เลือกสีตามสไลต์ที่คุณชอบ:
SaveOurSea.NET  

กลับไป   SaveOurSea.NET > สรุปข่าวทะเลและสิ่งแวดล้อม

 
 
Share คำสั่งเพิ่มเติม เรียบเรียงคำตอบ
Prev คำตอบที่แล้วมา   คำตอบถัดไป Next
  #2  
เก่า 10-10-2023
สายน้ำ's Avatar
สายน้ำ สายน้ำ is offline
Senior Member
 
วันที่สมัคร: May 2009
ข้อความ: 12,809
Default

ขอบคุณข่าวจาก ไทยรัฐ


ทร.-ศรชล. จับเรือประมงอินโดฯ 3 ลำ 40 ลูกเรือ ลอบทำประมงในน่านน้ำไทย

กองทัพเรือ - ศรชล. ผนึกกำลัง จับกุมเรือประมงอินโดนีเซีย ลักลอบทำการประมงในน่านน้ำไทย 3 ลำ บริเวณแหลมพรหมเทพ จึงส่งเรือหลวงแกลง ตรวจสอบจับกุม พร้อมควบคุมเรือ และลูกเรือ 40 คน ดำเนินคดีตามกฎหมาย



เมื่อวันที่ 9 ต.ค. 66 พล.ร.ต.วีรุดม ม่วงจีน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า ศูนย์ปฏิบัติการทัพเรือภาคที่ 3 (ศปก.ทรภ.3) ร่วมกับ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 (ศรชล.ภาค 3) จับกุมเรือประมงสัญชาติอินโดนีเซีย ทำประมงในน่านน้ำไทย โดยเมื่อวันที่ 7 ต.ค. เวลา 08.30 น. ศปก.ทรภ.3 ได้รับแจ้งข่าวจากแหล่งข่าวในพื้นที่ พบเห็นเรือประมงสัญชาติอินโดนีเซีย จำนวน 3 ลำ เข้ามาทำการประมงบริเวณเขตเศรษฐกิจจำเพาะของประเทศไทย ระยะ 46 ไมล์ทะเล ทางทิศตะวันตกของแหลมพรหมเทพ จังหวัดภูเก็ต จึงได้สั่งการให้เครื่องบินลาดตระเวนแบบดอร์เนีย (DO-228) จาก ทรภ.3 ขึ้นบินลาดตระเวนตรวจสอบข้อมูลตามที่ได้รับแจ้ง

ในส่วนของ ศรชล.ภาค 3 ได้แจ้งให้ศูนย์ควบคุมความมั่นคงท่าเรือจังหวัดภูเก็ตแจ้งไปยังศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้าออก (ศูนย์ PIPO) ภูเก็ต แจ้งเรือประมงไทยที่ทำการประมงในพื้นที่เฝ้าสังเกตการณ์และติดตามพฤติกรรมของกลุ่มเรือประมงสัญชาติอินโดนีเซียทั้ง 3 ลำ ซึ่งผลการบินสำรวจ ได้ตรวจพบเรือประมง สัญชาติอินโดนีเซีย จำนวน 1 ลำ ระยะ 55.6 ไมล์ทะเล จากแหลมพรหมเทพ จังหวัดภูเก็ต ซึ่งอยู่ในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของไทย ศรชล.ภาค 3 จึงได้สั่งการให้ เรือหลวงแกลง ออกเรือเพื่อเข้าตรวจสอบและจับกุมเรือประมงสัญชาติอินโดนีเซียในบริเวณดังกล่าว จนกระทั่งในเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 8 ตุลาคม 2566 เมื่อเรือหลวงแกลง ได้ตรวจพบเรือประมง สัญชาติอินโดนีเซีย จำนวน 3 ลำลักลอบทำการประมงในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของไทยประกอบด้วย เรือ KM.RAHMATJAYA พร้อมลูกเรือรวมไต๋เรือ จำนวน 12 คน, เรือ KM.IKHLASBARU พร้อมลูกเรือรวมไต๋เรือ จำนวน 16 คน, เรือ KAMBIASTAR พร้อมลูกเรือรวมไต๋เรือ จำนวน 12 คน

จากนั้นเรือหลวงแกลง จึงได้ควบคุมเรือประมงอินโดนีเซียทั้ง 3 ลำ พร้อมลูกเรือ จำนวนรวม 40 นาย เดินทางไปยังท่าเรือรัษฎา ตำบลรัษฎา อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต เพื่อเตรียมส่งมอบให้พนักงานสอบสวน สภ.ฉลอง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปโดยเรือหลวงแกลงได้นำเรือเทียบเข้าท่าเรือรัษฎา เมื่อเวลาประมาณ 08.30 น. ของวันที่ 9 ตุลาคม 2566 ในการนี้ ศรชล.ภาค 3 ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สถานีตำรวจภูธรฉลอง ตำรวจน้ำ ประมงจังหวัดภูเก็ต และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ได้เดินทางมารับตัวผู้กระทำผิดเพื่อเตรียมดำเนินคดีทางกฎหมาย

ทั้งนี้ ศรชล.ภาค 3 จะประสานการดำเนินการทางกฎหมาย กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ฉลอง อย่างใกล้ชิด ซึ่งอำนาจหน้าที่ของ ศรชล. เป็นการดำเนินการตาม พ.ร.ก.การประมง พ.ศ. 2558 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยสิทธิการประมงไทยในเขตประมงไทย พ.ศ. 2482 ในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ ซึ่งกฎหมายทั้งสองฉบับให้อำนาจเจ้าหน้าที่ทหารเรือ โดย ผบ.เรือ/ผค.เรือ สามารถจับกุมได้ในฐานความผิดเป็นผู้ควบคุมเรือใช้เรือสัญชาติต่างประเทศทำการประมงในเขตประมงไทย และฐานทำการประมงพาณิชย์โดยไม่ได้รับอนุญาต

โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า สำหรับการจับกุมหรือประมงทั้ง 3 ลำในครั้งนี้ เป็นการบูรณาการความร่วมมือระหว่าง กองทัพเรือ โดย ทรภ.3 ศรชล. และเครือข่ายเรือประมงไทย โดยการปฏิบัติการ สืบเนื่องจากการเข้ามาลักลอบทำการประมงของเรือต่างชาติ ในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของไทย

ทั้งนี้ การจับกุมเรือประมงต่างชาติ ที่มีพฤติกรรมเข้ามาทำการประมงบริเวณเขตเศรษฐกิจจำเพาะของประเทศไทยด้านฝั่งทะเลอันดามัน ที่ผ่านมานั้น ได้มีการจับกุมมาแล้วหลายครั้ง โดยฝ่ายไทยได้เคยประสานฝ่ายอินโดนีเซีย แจ้งเตือนเรือประมงของประเทศอินโดนีเซีย มิให้รุกล้ำเข้ามาทำการประมงในเขตน่านน้ำของประเทศไทยแล้ว อย่างไรก็ตาม การปฏิบัติของฝ่ายไทยครั้งนี้ เป็นการดำเนินการภายใต้ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศ และไม่มีการใช้ความรุนแรงแต่อย่างใด โดยการปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของการปกป้องและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลซึ่งเป็นหนึ่งในภารกิจที่สำคัญของกองทัพเรือ โดยในปีงบประมาณ 2564 ได้ทำการจับกุม จำนวน 1 ครั้ง ในปีงบประมาณ 2565 ได้ทำการจับกุม จำนวน 3 ครั้ง และในปีงบประมาณ 2566 ได้ทำการจับกุม จำนวน 2 ครั้ง ซึ่งการลักลอบเข้ามาทำการประมงของเรือประมงต่างชาตินั้นเป็นการแย่งชิงทรัพยากรธรรมชาติ (สัตว์น้ำ) ในพื้นที่ของประเทศไทย ส่งผลให้ชาวประมงไทย ทำการจับสัตว์น้ำได้น้อยลง และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจภาคประมงโดยตรง นอกจากนี้แล้วเรือประมงต่างชาติที่ลักลอบเข้ามาทำการประมง บางครั้งมีการลักลอบขโมยหรือตัดทำลายอุปกรณ์ดักจับสัตว์น้ำของชาวประมงไทยที่ได้วางไว้ด้วย

โฆษกกองทัพเรือกล่าวต่อไปว่า การดำเนินการจับกุมเรือประมงต่างชาติข้างต้นนั้น เป็นไปตามนโยบายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ของ พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะรองผู้อำนวยการ ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลที่ได้มีนโยบายให้ทุกหน่วยงาน มีการบูรณาการร่วมกัน ในการป้องกันและปรามปรามการกระทำผิดกฎหมายทางทะเล เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้ทรัพยากรทางทะเลไทยมีความอุดมสมบูรณ์ เกิดความมั่นคง ยั่งยืน และสามารถแสวงหาประโยชน์ได้ตลอดไป

กองทัพเรือและศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล จะดำเนินการบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงทางทะเล รวมทั้งภาคประชาชนและภาคเอกชน ในการร่วมกันแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ที่ประสบปัญหาที่เกี่ยวข้องกับกิจการทะเลต่างๆ เพื่อให้เกิดความเป็นรูปธรรม มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไป.


https://www.thairath.co.th/news/local/south/2731634

__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า ....
ตอบพร้อมอ้างอิงข้อความเดิม
 


กฎการส่งข้อความ
You may not post new threads
You may not post replies
You may not post attachments
You may not edit your posts

BB code is ใช้ได้
Smilies are ใช้ได้
[IMG] code is ใช้ได้
HTML code is งดใช้

Forum Jump


เวลาทั้งหมดอยู่ในเขตเวลา GMT +7 และเวลาในขณะนี้คือ 13:14


vBulletin รุ่น 3.8.10
สงวนลิขสิทธิ์ ©2000-2025, บริษัท Jelsoft Enterprises จำกัด
Ad Management plugin by RedTyger