![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ
Siam Seaplane จัดให้! "เครื่องบินทะเล" บินตรงลง "เกาะหลีเป๊ะ" แห่งแรกในไทย ![]() ข่าวดีสำหรับคนชอบเที่ยวทะเล เมื่อบริษัท Siam Seaplane เตรียมเปิดให้บริการ "Seaplane" หรือเครื่องบินทะเลเป็นเจ้าแรกในไทย และได้รับใบอนุญาตจาก กพท. แล้ว ซึ่งล่าสุดทางบริษัทวางแผนเตรียมประเดิมบินตรงสู่ "เกาะหลีเป๊ะ" จ.สตูล เป็นที่แรก! บริษัท สยาม ซีเพลน จำกัด ผู้ให้บริการเครื่องบินทะเลที่มีคุณภาพสูง เตรียมเปิดให้บริการ "Seaplane" หรือที่หลายคนเรียกว่า "เครื่องบินทะเล" หรือ "เครื่องบินน้ำ" เป็นเจ้าแรกในประเทศไทย ซึ่งเมื่อไม่นานมานี้ทางสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ได้ออกใบอนุญาตให้ประกอบกิจการค้าขายในการเดินอากาศใหม่ (AOL) ให้ทางบริษัทเรียบร้อยแล้ว โดยทางบริษัทสยามซีเพลน มีแผนจะเริ่มนำร่องประเดิมบินสู่ "เกาะหลีเป๊ะ" จ.สตูล เป็นที่แรกในไทย ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาการเดินทางไปยังเกาะหลีเป๊ะเหลือประมาณ 30-45 นาทีเท่านั้น คาดว่าจะเริ่มในไตรมาสที่ 4 ของปี 2566 และจะเน้นให้บริการไปยังสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโดยเฉพาะในภาคใต้ และอาจจะขยายไปยังภาคตะวันออกของไทยต่อไป สยาม ซีเพลน ปักหมุดกลุ่มเป้าหมาย Premium traveller โฟกัสทั้ง Premium Mass Market เจาะกลุ่มเจนวาย ทั้งคนไทยและชาวต่างประเทศ รวมถึงกลุ่มผู้บริหารและนักเดินทางธุรกิจ ซึ่งราคาเที่ยวบินคาดว่าประมาณเที่ยวละ 8,000-10,000 บาทต่อคน โดยใช้เครื่องบิน Seaplane รุ่น Cessna caravan 208 สามารถลงจอดได้ทั้งบนบกและในน้ำ รองรับผู้โดยสารได้ 8-10 ที่นั่ง พร้อมบริการสะดวกสบายอย่างครบครัน สำหรับ "เกาะหลีเป๊ะ" เป็นส่วนหนึ่งของหมู่เกาะตะรุเตา จ.สตูล ชื่อเกาะหลีเป๊ะมาจากภาษาถิ่นชาวเล แปลว่าแบนราบ ตั้งตามรูปพรรณสัณฐานของเกาะ แม้จะเป็นเกาะเล็ก ๆ แต่ด้วยความสวยงามของธรรมชาติ หาดทราย ท้องทะเล เกาะแห่งนี้จึงได้รับความนิยมอย่างสูง หากในอนาคตมี "เครื่องบินทะเล" บินตรงสู่หน้าเกาะเช่นนี้ คาดว่า "เกาะหลีเป๊ะ" จะเป็นที่จับตามองและได้รับความสนใจมากขึ้น จนกลายเป็นแหล่งทำเงินสำคัญของสตูลอย่างแน่นอน https://mgronline.com/travel/detail/9660000061779 ****************************************************************************************************** 'อ.ธรณ์' ส่งสัญญานดับเบิ้ลเอลนีโญ ! "ถ้าลากยาวถึงปี 68 เดือดร้อนทั้งอาเซียน" ![]() ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ นักวิชาการด้านทะเลและสิ่งแวดล้อม และอาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊ก Thon Thamrongnawasawat เมื่อ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา พูดถึงปรากฎการณ์ธรรมชาติ ?เอลนีโญ? ที่ส่งผลกระทบภัยแล้งจนอาจกลายร่างเป็นดับเบิ้ลเอลนีโญ ลากยาวไปจนถึงปี 2568 #อัปเดทเอลนีโญ ผมเพิ่งมีโอกาสคุยกับ ดร.ชวลิต จันทรรัตน์ และ ดร.วิษณุ อรรถวานิช สองผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ในรายการของคุณสุทธิชัย หยุ่น จึงอยากสรุปสถานการณ์ให้เพื่อนธรณ์ครับ เอลนีโญเริ่มต้นแล้ว และจะลากยาวไปอย่างน้อยถึงต้นปีหน้า แต่แบบจำลองทำนายให้แม่นยำได้ประมาณนั้น หลังจากนั้นยังบอกไม่ได้ หน้าฝนของเหนือกลางอีสานมี 2 ช่วง เราผ่านช่วงแรกไปแล้ว ฝนน้อยกว่าปรกติประมาณ 20% ฝนจะทิ้งช่วง กลับมาอีกทีกลางสิงหาคม ต้นทุนน้ำก่อนเข้าหน้าฝน มีน้ำในเขื่อน/ระบบชลประทาน 35% เนื่องจากฝนช่วงแรกน้อย การเก็บน้ำจึงไม่ได้มาก ต้นทุนน้ำตอนนี้จึงน่าเป็นห่วง ขึ้นกับฝนช่วงสองว่าเราจะทำได้แค่ไหน ยังขึ้นกับการปรับตัวของภาคเกษตร เราใช้น้ำแบบเดิมไม่ได้ อย่าให้ความเคยชินใน 2-3 ปีก่อนมาลวงตาเรา พื้นที่เกษตรของเราค่อนหนึ่งอยู่นอกพื้นที่ชลประทาน อันนั้นยิ่งมีน้ำน้อยเข้าไปใหญ่ ผลผลิตการเกษตรจะลดลง เช่น ข้าว อ้อย ทุกฝ่ายออกมาเตือนเรื่องการใช้น้ำในภาคการเกษตร ผลกระทบทั่วอาเซียน อินโดนีเซียอาจโดนหนัก เวียดนามก็ลำบาก เพราะน้ำเค็มหนุนส่งผลเยอะมากในพื้นที่ปลูกข้าวปากน้ำโขง คาดการณ์จากเอลนีโญในอดีตว่า รายได้เกษตรกรไทยอาจลดลง 5% (เปลี่ยนแปลงได้ขึ้นกับว่าแรงแค่ไหนและการรับมือว่าทำแค่ไหน) ผลกระทบในด้านอื่นๆ ยังมีอีกมาก เช่น ไฟป่า/ฝุ่น ฤดูฝุ่นปีนี้จะยาวนานและแรงกว่าปีก่อน ยังรวมถึงฝุ่นจากไฟป่าข้ามพรมแดนจากอินโดที่ต้องตามดูในภาคใต้ ปีนี้อาจรุนแรง สิงคโปร์เริ่มเตือนพลเมืองแล้ว (ไฟอินโดจะเริ่มช่วงกลางปี) เอลนีโญแรงตั้งแต่กันยายนไปจนถึงต้นปีหน้า เป็นช่วงหน้าฝนภาคใต้ หลายคนจึงออกมาเตือนว่าภาคใต้ต้องระวังเรื่องน้ำให้ดีเพราะฝนปีนี้อาจน้อย เพื่อนธรณ์ที่ทำงานโรงแรม/ภาคบริการหรือกิจการอื่นๆ ที่ต้องการน้ำมาก มองทางหนีทีไล่ไว้ล่วงหน้าด้วยนะครับ น้ำอาจหายาก/แพง กรณีแย่สุดคือเจอดับเบิ้ลเอลนีโญ ต่อเนื่องจากปีนี้ถึงปี 68 อันนั้นแย่จริงเพราะปีนี้เรายังมีต้นทุนน้ำจากปีที่แล้ว (ลานีญา) แต่ปีนี้เราแล้ง ปีหน้าเราแล้งซ้ำ ????อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีใครยืนยันสถานการณ์นั้นในตอนนี้ได้ เพราะไกลไปเกินทำนาย ในทะเลเริ่มเห็นชัดแล้ว จากปะการังฟอกขาว น้ำเปลี่ยนสีต่อเนื่องถึงช่วงนี้ ที่น่าเป็นห่วงคือปีหน้าจะเป็นอย่างไร หากเกิดดับเบิ้ลเอลนีโญ ทะเลเดือดร้อนหนักแน่ๆ คำแนะนำสำหรับเพื่อนธรณ์คือติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด น้ำน้อย/น้ำเค็มหนุน/ฝุ่นเยอะ/อากาศร้อน/ทะเลร้อน คือสิ่งที่ต้องเตรียมตัวรับมือไว้ การเยียวยาจากภาครัฐอาจมีบ้าง แต่ผลกระทบจากเอลนีโญคือเหนือจรดใต้ไปถึงทะเล จะเยียวยาไหวไหม ? สิ่งที่เรากำลังจะเจอ ไม่เหมือนที่เคยเกิดมา เพราะเรามีโลกร้อนมาหนุน องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (World Meteorological Organization - WMO) เรียกปรากฏการณ์แบบนี้ว่า Double Whammy เป็นสิ่งที่เราจะเผชิญต่อไป ทั้งเอลนีโญและลานีญา ในภาวะโลกร้อนเพิ่มขึ้น ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่ารัฐบาลต้องเร่งยกระดับประเด็นนี้ และหาทางรับมืออย่างจริงจัง ใช้งบประมาณให้ถูกจุดเพื่อการวางแผนรับมือในระยะต่างๆ นอกจากรับมือกับปีนี้ จะได้ปรับตัวเตรียมรับมือกับระยะต่อๆ ไปที่ในอนาคตเราจะเจออีก ปีนี้หรือปีหน้า อุณหภูมิโลกจะร้อนทำลายสถิติเดิม เศร้าแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ถึงตอนนี้สิ่งที่ทำได้นอกจากลด GHG เพื่อลูกหลาน เราคงต้องหาทางดีที่สุดเพื่อตัวเอง บททดสอบแรกมาถึงแล้วครับ https://mgronline.com/greeninnovatio.../9660000061559
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
|
|