคตหากยังไม่หยุดใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ทั้งถ่านหิน ก๊าซและน้ำมัน และไม่เปลี่ยนผ่านสู่การใช้พลังงานหมุนเวียนให้เร็วกว่านี้ ซึ่งพลังงานหมุนเวียนได้แก่พลังงานลม และพลังงานแสงอาทิตย์ล้วนเป็นทางเลือกที่เสนอคำตอบในการหยุดยั้งไม่ให้อุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้นมากไปกว่านี้ ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อสัตว์น้ำอื่น ๆ และสัตว์น้ำเหล่านี้มีผลต่อความอุดมสมบูรณ์ของแนวปะการัง "แนวปะการังไม่สามารถทนต่อมาตรการการชดเชยคาร์บอนหรือเทคนิคใด ๆได้ ทั้งการสร้างม่านบังแดดยักษ์ให้กับแนวปะการัง หรือการเพาะพันธุ์ปะการังหลอดแก้ว มาตรการเยียวยาเหล่านั้นเป็นเพียงมาตรการปลายทางแต่ไม่ได้ตัดต้นตอของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อย่างเช่นเผาเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญ และเป็นปัญหาที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ" https://www.bangkokbiznews.com/world/1040579
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก ThaiPBS
"โรคแถบสีเหลือง" ลามปะการังหลายชนิดในอ่าวไทย 1,000 ไร่ ทช.อัปเดตสถานการณ์ "โรคแถบสีเหลือง" พบครั้งแรกทะเลไทย หลังเริ่มลามปะการังหลายชนิดในพื้นที่เกาะขาม จ.ชลบุรี นับ 1,000 ไร่ เร่งประเมินอีก 5 จังหวัดพร้อมเร่งหาทางรับมือสถานการณ์ ![]() วันนี้ (30 พ.ย.2565) นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) เผยภายหลังจากลงดำน้ำเพื่อติดตามการระบาดของโรคปะการังแถบสีเหลือง บริเวณเกาะขามว่า หลังจากที่ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอ่าวไทยตอนบนฝั่งตะวันออก (ศวบอ.) เรื่องการสำรวจระบบนิเวศแนวปะการังในปี 2564-2565 ทั้งสิ้น 90 สถานี ครอบคลุม 5 จังหวัด ได้แก่ ตราด จันทบุรี ระยอง ชลบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ในบริเวณอ่าวไทยตอนบนและตอนกลาง พบว่าโรคแถบสีเหลืองกระจายตัวอยู่ เฉพาะบริเวณเกาะสัตหีบ-แสมสาร จ.ชลบุรี จำนวน 11 สถานี "ถือเป็นรายงานการพบโรคนี้ครั้งแรกในไทย ปะการังส่วนใหญ่ที่สำรวจพบว่าเป็นโรค ได้แก่ ปะการังโขด และปะการังเขากวาง คิดเป็นร้อยละ 1-10 ของปะการัง" พบพื้นที่เสียหายนับ1,000 ไร่ นายอรรถพล กล่าวว่า จากการรายงานเบื้องต้นของเจ้าหน้าที่ทราบว่า ขณะนี้ได้มีการกระจายตัวของโรคระบาดไปยังปะการังหลายชนิด เช่น ปะการังเขากวาง ปะการังโขด ปะการังลายดอกไม้ ปะการังดอกไม้ ปะการังดอกกะหล่ำ ปะการังวงแหวน ปะการังช่องเล็ก และปะการังช่องเหลี่ยม "ถือว่าการแพร่ระบาดของโรคในแนวปะการังเป็นเรื่องที่ใหญ่พอสมควร จะต้องมีการวางแผนเพื่อศึกษาและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะบริเวณที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคนั้นมีขนาดของพื้นที่ 1,000 ไร่" อธิบดี ทช.กล่าวว่า ไม่อยากให้ใช้คำว่าโรคระบาด ข้อมูลจากนักวิชาการทช.แจ้งว่า การระบาดที่เกิดขึ้นเป็นสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรียกลุ่ม Vibrio ซึ่งปะการังแต่ละชนิด ก็จะเป็นแบคทีเรียที่แตกต่างกัน หลังจากนี้ ทช.จะหารือร่วมกับทุกภาคส่วน เพื่อศึกษาและเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต พร้อมทั้งนำเรื่องเข้าสู่กลไกของคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัด การทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ เพื่อพิจารณาและกลั่นกรองร่วมกันในการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วน ประกอบด้วย กองทัพเรือ จังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ประกอบการ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และประชาชน เพื่อร่วมกันอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง อีกทั้งช่วยกันสอดส่องดูแลไม่ให้เกิดผลกระทบที่รุนแรงต่อทรัพยากรปะการัง "จะมีการกำหนดขอบเขตเพื่อเตรียมประกาศพื้นที่คุ้มครอง พร้อมทั้งหารือร่วมกับอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล เพื่อหาทางออกหลังจากที่แปลงเพาะปลูกปะการังได้รับผลกระทบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย" https://www.thaipbs.or.th/news/content/322085
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
|
|