เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

ตอบ
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
  #1  
เก่า 06-08-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ


สัญญาณหายนะ? 'เพนกวิน' กว่า 2,000 ตัว ตายเกลื่อนหาด คาดเกิดจาก 'โลกร้อน'

นักวิทยาศาสตร์คาดปัญหา "โลกร้อน" กระทบถึงแหล่งอาหารของสัตว์หลายชนิด ล่าสุด..พบซาก "เพนกวิน" สภาพผอมโซตายเกลื่อนหาดอุรุกวัยกว่า 2,000 ตัว บางตัวถึงขั้นไม่มีอะไรอยู่ในท้อง




Keypoints:

- "เพนกวินมาเจลลัน" เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ของสัตว์ทะเลที่ถูกจัดให้อยู่ในภาวะใกล้ถูกคุกคามมาตั้งแต่ปี 2004 แต่ก็ยังมีรายงานการตายของพวกมันอยู่เรื่อยๆ

- ล่าสุดเมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา บริเวณชายหาดอุรุกวัยพบซากเพนกวินมาเจลลันกว่า 2,000 ตัว ถูกซัดมาเกยตื้นในสภาพผอมโซ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าพวกมันอาจจะอดตาย

- หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เพนกวินมาเจลลันไม่มีอาหารกินก็เพราะปัญหาจาก "ภาวะโลกร้อน" ส่งผลให้เกิดพายุเพิ่มขึ้นและพัดเอาอาหารของพวกมันออกไปจากถิ่นที่อยู่


เกิดการตั้งคำถามถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมโลกอีกครั้ง หลังจากช่วงสิ้นเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา พบซาก "Magellanic Penguins" หรือ "เพนกวินมาเจลลัน" กว่า 2,000 ตัว ถูกซัดมาเกยตื้นตายอยู่บริเวณชายหาดอุรุกวัย ในสภาพที่ซูบผอมผิดปกติ และจากการตรวจสอบพบว่ากว่าร้อยละ 90 ของเพนกวินเหล่านั้น ไม่มีไขมันสำรองในร่างกายและไม่มีอาหารเหลืออยู่ในท้อง

ที่น่าเศร้าก็คือเพนกวินเหล่านี้ยังมีอายุไม่มากนัก และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีเพนกวินตายเป็นจำนวนมาก แต่ปัญหานี้เริ่มต้นมาตั้งแต่ในปี 2010 และอาจเป็นปัจจัยสำคัญทำให้ประชากรเพนกวินมาเจลลันมีจำนวนลดลง


รู้จัก "เพนกวินมาเจลลัน" ที่ได้รับการตั้งชื่อตามนักสำรวจ

สำหรับเพนกวินมาเจลลันนั้น เป็นหนึ่งใน 18 สายพันธุ์ของเพนกวินที่มีอยู่ทั่วโลก พวกมันได้รับการตั้งชื่อตามนักสำรวจชาวโปรตุเกส "เฟอร์ดินานด์ มาเจลลัน" ที่บังเอิญไปพบเจอพวกมันขณะล่องเรือสำรวจทวีปอเมริกาใต้ หลังจากนั้นมีข้อมูลว่าพวกมันสามารถพบเจอได้ทั่วไปทั้งในมหาสมุทรแอตแลนติกและฝั่งแปซิฟิกของทวีปอเมริกาเหนือ รวมถึงในอาร์เจนตินา ชิลี และหมู่เกาะฟอล์คแลนด์

ลักษณะเด่นของเพนกวินมาเจลลันก็คือ มีลำตัวสีดำ แต่มีส่วนท้องเป็นสีขาว เพื่อปกป้องตัวเองจากนักล่าในท้องทะเล เพราะเวลาพวกมันดำลงไปในน้ำลำตัวที่เป็นสีดำจะช่วยให้พวกมันดูกลมกลืนไปกับห้วงน้ำในมหาสมุทร ส่วนเท้ามีลักษณะเป็นพังผืดและตีนกบยาวเพื่อให้ว่ายน้ำได้คล่องตัว รวมถึงมีขนปกคลุมเพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับร่างกาย เนื่องจากถิ่นที่อยู่อาศัยของพวกมันมีสภาพอากาศหนาวจัด

โดยปกติแล้ว "เพนกวินมาเจลลัน" จะออกไข่เฉลี่ยเพียงครั้งละ 2 ฟอง ส่วนอาหารหลักของพวกมันก็คือปลาขนาดเล็ก เช่น ปลากะตัก ปลาซาร์ดีน เป็นต้น และเมื่อฤดูผสมพันธุ์สิ้นสุดลง พวกมันก็จะว่ายน้ำอพยพขึ้นไปทางเหนือในช่วงฤดูหนาว

ปัญหาที่น่าเป็นห่วงของเพนกวินมาเจลลันก็คือ พวกมันถือเป็นหนึ่งในสายพันธุ์เพนกวินที่เผชิญภัยคุกคามอย่างร้ายแรงต่อการอยู่รอด เช่น มลพิษน้ำมันตกค้างเรื้อรังในทะเล ซึ่งรายงานจากบัญชีแดงของ IUCN ประเมินไว้ว่ามีเพนกวินมาเจลลันตายจากมลพิษน้ำมันไปแล้วถึง 20,000 ตัว นอกจากนี้ยังมีปัญหาจากอุตสาหกรรมการประมงขนาดใหญ่ และปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือ "การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ" เพราะนอกจากจะส่งผลให้ที่อยู่อาศัยของพวกมันเสียหายจากการโดนน้ำท่วมแล้ว ยังทำให้พวกมันไม่มีอาหารกินด้วย


"ภาวะโลกร้อน" หนึ่งในตัวแปรเพนกวินตายเกลื่อน?

จากปัญหาดังกล่าวนักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ว่า ส่วนหนึ่งอาจมาจาก "ภาวะโลกร้อน" ที่มีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ "เพนกวิน" เกยตื้นตายพร้อมกันเป็นจำนวนมาก โดยข้อมูลจาก The National News ระบุว่าเคยมีการนำเสนอข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมว่าเพนกวินมาเจลลันถือเป็นสัตว์ที่อยู่ในกลุ่ม ?ใกล้ถูกคุกคาม? ตั้งแต่ปี 2004 และตลอดช่วงเวลาเกือบ 30 ปีที่ผ่านมา มีรายงานว่าพวกมันหลายร้อยตัวเกยตื้นตายอยู่บริเวณชายฝั่งด้านตะวันออกของอเมริกาใต้

และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ซากของ "เพนกวินมาเจลลัน" ถูกซัดมาอยู่บริเวณชายหาดเป็นจำนวนมาก เพราะก่อนหน้านี้เมื่อปี 2010 พบว่ามีเพนกวินประมาณ 500 กว่าตัว ตายอยู่บริเวณชายหาดของบราซิลเนื่องจากไม่มีอาหารกิน และหลังจากนั้นในปี 2012 ก็มีเพนกวินมาเจลลันถูกพบว่าอดตายอยู่ที่ชายหาดเดิมอีกประมาณ 700 ตัว ต่อมาในปี 2019 ก็พบว่ามีเพนกวินกว่า 300 ตัว ตายเพราะคลื่นความร้อน

แม้ว่าเหตุการณ์อันน่าเศร้าเกี่ยวกับการตายของเพนกวินมาเจลลันจะเกิดขึ้นมาตลอดหลายปี แต่สำหรับเหตุการณ์ล่าสุดเมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมานั้น Carmen Leizagoyen (คาร์เมน เลซาโกเยน) เจ้าหน้าที่จากกระทรวงสิ่งแวดล้อมของอุรุกวัยระบุว่า ร่างกายของเพนกวินเหล่านั้นไม่มีไขมันสำรองหลงเหลืออยู่เลย และภายในท้องของพวกมันก็ว่างเปล่าคล้ายกับว่าอดอาหารมาเป็นเวลานาน

นอกจากนี้ จากการวิเคราะห์ยังพบว่าไขมันบนขนของเพนกวินก็หายไปด้วย ซึ่งไขมันดังกล่าว คือ ปัจจัยสำคัญที่ปกป้องพวกมันจากอากาศที่หนาวเย็น โดยเฉพาะในเพนกวินที่ยังมีอายุน้อย

การตายของเพนกวินมาเจลลันในครั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญมองว่าเป็นปัญหาที่น่าเป็นห่วงอย่างมาก เพราะพายุไซโคลนที่เกิดขึ้นนอกชายฝั่งอุรุกวัยได้พัดพาเอาอาหารของเหล่าเพนกวินไปที่อื่น ทำให้พวกมันต้องอดอาหารและอ่อนแอลงเรื่อยๆ จนอดตายไปในที่สุด

ไม่ใช่แค่เพียงเพนกวินเท่านั้น แต่ในบริเวณนั้นยังมีซากนกทะเล ซากเต่า และซากสิงโตทะเลที่ร่างกายไร้ซึ้งไขมันและอาหารในท้องรวมอยู่ด้วย ทำให้เชื่อได้ว่าท้องทะเลในปัจจุบันนี้อาจกำลังเข้าสู่ภาวะขาดแคลนอาหาร

ปัจจัยสำคัญที่ Rescate de Fauna Marina (SOS) หรือ องค์กรสวัสดิภาพสัตว์มองว่าทำให้สัตว์ทะเลตายเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก มาจากการทำประมงขนาดใหญ่ในมหาสมุทรแอตแลนติกใต้ และผลเสียจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่ส่งผลกระทบต่อกระแสน้ำนอกชายฝั่ง รวมถึงอาจเกี่ยวข้องกับการเกิดพายุอีกด้วย

แม้ว่าจะมีการตายของสัตว์น้ำอย่างต่อเนื่อง แต่ปัจจุบันกลับยังไม่มีการแก้ปัญหาและการรับมือที่ชัดเจนว่าจะทำอย่างไร เพื่อไม่ให้สัตว์เหล่านี้ต้องอดอาหารจนตายและอาจนำไปสู่การสูญพันธุ์ในอานคต แต่สิ่งหนึ่งที่หลายฝ่ายควรตระหนักก็คือผลกระทบจาก "ภาวะโลกร้อน" ที่เรียกได้ว่าเป็นตัวแปรสำคัญ ที่ทำให้สิ่งมีชีวิตร่วมโลกของเราค่อยๆ ทยอยหายไปเรื่อยๆ

อ้างอิงข้อมูล : The National News, National Geographic, Rescate de Fauna Marina (SOS) และ Sciencealert


https://www.bangkokbiznews.com/environment/1082026

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
ตอบ


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 16:04


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger