![]() |
|
#1
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข้อมูลพยากรณ์จาก กรมอุตุนิยมวิทยา
สภาวะอากาศทั่วไป บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางระลอกใหม่จากประเทศจีนได้แผ่ลงมาปกคลุมประเทศเวียดนามตอนบนและประเทศลาวแล้ว คาดว่าจะแผ่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ในวันนี้ ในขณะที่บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน ประกอบกับลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยตอนบนมีพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้บางพื้นที่ สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงขึ้น ทำให้บริเวณภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. คาดหมาย ในช่วงวันที่ 10 - 12 เม.ย. 64 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางระลอกใหม่จากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือและทะเลจีนใต้ ในขณะที่บริเวณประเทศไทยตอนบนมีอากาศร้อน ประกอบกับมีลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้พัดปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณดังกล่าวมีพายุฝนฟ้าคะนอง และมีลมกระโชกแรง สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้จะมีกำลังแรงขึ้น ทำให้บริเวณภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 13 - 15 เม.ย. 64 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นที่ปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยมีกำลังอ่อนลงในขณะลมใต้และลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง สำหรับลมตะวันออกที่พัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ฝั่งออกจะมีกำลังอ่อนลง ทำให้บริเวณบริเวณดังกล่าวมีฝนลดลง แต่ภาคใต้ฝั่งตะวันตกมีลมตะวันตกพัดเข้ามาปกคลุมทำให้มีฝนเพิ่มมากขึ้น ข้อควรระวัง ในช่วงวันที่ 10 - 15 เม.ย. 64 ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงที่จะเกิดขึ้น สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย ![]() ![]() ![]()
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#2
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด
ชาวเน็ตฮือฮา ปลาไหลยักษ์ โผล่ตลาดปลาฮ่องกง สองคนถือยังไม่พอ! ชาวเน็ตฮือฮา ปลาไหลตัวเบิ้มโผล่ที่ตลาดในฮ่องกง มีความยาวเกือบสี่เมตร หนักกว่าสิบกิโลกรัม แถมใช้ผู้ชายถือสองคนยังไม่พอ! ![]() กลายเป็นฮือฮา เมื่อผู้ใช้เฟซบุ๊ก Aaron Kwan ได้โพสต์ภาพปลาไหลตัวหนึ่ง มีความยาวหลายเมตร ใช้ผู้ชายสองคนช่วยกันถือ ยังไม่สามารถถือหมดได้ ภาพนี้สร้างความประหลาดใจให้ชาวเน็ตเป็นจำนวนมาก ถึงกับเปรียบเทียบว่า คล้ายกับสัตว์ประหลาดหรือมังกรเลยทีเดียว ![]() ปลาไหลยักษ์ตัวนี้ ถูกพบในแผงปลาที่ตลาดเหม่ยฟู ฮ่องกง เจ้าของแผงปลากล่าวว่า เขารับซื้อปลาไหลจากชาวประมงคนหนึ่ง ขอไม่เปิดเผยราคาว่าซื้อมาเท่าใด ซึ่งมันเป็นเรื่องที่พบเจอได้ยากมากๆ เพราะปกติปลาไหลที่จับได้ มักมีความยาวประมาณ 2 ฟุต (60 เซนติเมตร) เท่านั้น แต่ปลาไหลตัวนี้มีความยาวถึง 12 ฟุต (3.6เมตร) มีน้ำหนัก 15 กิโลกรัม และที่สำคัญมันถูกจับด้วยตะขอตกปลาเล็กๆ ไม่ได้ใช้เครื่องมือดักจับแต่อย่างใด หลังจากภาพดังกล่าวกลายเป็นไวรัลบนโลกออนไลน์ ทำให้มีผู้คนมากมายหลั่งไหลไปที่ตลาด เพื่อจับจองเนื้อปลาไหลตัวนี้ ด้านเจ้าของแผงปลาได้ทำการสับมันออกเป็นชิ้นๆ แต่ละชิ้นมีน้ำหนักประมาณ 600 กรัม และวางขายชิ้นละ 400 บาทโดยประมาณ ![]() เนื้อปลาไหลยักษ์ถูกขายไปอย่างรวดเร็ว ผู้คนที่หลั่งไหลมาซื้อส่วนใหญ่ ต่างไม่ทราบว่าจะนำเนื้อไปปรุงอาหารอะไรดี เจ้าของแผงปลาจึงแนะนำว่า ให้นำเนื้อไปตุ๋นหรือย่างก็ได้ตามใจชอบ ด้านผู้เชี่ยวชาญคาดว่า ปลาไหลตัวนี้น่าจะเป็นสายพันธุ์ Gymnothorax javanicus หรือที่รู้จักกันในฐานะ "ปลาไหลมอเรย์ยักษ์" นั่นเอง https://www.khaosod.co.th/lifestyle/news_6302970
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#3
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก สำนักข่าวไทย
ลูกเต่ามะเฟืองรังสุดท้ายของฤดูกาลฟักแล้ว ![]() กรุงเทพฯ 8 เม.ย. ? ศูนย์ปฏิบัติการอุทยานฯ ทางทะเลที่ 2 จ.ภูเก็ต ร่วมกับ อช.เขาลำปี-หาดท้ายเหมือง ร่วมปล่อยลูกเต่ามะเฟืองรวม 60 ตัวลงสู่ทะเล โดยเป็นรังสุดท้ายของฤดูกาลเพาะฟักปีนี้ ศูนย์ปฏิบัติการอุทยานแห่งชาติทางทะเลที่ 2 จังหวัดภูเก็ต และอุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง รายงานการติดตามการเพาะฟักของลูกเต่ามะเฟืองรังที่ 18 ว่า เมื่อเวลา 04.10 น. ลูกเต่ามะเฟืองขึ้นจากหลุมไข่ 47 ตัว และเดินลงสู่ทะเลแล้ว ต่อมาเวลา 06.30 น. พบลูกเต่าขึ้นจากหลุมเพิ่มอีก 13 ตัว พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นเวลาใกล้รุ่งและมีเมฆฝน ฟ้าครึ้ม เต่าทุกตัวหน้าท้องปิดสนิท และหากปล่อยไว้อาจใช้พลังงานจากถุงไข่แดงมากเกินไป เป็นอุปสรรคต่อการว่ายน้ำไปให้ถึงแหล่งหากิน จึงปล่อยลูกเต่าทั้งหมดเดินกลับสู่ทะเลโดยทันที รวมลูกเต่ามะเฟืองที่ออกสู่ทะเลแล้ว 60 ตัว ![]() สำหรับลูกเต่ามะเฟืองชุดนี้เป็นลูกเต่าที่แม่เต่ามะเฟืองขึ้นวางไข่ไว้เมื่อวันที่ 7 ก.พ. 2564 คาดว่าเป็นแม่ปีใหม่ รวมระยะเวลาในการเพาะฟักตัว 60 วัน ทั้งนี้ เป็นรังที่ปล่อยให้มีการเพาะฟักตามธรรมชาติ โดยไม่ย้ายรัง จึงไม่ทราบจำนวนไข่ในหลุมเพาะฟัก เจ้าหน้าที่จะติดตามการเพาะฟักไข่ที่เหลือในหลุมต่อไป. https://tna.mcot.net/environment-670975
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
|
#4
|
||||
|
||||
|
ขอบคุณข่าวจาก GREENPEACE
อาหารในชีวิตประจำวันที่มีไมโครพลาสติกปนเปื้อน ชีวิตของเราเต็มไปด้วยพลาสติก! รายงานฉบับล่าสุดแสดงให้เห็นว่าผักผลไม้ที่เราบริโภคในทุกวันนั้นปนเปื้อนไปด้วยไมโครพลาสติก ถึงเวลาแล้วที่เราเลิกใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกและสนับสนุนการวิจัยที่ว่ามลพิษพลาสติกส่งผลอย่างไรต่อสุขภาพ ยิ่งเราปล่อยเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่เราก็ยิ่งได้รับพลาสติกเข้าสู่ร่างกายมากเท่านั้น ![]() รายงานวิจัยล่าสุดพบอนุภาคพลาสติกในแอปเปิล ? Fred Dott / Greenpeace 1. ผักและผลไม้ งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยคาทาเนียร์ ประเทศอิตาลี พบอนุภาคพลาสติกเล็ก ๆ ในผักและผลไม้เช่นแครอท ผักกาดหอม แอปเปิล และลูกแพร์ โดยพบอนุภาคพลาสติกสูงสุดในแอปเปิลเฉลี่ย 195,500 อนุภาคต่อกรัม ในขณะที่ลูกแพร์มีอนุภาคพลาสติกเฉลี่ยประมาณ 189,500 อนุภาคต่อกรัม บรอกโคลีและแครอทเป็นผักที่มีการปนเปื้อนมากที่สุดโดยเฉลี่ยมากกว่า 100,000 อนุภาคพลาสติกต่อกรัม งานวิจัยสองชิ้นที่ตีพิมพ์ก่อนหน้านี้พบว่า ไมโครพลาสติกสามารถแทรกซึมเข้าไปในรากของผักกาดหอมและต้นข้าวสาลี ในขณะที่พลาสติกนาโนถูกดูดซับโดยรากพืช ผักและผลไม้สามารถสะสมไมโครพลาสติกได้ผ่านการดูดซึมจากน้ำหรือดินที่ปนเปื้อนไมโครพลาสติก ซีออน ชาน ผู้ประสานงานรณรงค์ จากกรีนพีซ เอเชียตะวันออกกล่าวว่า ?ทันทีที่เรากัดแอปเปิล ร่างกายจะรับไมโครพลาสติกไปพร้อมกัน เพื่อลดมลพิษพลาสติก บริษัทต่าง ๆ ควรลดการใช้พลาสติกและลดสร้างขยะในห่วงโซ่การผลิตของตน ซูเปอร์มาร์เก็ตก็เช่นเดียวกัน ยิ่งเราลดการใช้พลาสติกได้เร็วเท่าไหร่ พวกเราก็ยิ่งบริโภคไมโครพลาสติกน้อยลงเท่านั้น? 2. เกลือ สภาผู้บริโภคของฮ่องกงพบไมโครพลาสติกถึง 20% ของตัวอย่างผลิตภัณฑ์เกลือที่ทดสอบในเดือนเมษายนปี 2563 พบไมโครพลาสติกตั้งแต่ 114-17,200 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมเกลือที่ทดสอบ ตัวอย่างที่ผ่านการทดสอบบางตัวอย่างยังแสดงให้เห็นว่าไมโครพลาสติกมาจากบรรจุภัณฑ์โพลีโพรพีลีน (PP) แบบใช้แล้วทิ้ง การศึกษาในปี 2561 โดยมหาวิทยาลัยแห่งชาติอินชอนเกาหลีใต้และกรีนพีซ เอเชียตะวันออก พบว่า กว่าร้อยละ 90 ของตัวอย่างเกลือ 39 แบรนด์ที่มาจาก 21 ประเทศมีไมโครพลาสติก เกลือที่มีไมโครพลาสติกยังคงมีจำหน่ายอยู่ตามซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายของชำ หรือร้านค้าออนไลน์ จากการวิจัยระหว่างประเทศพบว่ามีความเป็นไปได้ว่ามนุษย์อาจบริโภคอนุภาคไมโครพลาสติกประมาณ 20,000 อนุภาคต่อปีโดยมีการบริโภคเกลือเฉลี่ย 10 กรัมต่อวัน 3. ปลากระบอกสีเทา จากการตรวจสอบโดยมหาวิทยาลัยการศึกษาแห่งฮ่องกงในปี 2561 พบชิ้นส่วนไมโครพลาสติกกว่า 60% จากจำนวนปลากระบอกสีเทาที่นำมาตรวจสอบทั้งหมดปลาแต่ละตัวมีเศษพลาสติกเฉลี่ย 4.3 ชิ้นบางตัวพบเศษพลาสติกถึง 80 ชิ้น นอกจากนี้ยังพบเศษพลาสติกในปลาน้ำเค็มและปลากระบอกสีเทาที่ซื้อจากตลาดปลาหลากหลายแห่ง พลาสติกเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อาหารได้อย่างไร ไมโครพลาสติกเป็นชิ้นส่วนพลาสติกขนาดเล็กที่มีความยาวน้อยกว่า 5 มิลลิเมตรซึ่งส่วนใหญ่มาจากพลาสติกที่ใช้แล้วทิ้ง เช่น บรรจุภัณฑ์ในซูเปอร์มาร์เก็ต ถุงใส่ผลไม้หรือขนมปัง ฯลฯ ในแต่ละปี ขยะบรรจุภัณฑ์พลาสติกมากกว่า 112 ตันหลุดรอดออกสู่ทะเลฮ่องกง บรรจุภัณฑ์แบบใช้แล้วทิ้งได้กลายเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของปัญหามลพิษจากพลาสติก มีไมโครพลาสติกปนเปื้อนอยู่เต็มมหาสมุทรเนื่องจากมีขนาดเล็กเกินไปจนหลุดรอดจากการกรองระหว่างการบำบัดน้ำเสีย ขยะพลาสติกไม่สามารถละลายในน้ำได้ แต่แตกตัวเป็นอนุภาคขนาดเล็ก จนถึงเล็กมาก ๆ ส่วนมากจะเป็นอาหารของแพลงก์ตอนและหอย และนี่คือสาเหตุว่าทำไมไมโครพลาสติกถึงเข้าไปในอาหารและร่างกายของมนุษย์ได้ ![]() ไมโครพลาสติกที่ปนเปื้อนอยู่ในปลากระบอกสีเทาที่ฮ่องกง ? Greenpeace ผลกระทบที่เป็นอันตรายของมลพิษไมโครพลาสติกต่อสุขภาพของมนุษย์ ไมโครพลาสติกทำลายสุขภาพของสิ่งมีชีวิตในน้ำเช่น ความผิดปกติของลำไส้ในปลา ไมโครพลาสติกอาจมีสารเติมแต่งที่เป็นพิษและเป็นอันตรายต่อมนุษย์ สามารถยึดติดกับสารมลพิษอินทรีย์ (POPs) ที่คงอยู่เช่น สารกำจัดศัตรูพืช พลาสติไซเซอร์ (หรือ สารเติมแต่งที่ใส่ลงในกระบวนการผลิตพลาสติกเพื่อทำให้มีคุณสมบัติเปลี่ยนไป) หรือ PEและ PP หากเรากินอาหารที่ปนเปื้อนพลาสติกหรือไมโครพลาสติกเข้าไป สุขภาพของเราก็จะได้รับความเสี่ยงตามไปด้วย ทางออกของวิกฤติมลพิษพลาสติก ทางออกคือ เราจะต้องลดใช้พลาสติก ปฏิเสธบรรจุภัณฑ์พลาสติกที่เกินความจำเป็น และปฏิเสธพลาสติกแบบใช้แล้วทิ้งในชีวิตประจำวันของเรา ร้านค้าต่าง ๆ สามารถนำรูปแบบการยืม-คืนขวดพลาสติกมาใช้ หรือใช้ระบบรีฟิล ซึ่งก็คือ ผู้บริโภคสามารถนำขวดหรือบรรจุภัณฑ์มาเติมผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ได้เอง โดยการเพิ่มจุดการเติม (Refill Station) ตามบริเวณของศูนย์การค้า หรือในร้าน ![]() เด็กนักเรียนและผู้ปกครองเข้าร่วมกับกรีนพีซในกิจกรรมอาหารกลางวันปลอดพลาสติกในฮ่องกงก่อนตรุษจีนปี 2563 ? Greenpeace / Patrick Cho เราต้องการการมีส่วนร่วมของคุณในการลดหรือเลิกใช้พลาสติกในขณะที่ซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ต ถึงเวลาแล้วที่เราต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคของเราเอง และร่วมกันผลักดันให้ผู้ผลิตมีความรับผิดชอบกับบรรจุภัณฑ์ของตนเองด้วยเช่นกัน https://www.greenpeace.org/thailand/...microplastics/
__________________
การเมืองไม่ยุ่ง มุ่งแต่รักษ์ทะเลไทยจ้า .... |
![]() |
|
|