กระดานข่าว Save Our Sea.net
พฤศจิกายน 28, 2025, 11:55:33 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2 3   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ติดก๊าซคุ้มจริงหรือ??  (อ่าน 22413 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Pursuit of Happiness~
สี่ดาวยังอยู่แค่เอื้อม
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 143


http://pairojc.multiply.com


เว็บไซต์
« เมื่อ: สิงหาคม 20, 2008, 03:31:56 AM »

ช่วงน้ำมันแพงใครก็หันมาติดก๊าซกัน ลองคิดดูดีๆว่ามันคุ้มจริงหรือป่าวนะ

ติดก๊าซคุ้มจริงหรือ?

ตลาดรถกระบะบ้านเราช่วงนี้อยู่ในภาวะอึดอัดเต็มที
เพราะสิงห์ปิกอัพกำลังขวัญผวากับราคาดีเซลที่พุ่งเอาๆ จนทะลักลิตรละ 40 กว่าบาทเข้าไปแล้ว ทำให้ผู้ที่เคยตัดสินใจซื้อรถกระบะเป็นรถบ้าน มากกว่าใช้เพื่อการขนส่งหรือการพาณิชย์ โดยเฉพาะผู้ใช้รถกระบะ 4 ประตูในกทม.และปริมณฑล เกิดอาการถอดใจ
 
โดยส่วนหนึ่งได้ตัดใจเทขายให้เต็นท์รถมือสอง แล้วหันมาใช้รถเก๋งขนาดเล็กแทน ขณะที่อีกส่วนหันไปติดก๊าซ ไม่ว่าจะเป็นก๊าซธรรมชาติอัด(ซีเอ็นจี) หรือก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี)
 
 
สำหรับผู้ที่ตัดแปลงเป็นรถปิกอัพติดก๊าซ จำต้องยอมรับสภาพขาดทุนอีก 4 เด้ง คือ
1.   ยอมขาดทุนจากการถอดเครื่องดีเซลคอมมอนเรลซึ่งมีมูลค่าไม่กว่า 150,000 บาท
2.   เสิยเงิน 50,000 บาท เพื่อไปซื้อเครื่องเบนซิลเก่าๆ
3.   เสียเงินค่าวางเครื่องอีก 10,000 บาท โห!!  และ
4.   เสินเงินค่าติดตั้งถังก๊าซซีเอ็นจี หรือแอลพีจีอีก 30,000 - 50,000 บาท
 
เท่ากับว่านอกจากจะขาดทุนจากการถอดเครื่องยนต์ดีเซลคอมมอนเรลซึ่งได้ชื่อว่าสุดยอดประหยัดน้ำมันดีอยู่แล้ว ยังต้องควักเนื้อเพิ่มอีกถึง 100,000 บาท โห!!
 
ปัญหาก็คือว่าจริงๆแล้ว การนำรถปิกอัพไปติดก๊าซนั้น จะคุ้มหรือไม่?!?
 
เมื่อคิดถึงค่าใช้จ่ายที่เพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท ซึ่งจะต้องใช้เวลากว่า 2 ปีถึงจะคุ้มทุน
 
ขณะที่อัตราบริโภคเชื้อเพลิงก็ต่างกันอักโข โดยปิกอัพดีเซล น้ำมัน 1 ลิตรจะวิ่งได้ 13.31 กม. ขณะที่ปิกอัพซีเอ็นจี จะมีอัตราบริโภค 8.50 กม.ต่อ กก.
 
สำหรับเครื่องยนต์เบนซินเก่าๆ ที่นำมาเปลี่ยน ก็ไม่แน่ใจว่าจะยังใช้งานได้อีกนานเท่าไร 
แถมต้องปวดหัวกับการนำรถมาจูนเรื่อยๆ วิ่งไปได้สักพักก็มีปัญหาแก้ไม่จบเสียที

สิงห์ปิกอัพติดก๊าซแอลพีจี นอกจากจะขวัญผวากับการขับรถขนระเบิดเคลื่อนที่แล้ว ยังต้องประสาทรับประทานว่าเมื่อไรหนอที่รัฐบาลจะลอยตัวราคาก๊าซ
 
ส่วนปิกอัพเอ็นจีวีหรือใช้ก๊าซซีเอ็นจีเป็นเชื้อเพลิง ก็ต้องหงุดหงิดกับการเสียเวลารอคิดเติมก๊าซ
 
หากปั้มก๊าซซีเอ็นจีมี 4 หัวจ่าย ถ้าอยู่ในคิวที่ 10 ก็ต้องเสียเวลาจอดรอดนานถึง 45 นาทีจึงจะได้เริมก๊าซ ซึ่งจะกินเวลาอีก 15 นาทีในการอัดก๊าซ รวมเบ็ดเสร็จต้องเสียเวลาเติมก๊าซนานนับชั่วโมง
 
อย่าลืมว่าถังก๊าซซีเอ็นจี 1 ถัง จะวิ่งได้เพียง 150 กม. !!
 
ถ้าเดือนหนึ่งใช้รถอยู่1,800 กม. ก็ต้องเติมก๊าซไม่ต่ำกว่า 12 ครั้ง หรือแทบจะวันเว้นวัน เท่ากับต้องเสียเวลาเติมก๊าซในแต่ละเดือนไม่ต่ำกว่า 12 ชั่วโมง เมื่อรวมเวลาที่เสียไปทั้งเดือนจะยิ่งสะอึก เพราะได้เสียเวลาทำมาหากินไปไม่น้อย!!
 
ที่สำคัญ จากแผนการขยายปั้มซีเอ็นจีของ ปตท.ใน 5 ปีข้างหน้า คือ ปี 2555 จะพบว่ามีเพียง 740 แห่ง ซึ่งส่วนใหญ่จะกระจุกตัวอยู่ในกทม. และปริมณฑล ขณะที่ปั้มน้ำมันดีเซลของ ปตท. ณ วันนี้มีอยู่ทั่วประเทศไม่ต่ำกว่า 18,521 แห่ง
 
หากระยะทางระหว่างบ้านกับปั้มก๊าซอยู่ห่างราว 50 กม. แค่วิ่งไปกลับเติมก๊าซก็หมดไปแล้วถึง 2 ใน 3 ของถัง เหลือวิ่งใช้งานจริงได้อีกเพียง 50 กม.
 
 
เฮ้อ!!!
บันทึกการเข้า

The freedom to marry has long been recognized as one of the vital personal rights essential to the orderly pursuit of happiness by free men ; Loving v. Virginia, 388 U.S. 1 (1967),
สายชล
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8186


Saaychol


« ตอบ #1 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2008, 04:06:49 AM »

ได้ความรู้ดีจัง...ขอบคุณค่ะคุณ Pursuit of Happiness~

รถยนต์ที่บ้านของสองสายแก่หง่อมหงำเหงือกหมดแล้ว....ไม่คุ้มจะนำไปติดก๊าซ....นอกจากขายทิ้งแล้วซื้อรถ Hybrid ใหม่  แต่ตัดใจขายไม่ได้ซะที เพราะล้วนเป็นรถที่รักและมีความผูกพันทุกคัน.....
...
บันทึกการเข้า

Saaychol
Sky
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2506



« ตอบ #2 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2008, 07:53:14 AM »

ขอออกความคิดเห็นด้วยคนนะคะ

เห็นด้วยค่ะ ว่าถ้าเป็นรถที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล หากไปแปลงเครื่องยนต์ดีเซลให้เป็นเครื่องยนต์เบนซินเพื่อรองรับระบบแก๊ส ไม่ว่าจะเป็น LPG หรือ NGV นั่น ยังมีค่าใช้จ่ายที่สูงมาก อาจจะไม่คุ้มสำหรับการใช้งานในระยะสั้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่า ผู้ใช้รถ คิดว่าจะใช้รถคันนี้อีกนานแค่ไหน

ถ้าเป็นรถเครื่องยนต์เบนซิล หากจะเปลี่ยนเป็นแก๊ส ควรคำนึงถึงปัจจัยหลักไม่กี่อย่างค่ะ ง่ายๆ
1. เราจะใช้รถคันนี้อีกนานหรือไม่
2. รถคันนี้ใช้งานประจำรึเปล่า (เฉลี่ยประมาณ 50-60 กิโลเมตรต่อวัน)
3. อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่าประมาณ 7-8 กิโลเมตร ต่อลิตร (ใช้น้ำมัน 3-6 กิโลลิตร)

ถ้ารถคันของคุณ เข้าข่าย 3 ข้อนี้ ก็ค่อนข้างคุ้มค่ะ

หลังจากที่คุณเปลี่ยนเป็นระบบแก๊ส LPG แล้ว คุณก็จะประหยัดเงินในกระเป๋า ได้มากกว่า 60-70% ต่อกิโล
ยกตัวอย่าง
รถ Toyota Wish เดิมใช้ในกรุงเทพ อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 7-8 กิโลเมตรต่อลิตร...แก๊สโซฮอล 95 ราคา 28.79 เท่ากับ ใช้น้ำมัน กิโลละ 3.59 - 4.11 บาท

หลังจากเปลี่ยนเป็น LPG แล้ว ใช้ในกรุงเทพเหมือนกัน อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 6.5 กิโลเมตรต่อลิตร...แก๊ส LPG ราคา 11.30 บาท เท่ากับ ใช้แก๊ส LPG กิโลละ 1.74 บาท  ( 1 ถัง ขนาด 58 ลิตร วิ่งได้ประมาณ 350-400 กิโล)
เสริมนิดนึงค่ะ LPG มีค่าอ็อกเทนมากกว่า ทำให้รถแรงขึ้นด้วยนิดหน่อยค่ะ

ถ้าเป็น NGV ก็จะยิ่งประหยัดลงไปได้ ประมาณ 80% ต่อกิโลค่ะ

ปัจจุบันนี้ มีปั๊มแก๊ส LPG หลายปั๊ม จากประสบการณ์ ไม่เคยต้องต่อคิวค่ะ

ในอนาคต หากรัฐบาล ปล่อยลอยตัวแก๊ส LPG  ในชุดอุปกรณ์ของ LPG ในปัจจุบัน ชุดหัวฉีดและกล่องต่างๆ ก็รองรับระบบ NGV เพียงแต่เปลี่ยนหม้อต้มกับถังค่ะ

ถ้าตอนนี้ รัฐบาล ปล่อยลอยตัวแก๊ส LPG ในขณะที่ NGV ยังหาปั๊มเติมลำบากอยู่ ก็ใช้น้ำมันต่อไป... เพียงแค่กดปุ่มเลือกว่าจะให้รถวิ่งโดยใช้น้ำมันหรือแก๊สค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 20, 2008, 08:01:04 AM โดย Sky » บันทึกการเข้า
Sunshine
สี่ดาวยังอยู่แค่เอื้อม
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 118


« ตอบ #3 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2008, 09:45:12 AM »

เรื่องต้นทุน ค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง เปลี่ยนเครื่อง สำหรับรถกระบะที่เคยใช้ดีเซลนั้น ... ไม่ค่อยทราบอะค่ะ .....

โดยส่วนตัว .. ที่บ้านมีรถเก๋ง ติด LPG กับกระบะ ที่เปลี่ยนเครื่องเป็นเบนซินและติดแก๊ส LPG

เท่าที่ใช้มา ... รถเก๋ง จะตก กิโลละ 1.50 .... แต่กระบะนั้น แพงกว่าค่ะ กิโลละ 3-4 บาทแน่ะ ... ให้ร้านเค้าปรับยังไง ... ก็ไม่สามารถประหยัดได้มากกว่านี้อะค่ะ ..

ตอนนี้ก็เลย ... หันมาขับรถเก๋งเหมือนเดิมค่ะ
บันทึกการเข้า
Pursuit of Happiness~
สี่ดาวยังอยู่แค่เอื้อม
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 143


http://pairojc.multiply.com


เว็บไซต์
« ตอบ #4 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2008, 10:20:19 AM »

เห็นด้วยกับคุณ SKY การจะเอาเครื่องยนต์ดีเซล มาติดแก๊สตรงนั้นยังทำไม่ได้เพราะ เครื่องยนต์ดีเซลกับเบนซินนั้นมีการทำงานของเครื่องยนต์ที่ไม่เหมือนกัน ดีเซลเป็นระบบ อัดระเบิด ส่วนเบนซินเป็นระบบ จุดระเบิด นี้เป็นพื้นฐานหลักการทำงานและความแตกต่างของเครื่องยนต์ทั้ง 2 แบบนี้ครับ นั่นจึงเป็นที่มาว่าทำไมสิงรถกะบะทั้งหลายที่อยากจะติดแก็สจึงต้องถอดเครื่องดีเซลทิ้งแล้วเอาเครื่องยนต์เบนซินมาใส่ ว่าก็ว่านะครับถ้าตราบใดที่เรายังต้องพึ่งน้ำมันจาก ฟอสซิล หรือน้ำมันที่เราใช้กันทุกวันนี้ มันก็คงต้องพึ่งพาน้ำมันจากตะวันออกกลางไปเรื่อยๆ เขาอยากขึ้นราคา เราก็ต้องจ่ายอะครับ ก็ผลิตเองไม่ได้หนิ

เห็นพี่สายชลบอก จะซื้อรถ HYBRIDGE ตอนนี้HYBRIDGE มีแต่นำเข้าแบบ CBU (Complete Built Up Unit)จากต่างประเทศเมื่อมาเจอภาษีนำเข้าของเมืองไทยราคาขายค่อนข้างแพงครับ แต่รออีกซัก 1ปีครับประมาณเดือน ก.ค. 2552 นี้ คนไทยจะได้เห็นรถHYBRIDGE จากสายพานการผลิตในประเทศครับ
บันทึกการเข้า

The freedom to marry has long been recognized as one of the vital personal rights essential to the orderly pursuit of happiness by free men ; Loving v. Virginia, 388 U.S. 1 (1967),
สายชล
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8186


Saaychol


« ตอบ #5 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2008, 10:28:50 AM »



ในอนาคต....รถรุ่นใหม่ที่จะผลิตออกมาจากทุกมุมโลก คงจะเป็นแบบ Hybrid หมดกระมังคะ.....
บันทึกการเข้า

Saaychol
Dennn
ได้2ดาวแล้วพยายามอีกหน่อยจะได้สอย3ดาว
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 66


« ตอบ #6 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2008, 10:42:42 AM »

เห็นด้วยเรื่องเครื่องดีเซล ถ้าใช้น้อยวันละไม่ถึง 400km ไม่คุ้มที่จะติดเพราะถ้าเครื่องเดิม เข้าใจว่าใช้แกซร่วมได้ประมาณ 30-40% เท่านั้น เรื่องจะเปลี่ยนเครื่องยนต์เอาเครื่องเบนซินญี่ปุ่นมานั้นไม่เหมาะกับรถบรรทุกแน่

แต่รถเครื่องเบนซิน ทั้งรถเก๋ง รถตู้ (Ventury) ได้ลองติดให้พนักงานกับรถที่บริษัทไปสิบกว่าคัน เฉพาะเครื่องเบนซิน ได้ผลถูกใจมาก  ไม่ว่าจะเป็น LPG หรือ NGV  แต่คนขับบอกว่ารถใช้ NGV ออกตัวอืดกว่าใช้เบนซิน แต่เฉลี่ยรถใช้งานวันละ 100-200km ก็น่าพอใจมาก ที่เห็นชัดๆคือวิ่งออกต่างจังหวัด ไปกลับวันละ 400km คุ้มจริงๆ

สำหรับคนใช้รถตู้ ถ้าจะไปติด NGV ต้องดูการวางถังให้ดี ผมเจอปัญหาคือไปตรวจสภาพไม่ผ่าน เพราะถอดเบาะแถวหลังออกเหลือเป็นรถ VIP แค่ 7 ที่นั่ง แต่รถจดทะเบียนเป็น 11 ที่นั่ง ยังไงควรปรึกษาร้านติดแก๊ซ ก่อนครับ ไม่งั้นต้องไปแก้วางเก้าอี้ลิงให้ปวดหัว 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 20, 2008, 10:46:28 AM โดย Dennn » บันทึกการเข้า
marina
ตอบกระทู้เยอะ ๆ จะได้ 2 ดาว
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 36


ท้องฟ้าใต้ทะล


« ตอบ #7 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2008, 12:36:49 PM »

   เก้าอี้ลิงเนี้ยะ เป็นยังงัยค่ะ
เห็นด้วยเรื่องเครื่องดีเซล ถ้าใช้น้อยวันละไม่ถึง 400km ไม่คุ้มที่จะติดเพราะถ้าเครื่องเดิม เข้าใจว่าใช้แกซร่วมได้ประมาณ 30-40% เท่านั้น เรื่องจะเปลี่ยนเครื่องยนต์เอาเครื่องเบนซินญี่ปุ่นมานั้นไม่เหมาะกับรถบรรทุกแน่

แต่รถเครื่องเบนซิน ทั้งรถเก๋ง รถตู้ (Ventury) ได้ลองติดให้พนักงานกับรถที่บริษัทไปสิบกว่าคัน เฉพาะเครื่องเบนซิน ได้ผลถูกใจมาก  ไม่ว่าจะเป็น LPG หรือ NGV  แต่คนขับบอกว่ารถใช้ NGV ออกตัวอืดกว่าใช้เบนซิน แต่เฉลี่ยรถใช้งานวันละ 100-200km ก็น่าพอใจมาก ที่เห็นชัดๆคือวิ่งออกต่างจังหวัด ไปกลับวันละ 400km คุ้มจริงๆ

สำหรับคนใช้รถตู้ ถ้าจะไปติด NGV ต้องดูการวางถังให้ดี ผมเจอปัญหาคือไปตรวจสภาพไม่ผ่าน เพราะถอดเบาะแถวหลังออกเหลือเป็นรถ VIP แค่ 7 ที่นั่ง แต่รถจดทะเบียนเป็น 11 ที่นั่ง ยังไงควรปรึกษาร้านติดแก๊ซ ก่อนครับ ไม่งั้นต้องไปแก้วางเก้าอี้ลิงให้ปวดหัว 
บันทึกการเข้า
Pursuit of Happiness~
สี่ดาวยังอยู่แค่เอื้อม
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 143


http://pairojc.multiply.com


เว็บไซต์
« ตอบ #8 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2008, 02:03:42 PM »

เออนั่นจิ
บันทึกการเข้า

The freedom to marry has long been recognized as one of the vital personal rights essential to the orderly pursuit of happiness by free men ; Loving v. Virginia, 388 U.S. 1 (1967),
Sky
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 2506



« ตอบ #9 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2008, 02:08:41 PM »

.....การจะเอาเครื่องยนต์ดีเซล มาติดแก๊สตรงนั้นยังทำไม่ได้เพราะ เครื่องยนต์ดีเซลกับเบนซินนั้นมีการทำงานของเครื่องยนต์ที่ไม่เหมือนกัน ดีเซลเป็นระบบ อัดระเบิด ส่วนเบนซินเป็นระบบ จุดระเบิด นี้เป็นพื้นฐานหลักการทำงานและความแตกต่างของเครื่องยนต์ทั้ง 2 แบบนี้ครับ นั่นจึงเป็นที่มาว่าทำไมสิงรถกะบะทั้งหลายที่อยากจะติดแก็สจึงต้องถอดเครื่องดีเซลทิ้งแล้วเอาเครื่องยนต์เบนซินมาใส่ ว่า

  ขอแก้นิดนึงค่ะ Sky ไม่ได้บอกว่า การจะเอาเครื่องยนต์ดีเซล มาติดแก๊สนั้นทำไม่ได้ เพียงแต่ถ้าทำแล้ว ไม่คุ้มกับการลงทุน

จริงๆ แล้วปัจจุบันนี้ มีการแปลงเครื่องยนต์ดีเซลระบบอัดระเบิดให้กลายเป็นเครื่องยนต์เบนซินระบบจุดระเบิดด้วยหัวเทียนแล้วค่ะ แต่ส่วนใหญ่ จะแปลงกันในรถบรรทุกขนาดใหญ่ และรถหัวลาก

ถ้าสังเกตรถหัวลากบางคัน จะเห็นถัง NGV สีขาวๆ เรียงเป็นตับเลย ประมาณ 6-8 ลูก แน่ะ ซึ่งรถเหล่านี้ คือรถที่แปลงจาก เครื่องยนต์ดีเซล เป็นเครื่องยนต์เบนซินหัวฉีดเรียบร้อยแล้ว หนูเห็นบ่อยเหมือนกันนะ

ถ้าจะเอารถกระบะมาแปลง ค่าใช้จ่ายก็สูงมากๆ... ไม่คุ้มชัวร์ๆ แต่ในอนาคตไม่แน่ อาจมีใครปราดเปรื่อง คิดดัดแปลงจนค่าใช้จ่ายถูกลงกว่านี้ก็ได้... คนไทย ทำได้ทุกอย่าง
บันทึกการเข้า
Vita
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 983


อยู่เหนือสุขและทุกข์ได้ เป็นดี..!


« ตอบ #10 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2008, 05:53:57 PM »

วันก่อนดูราคา LPG บ้านเรา 3XX usd/ตัน แต่เรานำเข้า 8xx usd/ตัน
เลยได้ยินแว่วๆว่า รัฐบาลจะขึ้นอีก ประมาณ 15 บ/กก
รวมแล้วก็คงตก  ประมาณ  (11.30+15=26.30 บ/กก)

รัฐก็กำลังเร่ง นโยบายการใช้ E85   
โดยการลดภาษีอุปกรณ์ในการปรับแต่งรถที่วิ่งอยู่บนถนน เพื่อให้สามารถใช้ E85 ได้
(คาดว่าราคาปรับแต่ง ประมาณ หนึ่งหมื่นบาท )

ปัจจุบัน E10(Gasohol 91) ประมาณ 28 บาท(มีสัดส่วนน้ำมัน 90 %)
ถ้าเป็น E85 ก็น่าจะต่ำกว่านี้เยอะพอสมควร เพราะใช้น้ำมันแค่ 15%
(ได้ยินมาว่า เอทานอล ราคา ไม่ถึง 20 บาท/ลิตร)
คือถ้าราคา E85 ลงมา ประมาณ 20 บาทต้นๆ....ผมว่า รออีกนิดจะดีไหมครับ.........

ตอนแรกก็กะจะไปติดแก๊ซ เหมือนกัน .....พอไปถามที่ร้าน เค้าก็เลยบอกว่า
ถ้าใช้รถไม่มาก ให้รอไปก่อนเพื่อดูความชัดเจน ในเรื่องนโยบาย ของรัฐ จะดีกว่า

วันก่อนนั่งแทกซี่ เลยคุยเรื่องลอยตัว LPG
เค้าว่า ถ้าลอยตัวแล้วราคา พอๆกะ แก๊สโซฮอล91 เค้าก็ขอใช้ น้ำมันดีกว่า
คงไม่ไปแปลงเป็น NGV หรอก เพราะค่าแปลงสูง

เราก็เลยชะงักเลย......เพราะคิดว่า เราใช้รถไม่เยอะ
และอีกอย่างคันที่ใช้(ประจำ คือเจ้า VIOS) ถ้าขับไม่ เร่งแรงๆเบรคแรงๆ (เป็นวัยรุ่นใจร้อน)
ก็น่าจะวิ่งได้ 13-15 กิโล/ลิตร
ถ้าเป็น ตจว ไม่ต้องพูดถึง ได้เกินจากนี้อีก......

สรุปแล้ว .....สำหรับผม ขอรอ E85 ครับ 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: สิงหาคม 20, 2008, 05:57:43 PM โดย Vita » บันทึกการเข้า

สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา  สิ่งนั้นทั้งปวงล้วนมีความดับไปเป็นธรรมดา
Vita
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 983


อยู่เหนือสุขและทุกข์ได้ เป็นดี..!


« ตอบ #11 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2008, 06:10:43 PM »

ปล....
ถ้าเราทุกคนให้ความสนใจ ที่รัฐเคยรณรงค์เรื่องการประหยัดน้ำมันด้วยวิธีง่ายๆ
ก็คงช่วยชาติลดภาระนำเข้าน้ำมันไปได้เยอะนะครับ

ข้อความนี้คัดมาจาก http://www.car-2-buy.com/Article/editor/oilSave/index.php

เทคนิคการประหยัดน้ำมัน

เพื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลที่กำลังเข้มงวดมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อรองรับภาวะราคาน้ำมันที่สูงขึ้นในปัจจุบัน  เรามีเทคนิคการใช้และดูแลรถอย่างง่าย ๆ เพื่อช่วยประหยัดน้ำมันมาฝาก เพราะการใช้รถและดูแลรถอย่างถูกวิธี จะช่วยให้เราประหยัดน้ำมัน และค่าใช้จ่ายได้มาก  ซึ่งเป็นเทคนิควิธีการง่าย ๆ ที่เราคนไทยทุกคนสามารถทำได้ทันทีในชีวิตประจำวัน  เพื่อช่วยประหยัด ทั้งค่าใช้จ่ายของคุณ และค่าใช้จ่ายของชาติ 

 1.ยิ่งอ้วนยิ่งเปลือง

      รถไม่ใช่โกดังเก็บของ อะไรที่ไม่จำเป็นก็ไม่ควรเก็บไว้กับรถ เพราะน้ำหนักบรรทุกที่เพิ่มขึ้น เพียง 10 กิโลกรัม จะทำให้เปลือง ค่าน้ำมันมากขึ้นกว่า 60 บาท ต่อเดือน 

2.เร็วคุณภาพ

      เร็วอย่างมีคุณภาพ คือ ความเร็ว 90 กิโลเมตร/ชั่วโมง เพราะประหยัดน้ำมันได้มากที่สุด หากขับรถทางไกล แล้วชอบซิ่งด้วยความเร็ว 110 กิโลเมตร/ชั่วโมง ลองเปลี่ยนมาขับนิ่ม ๆ ที่ 90 ดู นอกจากจะช่วยให้ไม่ต้องเสี่ยงกับการถูกปรับแล้วยังช่วยประหยัด ได้ตั้ง 125 บาท ต่อเดือน
 
3.ติดเครื่อง เปลืองแน่

      หากชอบเปิดแอร์ นอนเล่น หรือชอบติดเครื่องตอนจอดคอย เพียงครั้งละ 10 นาที เดือนละ 10 ครั้ง นอกจากจะเปลือกน้ำมัน 45 บาท ต่อเดือนแล้ว น้ำมันที่เผาไหม้ไม่หมด ซึ่งอาจหลงเหลืออยู่ใน กระบอกสูบจะเป็นตัวการทำให้เครื่องยนต์สึกหรออีกด้วย 

4.ออกเร่ง เบรกดัง พังเร็ว

      การออกรถกระโชกกระชาก เลี้ยวอย่างเร็ว เบรกอย่างแรง เป็นฉนวนของอุบัติเหตุได้ง่าย และเป็นวิธีทำลายรถ อย่างได้ผลชะงัด เพราะทั้งเครื่องยนต์ เครื่องส่งกำลัง ผ้าเบรก และยางรถ จะชำรุดสึกหรอได้เร็วขึ้นทันตาเห็นเลย นอกจากนี้หากติดนิสัยชอบเร่งเครื่องแรง ๆ ตอนออกรถสักวันละ 10 ครั้ง จะเสียน้ำมันเปล่า ๆ เดือนละ 60 บาทอีก ด้วย 

 5.ปิด แอร์ บ้างนะ
 
     รถที่ใช้ แอร์ จะสิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่มขึ้นอย่างน้อยก็ร้อยละ 10 ขึ้นไป ถ้าเลือกเปิดได้ เฉพาะเวลาที่จำเป็น เช่น เช้า ๆ เปิดกระจกรับอากาศยามเช้าก็ไม่เลว ลดการใช้แอร์ลงแค่ 10% ของการใช้แอร์ตามปกติ ก็ประหยัดเงินได้อีก 40 บาท ต่อเดือนสบาย ๆ   

 6.สูง-สูง ต่ำ-ต่ำ

      การใช้เกียร์ควรสัมพันธ์กับความเร็วรอบของเครื่องยนต์ (ก็เขาสร้างของเขามาอย่างนั้น) ความเร็วสูงยังฝืนลากเกยร์ต่ำ (เกียร์ 1,2) ความเร็วยังต่ำรีบไปใช้เกียร์สูง (เกียร์ 3,4,5) กำลังเครื่องก็ตก เครื่องก็รีบพังก่อนเวลาอันควร และจะสิ้นเปลือง กว่าปกติอีก 85 บาทต่อเดือน

7.รักคลัตซ์อย่าเลี้ยงคลัตซ์

      อย่าแช่คลัตซ์โดยไม่จำเป็น สิ้นเปลืองคลัตซ์ และน้ำมันเชื้อเพลิง ใช้เบรก หรือเบรกมือช่วยแทนดีกว่า เวลาหยุดควรเหยียบคลัต์ การเร่งเครื่องแรง ขณะออกรถโดยยังไม่ปล่อยคลัตซ์ไม่สุด หรือเข้าเกียร์แล้วยังวางเท้าบนแป้นเหยียบคลัตซ์ก็เป็นการ หาเรื่องอุปกรณ์ในระบบคลัตซ์สึกหรอ และเปลืองน้ำมันเปล่า ๆ ด้วย 

 8.ไม่ติด ไม่คอย เข้าซอยลัด

      วางแผนในการขับรถล่วงหน้า เลือกเส้นทางลัดเพื่อประหยัดเวลา และอารมณ์ที่เสียเปล่า จากรถติด หรือหลงทาง ท่านอาจจะประหยัด ได้มากกว่าเดือนละ 420 บาท 

9.ไม่ “ เบิ้ล “ เอาเท่าไร

      ถ้าไม่อยากให้เครื่องยนต์สึกหรอเร็ว ก็อย่าเร่งเครื่อง หรือ “ เบิ้ล” น้ำมันโดยไม่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็น ขณะจอดอยู่เฉย ๆ เปลี่ยนเกียร์ หรือก่อนดับเครื่องยนต์ จะช่วยให้ไม่สิ้นเปลืองน้ำมันอย่างสูญเปล่าอีก 20 บาท ต่อเดือน 

10.มองล่วงหน้า รักษาเบรก
      เตรียมตัวล่วงหน้าเมื่อจะถึงสี่แยก สัญญาณไฟ หรือป้ายสัญญาณ ช่วยให้ไม่ต้องเบรกอย่างพร่ำเพรื่อ และรุนแรง หรือเสี่ยงการเปลี่ยนช่องทางวิ่งบ่อย ๆ ซึ่งอาจทำใต้องเร่งเครื่องอย่างเร็ว และหยุดอย่างกระทันหัน จะเป็นการประหยัดน้ำมัน และรักษาผ้าเบรก จานเบรกไว้ใช้กันตอปาน ๆ   

11.ยางอ่อน

      การสูบลมยางให้เหมาะสมนอกจากจะประหยัด น้ำมันแล้ว ยังทำให้อายุยางยืนยาวขึ้นด้วย ลมยางที่อ่อนไปเพียง 4 ปอนด์ ต่อตารางนิ้ว ในช่วง 10 วัน ที่ละเลยจะทำให้เปลืองน้ำมัน เพิ่มขึ้นถึง 125 บาท

12.คาร์บูเรเตอร์สกปรก

      ไม่มีใครชอบความสกปรก แม้แต่รถ หากใช้รถโดยที่คาร์บูเรเตอร์สกปรกเพียง 10 วัน จะเสียเงินค่าน้ำมันส่วนเกินอีก 210 บาท ไปฟรี ๆ   

13.หัวเทียนบอด

      หากหัวเทียนบอด หรือเสื่อมคุณภาพ รถยนต์จะวิ่งได้ระยะทางน้อยลง 0.85 กิโลเมตรต่อน้ำมัน 1 ลิตร ใน 10 วัน คิดเป็นน้ำมันสูญเสียประมาณ 125 บาท 

14.ไส้กรองอากาศอุดตัน

      ดูแลความสะอาดไส้กรองอากาศบ่อย ๆ และหากมีสิ่งอุดตันมาก ก็สมควรเปลี่ยนใหม่ ได้แล้วอย่าเหนียว ทั้งนี้เพราะไส้กรองอากาศ ที่อุดตันใน 1 เดือน จะทำให้รถสิ้นเปลือง น้ำมันประมาณ 210 บาท 

15.เบรกเสื่อม

      ระบบเบรกก็ควรได้รับการตรวจสอบดูแลด้วยเหมือนกัน หากผ้าเบรกเสียดสีจานล้ออยู่เสมอ ( เบรกติด หรือเบรกตาย หรือตั้งระยะไม่ถูกต้อง) จะเป็นผลให้ต้องใช้เชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น ประมาณ 85 บาท ต่อเดือน 

16.น้ำมันเครื่องหมดอายุ

      น้ำมันเครื่อง เป็นเรื่องสำคัญของการบำรุงรักษารถ ควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง และไส้กรอง น้ำมันเครื่องตามกำหนด และเลือใช้น้ำมันเครื่อง และเกรดให้ถูกต้องกับสภาพเครื่องยนต์ จะลดแรงเสียดทานภายในเครื่องยนต์ให้ดีขึ้น ทำให้สามารถประหยัดเชื้อเพลิงได้มากขึ้นด้วย 

17.แก็สโซฮอล์

     “แก็สโซฮอล์ พลังงานแอการพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน” พึ่งพาตัวเองทางเศรษฐกิจ : สร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลผลิตทางการเกษตร ทดแทนการนำเข้าสาร MTBE ลดการสูญเสียเงินตราต่างประเทศ และช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น พึ่งพาตนเองด้านพลังงาน: เป็นพลังงานทดแทนบางส่วน จากเดิมที่ต้องสูญเสียเงินตราต่างประเทศเพื่อนำเข้าน้ำมัน เชื้อเพลิงทั้งหมด พึ่งพาตนเองทางสุขภาพและสิ่งแวดล้อม : ลดการเกิด มลภาวะจากการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งจะช่วยให้คนไทย เผชิญกับมลภาวะน้อยลง มีสภาพแวดล้อมและคุณภาพชีวิตดีขึ้น 

บันทึกการเข้า

สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา  สิ่งนั้นทั้งปวงล้วนมีความดับไปเป็นธรรมดา
Vita
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 983


อยู่เหนือสุขและทุกข์ได้ เป็นดี..!


« ตอบ #12 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2008, 06:19:21 PM »

ถ้าเทียบ ระหว่าง LPG NGV Gasohol

ผมอยากให้ใช้ Gasohol เป็นอันดับแรกครับ.....เพราะเราผลิตได้เอง
(ปัจจุบัน เอทานอล ล้นตลาด)
และเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรให้มีรายได้เพิ่มขึ้น 
(ซึ่งส่วนใหญ่มีปัญหาจากราคาพืชผลการเกษตร ขายไม่ได้ราคา)

อันดับสอง คือ NGV เพราะเรามีแหล่งขุดเจาะในประเทศ (แต่ดูแล้วไม่ค่อยช่วยเกษตรกรเท่าไร)

อันดับสาม คือ LPG เพราะ เราผลิตเองได้น้อยมาก(จากการกลั่นน้ำมัน)
และต้องนำเข้าจากต่างประเทศเป็นหลัก ทำให้เราต้องสูญเสียเงินตราต่างประเทศ
อีกทั้งไม่ได้เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรไทยเลย
บันทึกการเข้า

สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา  สิ่งนั้นทั้งปวงล้วนมีความดับไปเป็นธรรมดา
Vita
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 983


อยู่เหนือสุขและทุกข์ได้ เป็นดี..!


« ตอบ #13 เมื่อ: สิงหาคม 20, 2008, 06:24:34 PM »

วิธีประหยัดน้ำมันครับ....จาก http://learners.in.th/blog/sinderella/103808

1. ตรวจตราลมยางเป็นประจำ เพราะยางที่อ่อนเกินไปนั้น ทำให้
สิ้นเปลืองน้ำมันมากกว่ายางที่มีปริมาณลมยางตามที่มาตรฐาน
กำหนด

2. สับเปลี่ยนยาง ตรวจตั้งศูนย์ล้อตามกำหนด จะช่วยประหยัด
น้ำมันเพิ่มขึ้นอีกมาก

3. ดับเครื่องยนต์ทุกครั้งเมื่อต้องจอดรถนานๆ แค่จอดรถติดเครื่อง
ทิ้งไว้ 10 นาที ก็เสียน้ำมันฟรีๆ 200 ซีซี

4. ไม่ควรติดเครื่องทิ้งไว้เมื่อจอดรถ ให้ดับเครื่องยนต์ทุกครั้งที่
ขึ้นของ ลงของ หรือคอยคน เพราะการติดเครื่องทิ้งไว้ เปลืองน้ำมัน
และสร้างมลพิษอีกด้วย

5. ไม่ออกรถกระชากดังเอี๊ยด การออกรถกระชาก 10 ครั้ง สูญเสีย
น้ำมันไปเปล่าๆ ถึง 100 ซีซี น้ำมันจำนวนนี้รถสามารถวิ่งได้ไกล
700 เมตร

6. ไม่เร่งเครื่องยนต์ตอนเกียร์ว่างอย่างที่เราเรียกกันติดปากว่า
เบิ้ลเครื่องยนต์ การกระทำดังกล่าว 10 ครั้ง สูญเสียน้ำมันถึง 50 ซีซี
ปริมาณน้ำมันขนาดนี้รถวิ่งไปได้ตั้ง 350 เมตร

7. ตรวจตั้งเครื่องยนต์ตามกำหนด ควรตรวจเช็คเครื่องยนต์
สม่ำเสมอ เช่น ทำความสะอาดระบบไฟจุดระเบิด เปลี่ยนหัว
คอนเดนเซอร์ ตั้งไฟแก่อ่อนให้พอดี จะช่วยประหยัดน้ำมันได้ถึง 10%

8. ไม่ต้องอุ่นเครื่อง หากออกรถและขับช้าๆ สัก 1-2 กม. แรก
เครื่องยนต์จะอุ่นเอง ไม่ต้องเปลืองน้ำมันไปกับการอุ่นเครื่อง

9. ไม่ควรบรรทุกน้ำหนักเกินพิกัด เพราะเครื่องยนต์จะทำงาน
ตามน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น หากบรรทุกหนักมาก จะทำให้เปลืองน้ำมัน
และสึกหรอสูง

10. ใช้ระบบการใช้รถร่วมกัน หรือคาร์พูล (Car pool) ไปไหน
มาไหน ที่หมายเดียวกัน ทางผ่านหรือใกล้เคียงกัน ควรใช้รถคัน
เดียวกัน

11. เดินทางเท่าที่จำเป็นจริงๆ เพื่อประหยัดน้ำมัน บางครั้ง
เรื่องบางเรื่องอาจจะติดต่อกันทางโทรศัพท์ก็ได้ ประหยัดน้ำมัน
ประหยัดเวลา

12. ไปซื้อของหรือไปธุระใกล้บ้านหรือใกล้ๆ ที่ทำงาน อาจจะเดิน
หรือใช้จักรยานบ้าง ไม่จำเป็นต้องใช้รถยนต์ทุกครั้ง เป็นการ
ออกกำลังกายและประหยัดน้ำมันด้วย

13. ก่อนไปพบใคร ควรโทรศัพท์ไปถามก่อนว่าเขาอยู่หรือไม่ จะได้
ไม่เสียเที่ยว ไม่เสียเวลา ไม่เสียน้ำมันไปโดยเปล่าประโยชน์

14. สอบถามเส้นทางที่จะไปให้แน่ชัด หรือศึกษาแผนที่ให้ดี
จะได้ไม่หลง ไม่เสียเวลา ไม่เปลืองน้ำมันในการวนหา

15. ควรใช้โทรศัพท์ โทรสาร ไปรษณีย์ อินเตอร์เน็ท หรือใช้
บริการส่งเอกสาร แทนการเดินทางด้วยตัวเอง เพื่อประหยัดน้ำมัน

16. ไม่ควรเดินทางโดยไม่ได้วางแผนการเดินทาง ควรกำหนด
เส้นทาง และช่วงเวลาการเดินทางที่เหมาะสมเพื่อประหยัดน้ำมัน

17. หมั่นศึกษาเส้นทางลัดเข้าไว้ ช่วยให้ไม่ต้องเดินทางยาวนาน
ไม่ต้องเผชิญปัญหาจราจร ช่วยประหยัดทั้งเวลาและประหยัดน้ำมัน

18. ควรบับรถด้วยความเร็วคงที่ เลือกขับที่ความเร็ว 70-80
กิโลเมตรต่อชั่วโมงที่ 2,000-2,500 รอบเครื่องยนต์ ความเร็วระดับ
นี้ ประหยัดน้ำมันได้มากกว่า

19. ไม่ควรขับรถลากเกียร์ เพราการลากเกียร์ต่ำนานๆ จะทำให้
เครื่องยนต์หมุนรอบสูงกินน้ำมันมาก และเครื่องยนต์ร้อนจัด
สึกหรอง่าย

20. ไม่ติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งที่จะทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้น
เช่น การทำให้เกิดการต้านลมขณะวิ่ง หรือทำให้เครื่องยนต์ ไม่
สามารถถ่ายเทความร้อนได้ดี

21. ไม่ควรใช้น้ำมันเบนซินที่ออกเทนสูงเกินความจำเป็นของ
เครื่องยนต์ เพราะเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานโดยเปล่าประโยชน์

22. หมั่นเปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ไส้กรองน้ำมันเครื่อง ไส้กรองอากาศ
ตามระยะเวลาที่เหมาะสม เพื่อประหยัดน้ำมัน

23. สำหรับเครื่องยนต์แบบเบนซิน ควรเลือกเติมน้ำมันเบนซิน
ให้ถูกชนิด ถูกประเภท โดยเลือกตามค่าออกเทนที่เหมาะสมกับ
รถแต่ละยี่ห้อ (สังเกตจากฝาปิดถังน้ำมันด้านใน หรือรับคู่มือที่ปั้ม
น้ำมันใกล้บ้าน

24. ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องปรับอากาศตลอดเวลา ยามเช้าๆ
เปิดกระจกรับความเย็นจากลมธรรมชาติบ้างก็สดชื่นดี ประหยัด
น้ำมันได้ด้วย

25. ไม่ควรเร่งเครื่องปรับอากาศในรถอย่างเต็มที่จนเกินความจำเป็น
ไม่เปิดแอร์แรงๆ จนรู้สึกหนาวเกินไป เพราะสิ้นเปลืองพลังงาน

 
บันทึกการเข้า

สิ่งใดมีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดา  สิ่งนั้นทั้งปวงล้วนมีความดับไปเป็นธรรมดา
Sri_Nuan.Ray
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1808



เว็บไซต์
« ตอบ #14 เมื่อ: สิงหาคม 21, 2008, 12:38:40 AM »

ขอบคุณจ๊ะ      สาระทั้งนั้น เลย  ขึ้นอยู่กับว่า เราจะเอาไปใช้หรือเปล่านะเนี่ย

ใครใช้ใครได้เนอะ........มาถึงวันนี้ เราต้องสัวงวรให้มากๆๆ เพราะ โลกของเราร้อนขึ้น การช่วยกันประหยักทรัพยากรโลกเป็นสิ่งจำเป็น...
บันทึกการเข้า

~~~ หากเราหยุดนิ่ง ทุกอย่างที่ผ่านมา คือ อดีต.... ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อมันจะได้เป็นอดีตที่มีค่าแก่ ความทรงจำของเรา  ~~~
หน้า: [1] 2 3   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.027 วินาที กับ 20 คำสั่ง