![]() |
|
|
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก SpringNews
ถึงเวลาโลกเอาคืน! ปี?67 โลกรวนสุด ร้อน แล้งจัด ฝนตกน้ำท่วมเป็นประวัติการณ์ SHORT CUT - ยอมรับว่าปัญหาโลกร้อน โลกรวนทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หลายประเทศกำลังเผชิญกับปัญหานี้ ซึ่งนับว่าไปซ้ำเติมความยากจนให้หลายๆประเทศอีกด้วย - ประเทศไทยก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่กำลังได้รับผลกระทบจากภาวะโลกรวน เห็นได้ชัดเจนจากปี2567 ที่ยังไม่ครบปี แต่โลกรวนให้เห็นแบบสุดขั้ว ทั้งร้อน และแล้งจัด แถมฝนตกหนัก น้ำท่วมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ - อย่างล่าสุดน้ำท่วมแม่สาย จ.เชียงราย หนักสุดในรอบหลายปี โดยสถานการณ์น้ำท่วม น้ำป่าไหลหลาก อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมายังมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง ![]() น่าใจหายเมื่อโลกต่างเอาคืนมวลมนุษย์ที่เป็นตัวการทำให้โลกร้อน ปี2567 โลกรวนสุดขั้ว ทั้งร้อนจัด แล้งจัด ฝนตกมาก น้ำท่วมมากสุดเป็นประวัติการณ์ในปีเดียวกัน และยังน่าห่วงปีต่อไปจะเป็นอย่างไร ต้องยอมรับว่าปัญหาโลกร้อน โลกรวนทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หลายประเทศกำลังเผชิญกับปัญหานี้ ซึ่งนับว่าไปซ้ำเติมความยากจนให้หลายๆประเทศอีกด้วย และประเทศไทยก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่กำลังได้รับผลกระทบจากภาวะโลกรวน เห็นได้ชัดเจนจากปี2567 ที่ยังไม่ครบปี แต่โลกรวนให้เห็นแบบสุดขั้ว ทั้งร้อน และแล้งจัด แถมฝนตกหนัก น้ำท่วมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อย่างภาคเหนือบางพื้นที่น้ำท่วมหนักในรอบ 100 ปี ทำเอาสร้างความเสียหายจำนวนมาก โดยที่ผ่านมา นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในภาคเหนือ 9 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย พะเยา สุโขทัย ลำปาง เพชรบูรณ์ แพร่ น่าน พิษณุโลก และนครสวรรค์ ยังมีความน่าเป็นห่วงที่ฝนจะตกเพิ่มอีกระลอก ทั้งนี้มีประเมินมูลค่าความเสียหายกรณีสถานการณ์น้ำท่วมในเขตพื้นที่ภาคเหนือ เบื้องต้นประเมินความเสียหายประมาณ 4,000 ? 6,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 0.02 ? 0.03% ของ GDP ซึ่งยังคงต้องติดตามและประเมินผลกระทบอีกครั้ง เนื่องจากหลายจังหวัดยังมีความเสี่ยงที่อาจเกิดน้ำท่วมเพิ่มอีก อย่างไรก็ตามภาคการเกษตรได้รับผลกระทบมากที่สุด รองลงมาเป็นภาคบริการ และภาคอุตสาหกรรม โดยในระยะสั้นหอการค้าฯ เสนอให้รัฐบาลจัดตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่เสี่ยงอุทกภัย และจะต้องเตรียมแผนรับมือมวลน้ำที่จะไหลลงมาสู่ภาคกลางและกรุงเทพฯ ตลอดจนปริมาณฝน และล่าสุดสดๆร้อนๆ น้ำท่วมแม่สาย จ.เชียงราย หนักสุดในรอบหลายปี โดยสถานการณ์น้ำท่วม น้ำป่าไหลหลาก อ.แม่สาย จ.เชียงราย ตลอดทั้งคืนที่ผ่านมายังมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง และกระแสน้ำยังไหลลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ระดับน้ำมีความสูงตั้งแต่ 1- 2 เมตร ในบางพื้นที่ที่ลุ่มต่ำ ส่งผลให้การช่วยเหลือประชาชนก็ไปด้วยความลำบาก ในขณะเดียวกันที่ จ.เชียงใหม่ มีน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ในตำบลแม่อาย และ ต.ท่าตอน อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ หลังฝนตกหนักสะสม ทำให้แม่น้ำสาขา แม่น้ำอาย แม่น้ำแหลง และแม่น้ำสาว เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และ ล้นตลิ่งเข้าท่วมถนนสายหลัก ชุมชน ย่านเศรษฐกิจ และ พื้นที่การเกษตร เป็นบริเวณกว้าง ทั้งหมดที่กล่าวมาเบื้องต้นจะเห็นได้ว่าน้ำท่าบ้านเราปี2567 ฝนตกเยอะ น้ำท่วมหนักในฤดูฝน แต่?ก่อนหน้านั้นฤดูร้อน อากาศก็ร้อนจัด และแล้งจัด เจอเอลนีโญสุดๆเหมือนกัน โดยนักวิทยาศาสตร์ เผยมีแนวโน้มถึง 90% ที่ปี 2567 มี อุณหภูมิทั่วโลกร้อน ขึ้นจนทุบสถิติ เนื่องจาก ?ปรากฏการณ์เอลนีโญ? ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ป่าแอมะซอน หรือ อะแลสกาที่มีน้ำแข็งปกคลุมทั้งปีก็หนีไม่รอด ขณะที่ไทยก็ต้องเตรียมรับมือเช่นกัน ดร.หนิง เจียง จากสถาบันวิทยาศาสตร์อุตุนิยมวิทยาจีน และคณะทำการศึกษา ซึ่งได้ตีพิมพ์ในวารสาร Scientific Reports โดยใช้แบบจำลองคอมพิวเตอร์ระบุฮอตสปอตในภูมิภาคที่เป็นไปได้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 พร้อมจำลองผลกระทบของเหตุการณ์ดังกล่าวต่อความแปรผันของอุณหภูมิอากาศบนพื้นผิวในระดับภูมิภาคตั้งแต่เดือนก.ค. 2566 ถึง มิ.ย. 2567 พบว่ามีโอกาส 90% ที่อุณหภูมิโลกในปี 2567 จะสูงขึ้นจนทำลายสถิติใหม่ "นักวิทยาศาสตร์พบว่า ในปี 2567 มีแนวโน้มที่อุณหภูมิในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำแอมะซอนจะสูงขึ้นจนทำลายสถิติ และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดไฟป่า เนื่องจากความแห้งแล้งในช่วงปลายปี 2566 ทำให้เกิดไฟไหม้อย่างรุนแรง อีกทั้งในเดือนก.พ. 2567 มีระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่สูงเป็นประวัติการณ์" สำหรับต้นปี2567 ที่ผ่านมาไทยเจอเอลนีโญถล่มอย่างหนักในหลายพื้นที่ ทั้งร้อนจัด แล้งจัด ขาดแคลนน้ำ ลากยาวมาถึงปัจจุบันก็มาเผชิญกับลานีญาซ้ำเข้าไปอีก โดยกรมอุตุนิยมวิทยา รายงานว่า การเฝ้าระวังปรากฏการณ์เอลนีโญ ลานีญา เดือนก.ย.นี้ พบว่าปรากฏการณ์เอนโซ อยู่ในสภาวะเอลนีโญกําลังปานกลาง ด้านวิจัยกรุงศรี ได้วิเคราะห์ประมาณน้ำฝนจากข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยา โดยประเมินว่าปี 2567 ปริมาณน้ำฝนจะอยู่ที่ 1,612 มิลลิเมตร เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่มีปริมาณ 1,520 มิลลิเมตร ในขณะที่ปี 2568 จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1,795 มิลลิเมตร ขณะที่ รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต และคณะกรรมการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ เผยว่า ปี2568 -2569 ไทยมีโอกาสเผชิญแล้งหนักสุดในรอบ 10 ปี และปี 2572-2573 จะมีโอกาสเกิดน้ำท่วมใหญ่ ดังนั้นก็ต้องหาทางรับมือกันให้ได้ทั้งรัฐ และประชาชนเอง https://www.springnews.co.th/keep-th...-change/852687
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก SpringNews
หวั่นน้ำท่วม! "ปลากระชัง" น็อกน้ำตาย น้ำจืดลงทะเลมาก กระทบปะการัง สัตว์น้ำ SHORT CUT - น้ำท่วมในหลายพื้นที่ในตอนนี้ต้องบอกคำเดียวว่า อาการน่าเป็นห่วงทั้งที่จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดเชียงราย ยังวิกฤต - ในขณะที่น้ำยังท่วมสูงอยู่ ภาคธุรกิจการเกษตรกร ปศุสัตว์ก็ต้องระวังความเสียหายด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะผู้เลี้ยงปลาในกระชังในแม่น้ำ - นอกจากเรื่องปลาน็อกน้ำแล้ว น้ำจืดไหลลงทะเลมากกระทบปะการัง สัตว์น้ำ และทำขยะไหลงทะเล ![]() น้ำท่วมปี2567 หลายจังหวัดยังอาการน่าเป็นห่วง โดยเฉพาะที่จ.เชียงราย จ.เชียงใหม่ แต่ในขณะเดียวกันภาคธุรกิจ การเกษตรกรก็ต้องเตรียมรับมือ เช่น ผู้เลี้ยงปลาในกระชัง ต้องเฝ้าระวังน็อกน้ำตาย รวมถึงหากน้ำจืดลงทะเลมาก จะกระทบปะการัง สัตว์น้ำ ขยะลงสู่ทะเลมากขึ้น สถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ในตอนนี้ต้องบอกคำเดียวว่า อาการน่าเป็นห่วงทั้งที่จังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดเชียงราย ยังวิกฤต ในขณะที่น้ำยังท่วมสูงอยู่ ภาคธุรกิจการเกษตรกร ปศุสัตว์ก็ต้องระวังความเสียหายด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะผู้เลี้ยงปลาในกระชังในแม่น้ำ นอกจากจะมีความเสี่ยงที่น้ำจะพัดกระชังปลาให้เกิดความเสียหายไปกับกระแสน้ำ และยังมีความเสี่ยงปลาน็อกน้ำตายอีกด้วย ทั้งนี้ที่ผ่านมาผู้เลี้ยงปลาในกระชัง ในจังหวัดพิษณุโลก และพิจิตร ต่างได้รับผลกระทบจากแม่น้ำ ที่เพิ่มระดับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีสีขุ่นแดง ทำให้เกิดผลกระทบกับเกษตรกรที่เลี้ยงปลาทับทิมในกระชังหลายราย ได้รับความเสียหาย เนื่องจากปลาที่เลี้ยงไว้ปรับสภาพกับน้ำไม่ทัน ทำให้น็อกน้ำตายเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้กรมประมง ยังได้ออกมาเตือนว่าในภาวะฝนฟ้าคะนองพายุเข้าช่วง ไม่ควรสูบน้ำเข้าบ่อเพราะน้ำจะพัดพาสิ่งสกปรกจากผิวดินลงสู่แหล่งน้ำธรรมชาติควรปล่อยให้น้ำมีปริมาณเพิ่มขึ้น จึงจะนำไปใช้ในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ จัดทำร่องระบายน้ำและขุดลอกตะกอนดินที่จะทำให้ร่องระบายน้ำตื้นเขินออกไปเพื่อให้น้ำไหลเข้าออกสะดวก จัดเตรียมเครื่องเพิ่มออกซิเจนไว้ให้พร้อมเพื่อใช้ในการดำเนินการช่วยเหลือสัตว์น้ำในบ่อในกรณีปริมาณน้ำจากภายนอกไหลเข้าออกอย่างกะทันหัน เตรียมทยอยจับสัตว์น้ำที่ได้ขนาดขึ้นมาจำหน่ายหรือบริโภคเพื่อลดปริมาณสัตว์น้ำในบ่อให้เหลือน้อยลง ทั้งนี้ให้มีการปรับปรุงคันบ่อ เสริมคันบ่อหรือขึงอ้วนไนล่อน ล้อมรอบบ่อให้สูงพอกับปริมาณน้ำที่เคยท่วมในปีที่ผ่านผ่านมา จัดเตรียมอุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น เครื่องสูบน้ำ เครื่องเพิ่มออกซิเจน ไว้ให้พร้อม จัดเตรียมปูนขาวไว้สำหรับพื้นที่ดินกรดดินเปรี้ยวเพื่อปรับสภาพน้ำในบ่อหลังน้ำท่วมปริมาณ 50-60 กิโลกรัมต่อไร่ วางแผนการเลี้ยงสัตว์น้ำให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่และฤดูกาลเพื่อให้สามารถจับสัตว์น้ำได้ก่อนฤดูน้ำหลาก ผลกระทบต่อมา คือ เวลาที่น้ำจืดไหลลงทะเลในปริมาณที่มากจะส่งผลกระทบมากมาย โดย ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เคยพูดถึงเรื่องนี้ว่า ช่วงที่น้ำจืดจำนวนมากกำลังไหลจากแผ่นดินลงสู่ทะเล โดยเฉพาะในเขตอ่าวไทยตอนใน (อ่าวตัว ก.) ที่มีแม่น้ำสายหลัก 4 สาย ไหลลงสู่อ่าวไทยตอนใน อาจส่งผลกระทบทำให้ปะการังฟอกขาวได้ "ทั้งนี้อ่าวแห่งนี้มีแม่น้ำสายหลัก 4 สาย โดยไล่จากตะวันออก-ตะวันตก ได้แก่ บางปะกง เจ้าพระยา ท่าจีน และแม่กลอง และยังมีแม่น้ำสายรองรวมทั้งคลองอีกมาก เมื่อฝนตกหนักในภาคเหนือ ภาคกลาง น้ำจืดไหลลงมาสู่อ่าวไทยตอนใน ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่างๆ โดยมี 2 ปัจจัยหลัก" - ประการแรก คือน้ำจืดที่ไหลลงสู่อ่าวไทยตอนในทำให้ความเค็มของน้ำทะเลลดลงอย่างรวดเร็ว บางทีเกิดปรากฏการณ์ "น้ำเบียด" สัตว์น้ำทนต่อการเปลี่ยนแปลงฉับพลันไม่ได้ ขึ้นมาตายตามชายหาด "น้ำเบียด" เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นประจำแทบทุกปี โดยเฉพาะในเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ส่วนใหญ่จะเกิดทางฝั่งตะวันตก แถวชายฝั่งเพชรบุรี หากน้ำจืดยังอาจส่งผลต่อปะการัง หากความเร็วลดลงฉับพลัน ทำให้ปะการังฟอกขาวได้ แต่ฝั่งตะวันตกไม่มีปะการัง ยังพอมีหน่อยก็ต้องเลยหัวหินไปถึงเขาเต่า แต่น้อยมาก ปะการังของจริงที่ฝั่งตะวันตก จะเริ่มที่หมู่เกาะรอบเมืองประจวบ หลุดออกไปจากเขตอ่าวไทยตอนใน ไม่ได้รับอิทธิพลแล้ว ผิดจากฝั่งตะวันออก เราพบปะการังตั้งแต่เกาะสีชัง เรื่อยไปผ่านเกาะล้าน เกาะไผ่ จนสุดที่แสมสาร ปะการังตะวันออกจึงได้รับอิทธิพลของน้ำจืดที่ลงมากับแม่น้ำ "ในปี 2554 ที่ผ่านมา ช่วงที่เกิดน้ำท่วมใหญ่ พวกเรานักวิทยาศาสตร์ทางทะเลติดตามดูปะการังแถวเกาะสีชังตลอด พบว่าฟอกขาวเล็กน้อย และฟื้นคืนได้ในที่สุด แต่นั่นคือ 10 ปีก่อน ปัจจุบัน สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปพอสมควร หากปีนี้มีน้ำเยอะจริง อาจต้องลงกลับไปดูกันสักครั้ง แต่ไม่คิดว่าจะเป็นปัญหามากมาย เทียบเท่ากับที่ฟอกขาวจากโลกร้อนเมื่อต้นปีแถวระยองครับ" - ประการที่ 2 ที่มาพร้อมกับน้ำจืดที่ไหลลงสู่อ่าวไทยตอนใน คือ "ขยะ" ดร.ธรณ์ กล่าวย้ำว่า เคยเล่าให้ฟังไปแล้วว่า "การจัดการขยะของไทย" ยังทำได้ไม่ดีนัก โดยมากกว่าครึ่งเป็นการฝังกลบที่ไม่ค่อยได้กลบจริง มีอยู่เยอะที่กองไว้ เมื่อน้ำท่วม กองขยะก็มาตามน้ำ ไหลลงสู่แม่น้ำ ก่อนที่จะมุ่งตรงออกสู่ทะเล กลายเป็ยขยะทะเลจำนวนมาก โดยขยะไม่ย่อยสลายพวกนั้นจะลอยในอ่าวไทยตอนใน บางทีอาจไปปะทะกับมวลน้ำทะเลนอก เกิดเป็นแพขยะขึ้นมาแถวนอกฝั่งประจวบ ซึ่งในอดีตก็เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลังน้ำท่วมใหญ่ นอกจากนี้ผู้เลี้ยงหอย หรือปลาทะเลก็ต้องระวังปริมาณน้ำจืดที่มากอาจทำให้สัตว์เลี้ยงน้ำเค็มตายได้! https://www.springnews.co.th/keep-th...-change/852696
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
|
|