แต่ตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่ 13 กันยายน 2551ที่ผ่านมา(ผมจะจำจนวันตาย)
สุชาดา(คนน้อง) และ สุมิตรา(คนพี่) ก็มาปรากฏตัวให้ผมเห็นอยู่ตรงหน้า
"โอ้ ... แค่นั้นเองหรือ" นั่นคือคำถามแรกที่ผมพูดกับตัวเอง เจอแล้วยังไงล่ะ ก็แค่สองสาวตัวโตๆ
และในเสี้ยววินาทีต่อมา จิตใต้สำนึกก็ผุดขึ้นมาด่าตัวเองว่า "ไอ้อ้วนเอ้ย ชอบเค้าแล้วอย่ามาทำเป็นฟอร์ม รู้สึกอย่างไรก็บอกเค้าไปสิ"
หลังจากนั้นกว่าจะตั้งสติให้เป็นปกติได้ ผมก็พบว่าผมอยู่ใกล้สุมิตราเกินกว่าที่เพศตรงข้ามอย่างเราจะใกล้กันได้
ทั้งที่ใจอยากสัมผัสเธอ แต่ต้องยับยั้งชั่งใจ เดี๋ยวสังคมจะประณามว่าไม่งาม(เพศเดียวกันก็อาจจะไม่งามมากกว่า)
ได้แต่มองเข้าไปในดวงตาเล็กๆของเธอ ตายิ่งเล็กทำให้ต้องยิ่งมองลึกเข้าไปพร้อมกับส่งข้อความบางอย่างเข้าไปในนั้น
เธอตอบอะไรบางอย่างกลับมา ข้อความที่ส่งกันไปมาเรารับรู้กันสองคนเท่านั้น งานนี้จะได้กินของหวานงานแต่งไหมค่ะเนี่ย ฮา ฮา ฮา ฮี่ ฮี่ แต่พี่สองสายต้องเป็น เถ้าแก่ให้แน่ๆเลยค่ะ 5 5 5 งานนี้ไม่เชิญ ก็
ขอตามไปเป็น แขกไม่ได้รับเชิญ แน่ๆ เพราะ ท่าทาง ท่านอินทรีย์แดงของเรา หลง แม่นาง สุชาดา และ แม่นาง สุมิตรา แบบ
ถอนตัวไม่ล่ายแย้ว
เอาอีก เราจะอ่าน นิยายร๊ากกกกกกกกกก อมตะเรื่องนี้อีก อยากรู้ว่าจะจบยังไง พระเอก
อินทรีย์แดงของเรา
จะสมหวังไหมน๊า หรือท่านจะเป็นอย่างชาละวัน หนา รักพี่เสียดายน้อง อย่างแม่ตะเภาแก้ว ตะเภาทอง แต่จากสัดส่วนอันโค้งเว้า
งามงอน แบบสาวน้อยเกาหลี + ญี่ปุ่น และ + เลือด Thailand made in เกาะเต่าแรง ข้าน้อยขอเชียร์ แม่นาง สุชาดา
และ สุมิตรา ฟันธง พระเจ้าขา ฮิ ฮิ ฮิ
มาต่อไวๆนะ ท่าน รออ่านอยู่เหมียนกัน คร๊าบ