![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก ผู้จัดการ
หวั่นไม่ปลอดภัย เตือน!! ระวังแมงกะพรุนพิษ ถูกคลื่นซัดติดหาดป่าตอง ![]() ศูนย์ข่าวภูเก็ต - หวั่นไม่ปลอดภัย พบ "แมงกะพรุนพิษ" ถูกคลื่นซัดติดชายหาดป่าตอง เตือน! ห้ามสัมผัส เจ้าหน้าที่ไลฟ์การ์ด ทยอยเก็บออกจากพื้นที่ เบื้องต้นมีมากกว่า 40 ตัว มาพร้อมมรสุม แมงกะพรุนพิษถูกคลื่นซัดเกยตื้นที่หาดป่าตอง จ. ภูเก็ต แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง โดยเจ้าหน้าที่ไลฟ์การ์ดประจำจุดหาดป่าตอง ได้ตรวจสอบพบแมงกะพรุน คาดว่าเป็นแมงกะพรุนพิษ ถูกคลื่นซัดขึ้นมาชายหาดป่าตอง เมื่อช่วงเย็นวันที่ 31 ส.ค.ที่ผ่านมา และช่วยกันเก็บแมงกะพรุนออกจากชายหาด เพราะเกรงว่านักท่องเที่ยวที่มาเล่นน้ำจะไปสัมผัสตัวแมงกะพรุน และเกิดอันตรายได้ ขณะ ศวอบ. หรือศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอันดามันตอนบน ซึ่งได้รับข้อมูลผ่านทางสื่อออนไลน์แจ้งพบแมงกะพรุนพิษเกยตื้นในช่วงเย็นที่ชายหาด จังหวัดภูเก็ต จึงได้ประสานกับเครือข่ายไลฟ์การ์ดหาดป่าตอง งานป้องกันบรรเทาสาธารณภัย (Patong surf life saving) เพื่อลงพื้นที่และได้ทำการตรวจสอบแล้ว จากการตรวจสอบพบเป็นแมงกะพรุนหัวขวดสกุลไฟซาเลีย (Physalia sp.) จำนวน 40 ตัว ที่หาดป่าตอง เบื้องต้นยังไม่พบรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บจากการสัมผัสแมงกะพรุน ทางเจ้าหน้าที่ได้ประสานงานเครือข่าย มอบแผ่นพับ น้ำส้มสายชู เพื่อเตรียมความพร้อมและเฝ้าระวังการได้รับบาดเจ็บจากการสัมผัสแมงกะพรุน จึงขอให้ประชาชน ผู้ประกอบการ และนักท่องเที่ยวในบริเวณดังกล่าวระมัดระวังการสัมผัสพิษแมงกะพรุนชนิดนี้ ทั้งนี้การปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ใช้น้ำส้มสายชูราดบริเวณที่สัมผัสอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 30 วินาที แล้วส่งแพทย์เพื่อรักษาตามอาการต่อไป https://mgronline.com/south/detail/9670000080913
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ
ระบบนิเวศของ 'แอนตาร์กติกา' ถูกทำลายจากขยะ โรคระบาด และเอเลี่ยนสปีชีส์ .......... โดย กฤตพล สุธีภัทรกุล KEY POINTS - ขยะจากออสเตรเลีย แอฟริกาใต้ อเมริกาใต้ และนิวซีแลนด์สามารถเดินทางไปถึงแอนตาร์กติกาได้ โดยขยะบางชิ้นใช้เวลาเพียงแค่ 9 เดือนด้วยซ้ำ - ขยะเหล่านี้มักจะมีเชื้อโรคและสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กติดไปด้วย หากพวกมันสามารถตั้งอาณานิคมในทวีปแอนตาร์กติกาได้ จะทำให้ ระบบนิเวศทางทะเลเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก - ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 เหลือน้ำแข็งปกคลุมพื้นที่เพียง 768,000 ตารางไมล์ ซึ่งน้อยกว่าค่าเฉลี่ยระหว่างปี 1981-2010 ถึง 30% และเป็นปีที่สามติดต่อกันที่น้ำแข็งตกลงมาต่ำกว่า 2 ล้านตารางไมล์ ![]() ระบบนิเวศ ทวีปแอนตาร์กติกา อาจเผชิญกับภัยคุกคามครั้งใหญ่ในไม่ช้า หากอุณหภูมิยังคงพุ่งสูงขึ้น จน น้ำแข็งละลายหมดทวีป ซึ่งจะทำให้ขยะ เชื้อโรค และ เอเลี่ยนสปีชีส์ สามารถขึ้นมาอยู่อาศัยและรุกรานแนวชายฝั่งแอนตาร์กติก ทำลายสายพันธุ์ท้องถิ่นได้ การศึกษาซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Global Change Biology ใช้การจำลองกระแสน้ำในมหาสมุทรเพื่อติดตามเส้นทางของวัตถุที่ลอยออกมาจากประเทศต่าง ๆ ตลอด19 ปี พบว่า ขยะจากออสเตรเลีย แอฟริกาใต้ อเมริกาใต้ และนิวซีแลนด์สามารถเดินทางไปถึงแอนตาร์กติกาได้ โดยขยะบางชิ้นใช้เวลาเพียงแค่ 9 เดือนด้วยซ้ำ ส่วนวัตถุจากหมู่เกาะในมหาสมุทรแอนตาร์กติกจะทำให้เกิดแผ่นน้ำแข็งถล่มบ่อยยิ่งขึ้น วัตถุที่สามารถเคลื่อนที่ไปยังแอนตาร์กติกา มีด้วยกันหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นขยะ พลาสติก เศษไม้ และหินภูเขาไฟ รวมไปถึงสิ่งมีชีวิต ทั้งพืชและสัตว์ขนาดเล็กหลายชนิด ก่อนหน้านี้นักวิทยาศาสตร์คิดว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ลอยมาจากเกาะห่างไกลที่อยู่ในเขตมหาสมุทรใต้เท่านั้น แต่การวิจัยครั้งใหม่นี้ชี้ให้เห็นว่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้สามารถเข้าถึงแนวชายฝั่งแอนตาร์กติกาได้จากทวีปทางตอนใต้ทั้งหมด "สิ่งต่าง ๆ จากทางเหนือ ทั้งอเมริกาใต้ นิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย และแอฟริกาใต้ สามารถล่องลอยไปถึงแอนตาร์กติกาได้ไกลมากกว่าที่เราคิดไว้มาก" ดร.ฮันนาห์ ดอว์สัน ผู้นำการวิจัยที่มหาวิทยาลัยนิวเซาธ์เวลส์ กล่าว ในตอนนี้ "การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ" ทำให้อุณหภูมิสูงขึ้นและน้ำแข็งในทะเลละลายอย่างรวดเร็ว ในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 เหลือน้ำแข็งปกคลุมพื้นที่เพียง 768,000 ตารางไมล์ ซึ่งน้อยกว่าค่าเฉลี่ยระหว่างปี 1981-2010 ถึง 30% และเป็นปีที่สามติดต่อกันที่น้ำแข็งตกลงมาต่ำกว่า 2 ล้านตารางไมล์ ดังนั้นมลพิษของพลาสติกและซากสัตว์สามารถลอยลงไปทางใต้ไกลกว่าเดิม ในปี 2566 พบว่าจำนวนอนุภาคพลาสติกที่ลอยอยู่ในมหาสมุทรโลกเกิน 170 ตัน ส่วนเอเลี่ยนสปีชีส์ก็จะมีโอกาสที่จะย้ายมาตั้งถิ่นฐานตามชายฝั่งขั้วโลกใต้มากขึ้น เซริดเวน เฟรเซอร์ ผู้ร่วมเขียนการศึกษาและนักชีวภูมิศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโอตาโก้ กล่าวว่า พลาสติกที่ลอยอยู่สามารถนำพามดและเชื้อโรค เช่น โรคไข้หวัดนก มากได้ ในขณะที่สาหร่ายทะเลมีขนาดใหญ่ ซึ่งอาจจะยาวได้มากกว่า 10 เมตร อาจจะมีสัตว์ทะเลต่าง ๆ เช่น ปู ดาวทะเล และทากติดพันไปด้วย และหากพวกมันสามารถตั้งอาณานิคมในทวีปแอนตาร์กติกาได้ จะทำให้ ระบบนิเวศทางทะเลเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก "มันเป็นเรื่องน่ากังวลจริง ๆ สำหรับสายพันธุ์ท้องถิ่นของทวีปแอนตาร์กติกา หากสายพันธุ์ต่างถิ่นสามารถเดินทางและตั้งถิ่นฐานบนชายฝั่งแอนตาร์กติกที่อุ่นขึ้นได้สำเร็จ สายพันธุ์เหล่านี้จะมีข้อได้เปรียบในการเอาตัวรอดได้มากกว่าสายพันธุ์ท้องถิ่น ที่เติบโตช้ากว่า" เฟรเซอร์กล่าว "สุดท้ายแล้วเอเลี่ยนสปีชีส์อาจแข่งขันกับสายพันธุ์ท้องถิ่น และสายพันธุ์ท้องถิ่นเหล่านั้นก็อาจจะเสียที่อยุ่อาศัยไปในที่สุด" การศึกษายังพบว่า บริเวณ คาบสมุทรแอนตาร์กติก มีความเสี่ยงต่อการถูกสายพันธุ์ต่างถิ่นรุกรานมากที่สุด เนื่องจากสิ่งต่าง ๆ มักจะขึ้นฝั่งที่จุดเหนือสุดของทวีป และเป็นไปได้ว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะทำให้คาบสมุทรนี้มีอุณหภูมิสูงขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เอเลี่ยนสปีชีส์สามารถอาศัยอยู่ได้ "วัตถุส่วนใหญ่มาถึงปลายคาบสมุทรแอนตาร์กติก ซึ่งเป็นบริเวณที่มีอุณหภูมิค่อนข้างอบอุ่นและมักไม่มีน้ำแข็ง ปัจจัยเหล่านี้ทำให้พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่เอเลี่ยนสปีชีส์สามารถตั้งรกรากได้ก่อน" แมทธิว อิงแลนด์ ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยนิวเซาธ์เวลส์ ซึ่งเป็นผู้เขียนร่วมกล่าว ปรกติแล้วสิ่งมีชีวิตที่เคยลอยไปทางแอนตาร์กติกาอาจถูกทำลายโดยน้ำแข็งทับถมอยู่ในทะเล ที่มีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรง หรือไม่สามารถอยู่รอดในอากาศที่หนาวเย็นได้ หากปริมาณน้ำแข็งในแอนตาร์กติกายังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง สิ่งมีชีวิตที่ลอยอยู่บนผิวน้ำหรือเกาะอยู่กับวัตถุลอยน้ำอาจสามารถตั้งรกรากในทวีปได้ง่ายขึ้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อระบบนิเวศ ที่มา: Independent, Phys, The Conversation, The Guardian https://www.bangkokbiznews.com/environment/1142532
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#3
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก กรุงเทพธุรกิจ
น้ำกำลังล้นมหาสมุทร เสียงเตือนจากเกาะทะเลใต้ ............. โดย ดร.ไสว บุญมา ![]() "น้ำกำลังล้นมหาสมุทร... ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น เป็นวิกฤติอันเกิดจากการกระทำของมนุษย์เราทั้งสิ้น วิกฤติซึ่งในเวลาอีกไม่นานจะเพิ่มความร้ายแรง จนถึงขั้นแทบเกินจินตนาการและปราศจากเรือชูชีพ ที่จะนำเรากลับมาสู่ความปลอดภัย" เป็นคำเตือนของเลขาธิการองค์การสหประชาชาติ แอนโตนิโอ กูเตอร์เรส เมื่อต้นสัปดาห์นี้ที่ประเทศตองงา หนึ่งในเกาะขนาดเล็กในย่านตะวันออกเฉียงใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก เลขาธิการสหประชาชาติเปล่งคำเตือนดังกล่าวเนื่องในโอกาสเข้าร่วมการประชุมผู้นำของ 18 ประเทศในย่านนั้น รวมทั้งนิวซีแลนด์และออสเตรเลีย คำเตือนวางอยู่บนฐานของรายงานขององค์การสหประชาชาติและองค์การอุตุนิยมวิทยาโลกเกี่ยวกับ ภาวะโลกร้อน และ ภูมิอากาศโลก ผลกระทบที่จะเกิดกับเกาะเหล่านั้น รายงานชี้ชัดว่า ภูมิอากาศโลกที่ร้อนขึ้นในขณะนี้มีผลสูงต่อน้ำในมหาสมุทร 3 ด้านคือ (1) อุณหภูมิน้ำทะเล สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะน้ำทะเลดูดซับราว 90% ของความร้อนอันเกิดจากการเผาผลาญถ่านหิน น้ำมันปิโตรเลียมและก๊าซธรรมชาติเพื่อเอาพลังงาน (2) ระดับน้ำทะเล สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน เพราะน้ำขยายตัวจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นพร้อมกับการละลายของธารน้ำแข็งในหลายพื้นที่และแผ่นน้ำแข็งในย่านขั้วโลก (3) น้ำทะเลเป็นกรด มากขึ้นจากการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการเผาผลาญดังกล่าว รายงานบ่งบอกด้วยว่า อุณหภูมิของมหาสมุทรในย่านทะเลใต้เพิ่มขึ้นราว 3 เท่าของการเพิ่มขึ้นทั่วโลกโดยเฉลี่ยในช่วงเวลา 45 ปีที่ผ่านมา และระดับน้ำทะเลในย่านนั้นเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าของการเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยทั่วโลก ภาวะเหล่านั้นก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในระบบนิเวศ รวมทั้งคลื่นความร้อนในอากาศซึ่งเกิดบ่อยขึ้นด้วยระดับอุณหภูมิที่สูงขึ้นและอยู่นานขึ้น ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวมีผลกระทบสูงมากต่อชีวิตของชาวเกาะ ซึ่งเลขาธิการองค์การสหประชาชาติประสบด้วยตนเองในระหว่างการเข้าร่วมประชุม เมื่อพายุใหญ่ทำให้ฝนตกหนักจนน้ำท่วมอาคารศูนย์การประชุมสร้างใหม่ที่ใช้ในการประชุม ส่งผลให้การประชุมต้องหยุดชะงัก ชาวเกาะในย่าน "ทะเลใต้" กำลังได้รับผลกระทบร้ายแรงจากภาวะโลกร้อนมากกว่าชาวโลกโดยทั่วไป ทั้งที่แทบไม่มีส่วนทำให้มันเกิดขึ้น เนื่องจากการเผาผลาญเชื้อพลังงานส่วนใหญ่เกิดขึ้นในประเทศร่ำรวย ซึ่งให้คำมั่นสัญญาว่าจะช่วยเหลือเพื่อลดผลกระทบร้ายแรงนั้น พร้อมกับลดการเผาผลาญเชื้อพลังงานเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แต่การช่วยเหลือยังเชื่องช้าและต่ำกว่าความจำเป็นมาก นอกจากนั้น การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกไม่มีทีท่าว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตกลงกันไว้ ณ นครปารีสเมื่อ 9 ปีก่อน ตรงข้าม เมื่อปีที่ผ่านมา การปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพิ่มขึ้น 1% ด้วยเหตุนี้ โอกาสที่โลกจะไม่ร้อนขึ้นเกินเป้าที่ตั้งไว้จึงแทบไม่มี ฉะนั้น เราอาจคาดเดาได้ว่าในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้าโลกจะถูกถล่มอย่างต่อเนื่องจากภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงสูงตามที่นักวิทยาศาสตร์คาดไว้ ในภาวะเช่นนี้ นอกจากจะวิงวอนให้ชาวโลกเร่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างมีนัยสำคัญต่อไปแล้ว รายงานและการประชุมดังกล่าวจึงเสนอให้บรรดาเกาะและประเทศต่างๆ ที่จะได้รับผลกระทบร้ายแรงจากการเปลี่ยนของภูมิอากาศสร้างระบบเตือนภัยในระยะสั้น ตามด้วยมาตรการในด้านการฟื้นฟูและปรับตัวเมื่อได้รับผลกระทบ เรามิอาจฟันธงได้ว่าเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ทางภาคเหนือของไทยในช่วงนี้ และแผ่นดินถล่มที่เกาะภูเก็ตซึ่งเพิ่งผ่านไป ภาวะโลกร้อนเป็นปัจจัยมากน้อยเพียงไร แต่เราอาจใช้มันเป็นจุดตั้งต้นในการพิจารณาว่าประเทศเราอยู่ ณ ตรงไหนในด้านการเตือนภัยและด้านการฟื้นฟูและปรับตัวหลังจากถูกผลกระทบจากภาวะโลกร้อนโดยตรง เราไม่อาจพึ่งความช่วยเหลือจากต่างประเทศ เพราะหลายประเทศที่จนกว่าและเผชิญปัญหาสาหัสกว่าเรายังได้รับอย่างจำกัด รัฐบาลไทยจึงต้องเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งพร้อมด้วยปัญญาและสัมมา จากมุมของผู้อยู่ภายนอก สิ่งที่เห็นจำพวกการออกไปทำข้าวผัดแจกชาวบ้านของหัวหน้ารัฐบาลและการเอาแต่ชิงอำนาจกันเสมือนสุนัขแย่งกระดูกอย่างต่อเนื่องของนักการเมือง ไม่ทำให้เกิดความมั่นใจได้ว่า รัฐบาลจะออกนำให้เกิดความพร้อมเผชิญกับโลกในภาวะใหม่ ประชาชนโดยทั่วไปจึงต้องเตรียมภูมิคุ้มกันเอง. https://www.bangkokbiznews.com/environment/1142736
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
|
|