กระดานข่าว Save Our Sea.net
เมษายน 25, 2024, 08:07:10 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: [1] 2 3 4   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: พบแก๊งล่าพะยูนส่งขายสิงคโปร์ตัวละ 5 หมื่น  (อ่าน 29150 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« เมื่อ: มีนาคม 23, 2009, 02:02:27 AM »


พบแก๊งล่าพะยูนส่งขายสิงคโปร์ตัวละ 5 หมื่น



ประมงพื้นบ้านเกาะลิบง ตรัง ยืนยันพบคนต่างถิ่นล่าพะยูนส่งขายสิงคโปร์ตามใบสั่งตัวละ5หมื่น กระดูก-เขี้ยวคู่อย่างละ3หมื่นบาท ปรุงยาโด๊ป ของขลัง

นายอิสมาแอน เบนสะอาด แกนนำกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง และเครือข่ายชมรมประมงพื้นบ้านจังหวัดตรัง กล่าวว่า นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2552 ที่ผ่านมา ได้พบชาวประมงพื้นบ้านจากต่างถิ่น โดยเฉพาะจากจังหวัดสตูล เข้ามาลักลอบทำประมงแบบผิดกฎหมายในหลายลักษณะ เช่น การลักลอบระเบิดปลาบริเวณหินกอง หรือบริเวณบ้านปลาแหล่งปะการังที่สมบูรณ์ของทะเลตรัง ซึ่งเป็นการร่วมมือกระทำประมงที่ผิดกฎหมายร่วมกัน ระหว่างชาวประมงจากต่างถิ่น กับชาวประมงที่เคยทำประมงผิดกฎหมาย ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นผู้ชี้จุด จนส่งผลให้ปะการังและปลาตัวเล็กๆ ถูกทำลายไปเป็นจำนวนมาก

นอกจากนั้น ก็ยังพบการลักลอบวางอวนปลากระเบน ซึ่งเป็นเครื่องมือทำประมงที่เป็นอันตรายกับพะยูนและเต่าทะเล รวมทั้งการลักลอบวางเบ็ดราไว เพื่อล่าพะยูนไปขาย โดยเฉพาะเบ็ดราไว และอวนปลากระเบนนั้น ทางจังหวัดตรัง ได้เคยออกประกาศเป็นเครื่องมือหวงห้ามในทำประมง อีกทั้งยังถือเป็นเครื่องมือที่เป็นอันตรายต่อพะยูนและเต่าทะเลด้วย จนทำให้พะยูนต้องตายไปลงไปแล้วถึง 25 ตัว ขณะเดียวกัน ก็ยังพบการระเบิดปลาในบริเวณหินกอง หรือบ้านปลา แหล่งปะการังที่สมบูรณ์ที่สุดของท้องทะเลตรัง รวมทั้งยังพบการลักลอบวางอวนชักขนาดใหญ่ ระยะทาง 1-2 กิโลเมตรด้วย

“หากพบพะยูนตายในขณะที่ตัวยังสดอยู่ ก็จะรีบแล่เอาเนื้อนำมาทำอาหาร ในส่วนของกระดูกก็นำไปฝังดินไว้ เพื่อรอวันขุดขึ้นมานำไปขายให้กับผู้รับซื้อ ซึ่งจากการตรวจสอบภายในระยะเวลาประมาณ 1 เดือน พบซากเต่าทะเลตายไปแล้วจำนวนมาก ส่วนพะยูนก็ถูกล่าตามใบสั่งไปแล้วกว่า 10 ตัว โดยมีราคาขายพะยูนในตลาดมืด ทั้งตัวราคา 50,000 บาท เฉพาะกระดูกราคา 30,000 บาท หรือเฉพาะเขี้ยวคู่ละ 30,000 บาท ทั้งนี้ เพื่อเอาไปใช้สำหรับการผลิตยาบำรุง และทำเครื่องรางของขลัง โดยตลาดรับซื้อรายใหญ่จะอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์” แกนนำประมงพื้นบ้านกล่าว

นายร่าเหม แก้วทอง อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93/1 หมู่ที่ 5 บ้านหลังเขา ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง กล่าวว่า ขณะนี้มีชาวประมงจากต่างถิ่นเข้ามาในพื้นที่ เพื่อล่าพะยูนกันอย่างโจ่งแจ้ง ด้วยการวางเบ็ดราไว บางส่วนก็ลักลอบวางอวนปลากระเบน แต่เจ้าหน้าที่ไม่เคยจับกุมตัวได้ ซึ่งเคยทราบข้อมูลว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งที่มีพะยูนติดเบ็ดราไวถึง 2 ตัว และได้ถูกนำไปขายที่จังหวัดยะลา หรือส่งไปยังประเทศสิงค์โปร์ ส่วนชาวบ้านบางรายที่พบพะยูนตาย ก็จะยังแล่เนื้อนำไปทำอาหารด้วย

สำหรับกระดูกพะยูนจะมีการนำไปฝังดินเอาไว้ รอวันขุดเพื่อขายในราคาตัวละ 20,000-30,000 บาท โดยเฉพาะเบ็ดราไว และอวนปลากระเบน ขณะนี้ถือเป็นอันตรายต่อพะยูนและเต่าทะเลเป็นอย่างมาก ในส่วนของเต่าทะเลที่ก่อนหน้านี้เคยพบเห็นเป็นจำนวนมาก แต่หลังจากถูกอวนปลากระเบน และเบ็ดราไวคราวละหลายๆ ตัว ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่ก็เคยพบซากมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ทำให้เต่าทะเลค่อยๆ ร่อยหรอไปจนแทบจะสูญพันธุ์แล้ว เพราะมีชาวบ้านบางส่วนส่งนำไปขายให้กับร้านอาหารทั่วไป ในราคากิโลกรัมละ 120 บาท

นายสมชาย พ่วงบุรี อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน อบต.เกาะลิบง ก็กล่าวว่า เคยรับแจ้งพบการลักลอบวางเบ็ดราไว และวางอวนปลากระเบน แต่เมื่อเข้าไปตรวจสอบ คนร้ายจะไหวตัวหนีไปเสียก่อน ขณะนี้จึงพยายามติดตามหาข่าวเพื่อหวังจะจับกุมให้ได้ แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านมากนัก

นายเดชา นิลวิเชียร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม กล่าวว่า จุดที่มีการลักลอบทำประมงผิดกฎหมายจะอยู่นอกเขตอุทยานแห่งชาติ ซึ่งการที่เราสูญเสียพะยูนไป 1 ตัว เท่ากับเราสูญเสียทรัพยากรอย่างมหาศาล เพราะพะยูนใกล้จะสูญพันธุ์แล้ว จึงต้องรณรงค์ป้องกันและดูแลรักษาอย่างเร่งด่วน โดยในส่วนของอุทยานแห่งชาติ ได้ร่วมกับเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง ในการลาดตระเวนและประชาสัมพันธ์สร้างจิตสำนึกให้กับชาวบ้าน ส่วนข่าวล่าพะยูนเพื่อส่งไปขายยังประเทศสิงคโปร์นั้น กำลังตรวจสอบอยู่ว่าจะเป็นหรือไม่อย่างไร

นอกจากนั้น ยังได้รับทราบข้อมูลเพิ่มเติมมาว่า ขณะนี้พบว่าเรือขนถ่ายสินค้าจากท่าเทียบเรือกันตัง ได้เปลี่ยนเส้นทางเดินเรือผ่านมาใกล้กับจุดที่เป็นแหล่งอาศัยของพะยูน เนื่องจากสามารถช่วยย่นระยะทางและระยะเวลาในการเดินเรือได้มาก แต่กลายว่าเป็นการไปรบกวนพะยูนจนทำให้ตกใจ และยังกระทบไปถึงหญ้าทะเล แหล่งหากินของพะยูนด้วย ซึ่งกำลังประสานกับสำนักงานการขนส่งทางน้ำที่ 5 สาขาตรัง ให้เข้ามาดูแลและหาทางแก้ไขอย่างเร่งด่วนแล้ว



จาก                         :                      กรุงเทพธุรกิจ    วันที่ 23 มีนาคม 2552
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
ตุ๊กแกผา
อีกไม่กี่กระทู้ก็ได้5ดาวแล้วเร่งมือหน่อย
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 378



« ตอบ #1 เมื่อ: มีนาคม 23, 2009, 02:36:46 AM »

เขาทำแบบนี้ เหมือนตัดช่องทำมาหากินของตัวเองเลยน๊ะเนี่ย(ยังไงๆก็ทะเลไทยเหมือนกัน)...หรือเขาจะไม่คิดเลย???
  ขอให้จับได้โดยเร็วด้วยเถอะ
.....อย่าปล่อยให้คนชั่วลอยนวลเลยยยยยยยย
บันทึกการเข้า
สายชล
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8186


Saaychol


« ตอบ #2 เมื่อ: มีนาคม 23, 2009, 02:43:42 AM »

เศร้าใจจริงๆ.....

โศกนาฏกรรมคร้งนี้.....เพื่อนเราเผาเรือนแท้ๆ......ทั้งเพื่อนบ้านที่อยู่เมืองติดกัน และเพื่อนบ้านต่างชาติ ที่ไร้ทรัพยากรธรรมชาติแต่มีทรัพยากรธรรมชาติ (ของเพื่อนบ้าน)ไปขาย


ได้ยินมาว่า....ปลาและสัตว์น้ำไม่ว่าจะตัวใหญ่ตัวเล็กที่นำไปโชว์ในอควาเรี่ยมของเพื่อนบ้านชาวต่างชาตินั่นน่ะ  ไปจากทะเลไทยเกือบทั้งนั้น โดยมีคนไทยใจเป็นทาสเงินตรารับอาสาหาไปให้  แถมสาขาที่มาตั้งในไทยยังโกบโกยสัตว์ทะเลไปใส่ตู้แบบหาได้ไม่รู้จบ


ถือเป็นกรรมเวรของทะเลไทยและคนไทยทั้งหลาย....  
บันทึกการเข้า

Saaychol
WayfarinG
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2388



« ตอบ #3 เมื่อ: มีนาคม 23, 2009, 02:45:11 AM »

ไอ้พวกใจร้ายต้องโดน ..
บันทึกการเข้า

If you reject the food, ignore the customs, fear the religion and avoid the people, you might better stay home.  -- > James Michener
วาฬเผือก^^
สี่ดาวยังอยู่แค่เอื้อม
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 107



« ตอบ #4 เมื่อ: มีนาคม 23, 2009, 03:00:56 AM »

เห็นรูปแล้วช๊อก
เป็นเรื่องเศร้ารับเช้านี้เลยนะคะ 
บันทึกการเข้า
Blue Day
ตอบกระทู้เยอะ ๆ จะได้ 2 ดาว
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 34



« ตอบ #5 เมื่อ: มีนาคม 23, 2009, 04:17:47 AM »

เศร้าใจครับ
บันทึกการเข้า

ขอเพียงคุณไม่กลัวความลึก ไม่กลัวความเหงา คุณจะมีความสุข
payoon
ได้2ดาวแล้วพยายามอีกหน่อยจะได้สอย3ดาว
**
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 76


พะยูนเกยตื้น


เว็บไซต์
« ตอบ #6 เมื่อ: มีนาคม 23, 2009, 05:24:26 AM »

 
ถ้าอ๋อลงไปใต้ จะโดนจับไปขายป่าวเนี่ย พวกคนใจร้าย 
บันทึกการเข้า

payoon
ดอกปีบ
อีกไม่กี่กระทู้ก็ได้5ดาวแล้วเร่งมือหน่อย
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 316


If we see the hearts of others, peace will follow


« ตอบ #7 เมื่อ: มีนาคม 23, 2009, 03:37:56 PM »

พะยูนเหล่านี้เหมือนสมบัติของชาติ มีคุณค่ามากมายกว่าที่จะตีค่าเป็นราคาเงิน ..
เสียแล้วเสียเลย หาคืนก็ไม่ได้ ..

หวังว่าเรา คงไม่ได้เปิดบ้านให้คนเข้ามาเผาเรือนของเรากันนะครับ 





 
บันทึกการเข้า
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #8 เมื่อ: มีนาคม 24, 2009, 01:17:36 AM »


จนท.ประมงละเลยส่งผลพะยูนถูกล่าส่งสิงคโปร์แล้วกว่า 10 ตัว



ตรัง – ชาวประมงต่างถิ่น ลักลอบทำประมงผิดกฎหมาย แถบเกาะลิบง อ.กันตัน ล่าพะยูนส่งตลาดสิงคโปร์ รวมถึงเต่าทะเล และปะการังได้รับความเสียหาย ขณะนี้พะยูนถูกล่าไปแล้วกว่า 10 ตัว เจ้าหน้าที่ขาดความรับผิดชอบ ละเลยในหน้าที่ ชาวประมงพื้นบ้านต้องดูแลกันเอง
       
       วันนี้ (22 มี.ค.) นายอิสมาแอน เบนสะอาด แกนนำกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง และเครือข่ายชมรมประมงพื้นบ้านจังหวัดตรัง กล่าวว่า นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2552 ที่ผ่านมา ได้พบชาวประมงพื้นบ้านจากต่างถิ่น โดยเฉพาะจากจังหวัดสตูล เข้ามาลักลอบทำประมงแบบผิดกฎหมายในหลายลักษณะ เช่น การลักลอบระเบิดปลาในบริเวณหินกอง หรือบริเวณบ้านปลาแหล่งปะการังที่สมบูรณ์ของทะเลตรัง ซึ่งเป็นการร่วมมือกระทำประมงที่ผิดกฎหมายร่วมกัน ระหว่างชาวประมงจากต่างถิ่น กับชาวประมงที่เคยทำประมงผิดกฎหมาย ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นผู้ชี้จุด จนส่งผลให้ปะการังและปลาตัวเล็กๆ ถูกทำลายไปเป็นจำนวนมาก
       
       นอกจากนั้น ก็ยังพบการลักลอบวางอวนปลากระเบน ซึ่งเป็นเครื่องมือทำประมงที่เป็นอันตรายกับพะยูนและเต่าทะเล รวมทั้งการลักลอบวางเบ็ดราไว เพื่อล่าพะยูนไปขาย โดยเฉพาะเบ็ดราไว และอวนปลากระเบนนั้น ทางจังหวัดตรังได้เคยออกประกาศเป็นเครื่องมือหวงห้ามในทำประมง อีกทั้งยังถือเป็นเครื่องมือที่เป็นอันตรายต่อพะยูนและเต่าทะเลด้วย จนทำให้พะยูนต้องตายไปลงไปแล้วถึง 25 ตัว ขณะเดียวกัน ก็ยังพบการระเบิดปลาในบริเวณหินกอง หรือบ้านปลา แหล่งปะการังที่สมบูรณ์ที่สุดของท้องทะเลตรัง รวมทั้งยังพบการลักลอบวางอวนชักขนาดใหญ่ ระยะทาง 1-2 กิโลเมตรด้วย


       
       สำหรับชาวประมงที่เข้ามาล่าพะยูนในพื้นที่ตำบลเกาะลิบง ซึ่งเป็นแหล่งที่มีสัตว์น้ำชนิดนี้อาศัยอยู่มากที่สุดในประเทศไทยนั้น ส่วนหนึ่งมาจากอำเภอหาดสำราญ จังหวัดตรัง แต่อีกส่วนหนึ่งจะเป็นแรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่า ที่เดินทางไกลมาจากจังหวัดสตูล ซึ่งชุดปฎิบัติการเฉพาะกิจเพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเล (ฉก.) จังหวัดตรัง ในส่วนที่เป็นตัวแทนชาวบ้านนั้น เคยพบชาวประมงแรงงานต่างด้าวเหล่านี้ด้วยตนเอง โดยมีลักษณะการแต่งกายคล้ายๆ กับเจ้าหน้าที่ ซึ่งคงทำไปเพื่อต้องการที่จะตบตาชาวบ้าน แต่พวกตนไม่สามารถดำเนินการใดๆ ได้ เพราะไม่มีอำนาจ จึงได้แต่ขอร้องให้กลับออกไปจากพื้นที่เท่านั้น
       
       นายอิสมาแอน กล่าวอีกว่า สิ่งที่น่าห่วงสำหรับชาวบ้านในพื้นที่อีกอย่างหนึ่งก็คือ หากพบพะยูนตายในขณะที่ตัวยังสดอยู่ ก็จะรีบแล่เอาเนื้อนำมาทำอาหาร ในส่วนของกระดูกก็นำไปฝังดินไว้ เพื่อรอวันขุดขึ้นมานำไปขายให้กับผู้รับซื้อ ซึ่งจากการตรวจสอบภายในระยะเวลาประมาณ 1 เดือน พบซากเต่าทะเลตายไปแล้วจำนวนมาก ส่วนพะยูนก็ถูกล่าตามใบสั่งไปแล้วกว่า 10 ตัว โดยมีราคาขายพะยูนในตลาดมืด ทั้งตัวราคา 50,000 บาท เฉพาะกระดูกราคา 30,000 บาท หรือเฉพาะเขี้ยวคู่ละ 30,000 บาท ทั้งนี้ เพื่อเอาไปใช้สำหรับการผลิตยาบำรุง และทำเครื่องรางของขลัง โดยตลาดรับซื้อรายใหญ่จะอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์


       
       สาเหตุที่พะยูนถูกล่าอย่างหนักในช่วงระยะนี้ และพบการทำประมงแบบผิดกฎหมายในจังหวัดตรังอย่างครึกโครม เพราะเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบหย่อนยานในการทำงาน ขณะที่ชุด ฉก.ประมง ซึ่งรวมกำลังมาจากหลายหน่วยงาน เช่น ประมง ตำรวจ ศูนย์ป้องกันปราบปรามประมงทะเลฝั่งอันดามัน เจ้าหน้าที่เขตห้ามล่า และเจ้าหน้าที่อุทยาน ขณะนี้ก็ไม่มีการออกปฎิบัติหน้าที่แล้ว คงเหลือเฉพาะกำลังของชาวประมงพื้นบ้านเท่านั้น แต่ไม่สามารถจะทำอะไรได้มากนัก เพราะไม่มีอำนาจ
       
       นอกจากนั้น ทางจังหวัดตรัง ก็ไม่มีนโยบายในการดูแลที่จริงจัง และเมื่อมีการเปลี่ยนตัวผู้ว่าราชการจังหวัด ก็ทำให้ขาดความต่อเนื่องของชุดทำงานด้านการอนุรักษ์ จึงส่งผลให้เกิดปัญหาต่างๆ ขึ้นมามากมายในขณะนี้
       
       นายร่าเหม แก้วทอง อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 93/1 หมู่ที่ 5 บ้านหลังเขา ตำบลเกาะลิบง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง กล่าวว่า ขณะนี้มีชาวประมงจากต่างถิ่นเข้ามาในพื้นที่ เพื่อล่าพะยูนกันอย่างโจ่งแจ้ง ด้วยการวางเบ็ดราไว บางส่วนก็ลักลอบวางอวนปลากระเบน แต่เจ้าหน้าที่ไม่เคยจับกุมตัวได้ ซึ่งเคยทราบข้อมูลว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งที่มีพะยูนติดเบ็ดราไวถึง 2 ตัว และได้ถูกนำไปขายที่จังหวัดยะลา หรือส่งไปยังประเทศสิงคโปร์ ส่วนชาวบ้านบางรายที่พบพะยูนตาย ก็จะยังแล่เนื้อนำไปทำอาหารด้วย


       
       สำหรับกระดูกพะยูนจะมีการนำไปฝังดินเอาไว้ รอวันขุดเพื่อขายในราคาตัวละ 20,000-30,000 บาท โดยเฉพาะเบ็ดราไว และอวนปลากระเบน ขณะนี้ถือเป็นอันตรายต่อพะยูน และเต่าทะเลเป็นอย่างมาก ในส่วนของเต่าทะเลที่ก่อนหน้านี้เคยพบเห็นเป็นจำนวนมาก แต่หลังจากถูกอวนปลากระเบน และเบ็ดราไวคราวละหลายๆ ตัว ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่ก็เคยพบซากมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน ทำให้เต่าทะเลค่อยๆ ร่อยหรอไปจนแทบจะสูญพันธุ์แล้ว เพราะมีชาวบ้านบางส่วนส่งนำไปขายให้กับร้านอาหารทั่วไป ในราคากิโลกรัมละ 120 บาท
       
       นายสมชาย พ่วงบุรี อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 38 หมู่ที่ 6 บ้านเจ้าไหม ตำบลเกาะลิบง ซึ่งมีตำแหน่งเป็นอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน อบต.เกาะลิบง ก็กล่าวว่า เคยรับแจ้งพบการลักลอบวางเบ็ดราไว และวางอวนปลากระเบน แต่เมื่อเข้าไปตรวจสอบ คนร้ายจะไหวตัวหนีไปเสียก่อน ขณะนี้จึงพยายามติดตามหาข่าวเพื่อหวังจะจับกุมให้ได้ แต่ก็ไม่ได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านมากนัก ในส่วนของพะยูนที่ตายและกลายเป็นข่าวมี 2 ตัว แต่กรณีที่มีผู้ลักลอบจับไป หรือนำไปแล่เนื้อทำอาหาร และเอากระดูกไปขายนั้น ตนไม่สามารถระบุจำนวนได้ เพราะไม่มีใครยอมให้ข้อมูล แต่เชื่อว่าจะต้องมีอย่างแน่นอน



จาก                         :                      ผู้จัดการออนไลน์    วันที่ 23 มีนาคม 2552
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #9 เมื่อ: มีนาคม 24, 2009, 01:43:37 AM »


เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเกาะลิบงบินสำรวจพะยูน



ตรัง – เขตห้ามล่าสัตว์ป่าเกาะลิบง ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง ขึ้นบินสำรวจฝูงพะยูนที่อาศัยอยู่ในท้องทะเลตรัง ซึ่งเป็นถิ่นอาศัยที่สำคัญ หลังพบชาวประมงพื้นบ้านจากต่างถิ่น และแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้ามาทำประมงแบบผิดกฎหมาย จนทำให้พะยูนต้องตาย และพบพะยูนถูกล่าตามใบสั่งขายพะยูนในตลาดมืด       
       
       จากกรณีที่แกนนำกลุ่มชาวประมงพื้นบ้านตำบลเกาะลิบง อ.กันตัง และเครือข่ายชมรมประมงพื้นบ้านจังหวัดตรัง ออกมาระบุว่า นับตั้งแต่เดือนมกราคม 2552 ที่ผ่านมาได้พบชาวประมงพื้นบ้านจากต่างถิ่น โดยเฉพาะจากจังหวัดสตูล และแรงงานต่างด้าวสัญชาติพม่าจำนวนหนึ่ง ลักลอบเข้ามาทำประมงแบบผิดกฎหมายในหลายลักษณะ
       
       จนทำให้พะยูนต้องตายไปลงไปแล้วถึง 25 ตัว ขณะเดียวกัน ก็ยังพบพะยูนถูกล่าตามใบสั่งไปแล้วกว่า 10 ตัว โดยมีราคาขายพะยูนในตลาดมืด ทั้งตัวราคา 50,000 บาท เฉพาะกระดูกราคา 30,000 บาท หรือเฉพาะเขี้ยวคู่ละ 30,000 บาท ทั้งนี้ เพื่อเอาไปใช้สำหรับการผลิตยาบำรุง และทำเครื่องรางของขลัง โดยตลาดรับซื้อรายใหญ่จะอยู่ที่ประเทศสิงคโปร์ ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น


       
       วันนี้ (23 มี.ค.) นายมีชัย อัยศูรย์ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช สั่งการให้เจ้าหน้าที่ในสังกัดนำเครื่องพารามอร์เตอร์ พร้อมสื่อมวลชนจำนวนหนึ่ง ขึ้นบินสำรวจฝูงพะยูนที่อาศัยอยู่ในท้องทะเลตรัง ซึ่งเป็นถิ่นอาศัยที่สำคัญ และมีความสมบูรณ์มากที่สุดของประเทศไทยในขณะนี้ เนื่องจากในท้องทะเลตรังนั้นเต็มไปด้วยหญ้าทะเล ซึ่งเป็นอาหารของพะยูนที่มีจำนวนมากถึง 11 ชนิด จากหญ้าทะเลที่พบในประเทศไทยทั้งหมด 12 ชนิด
       
       ทั้งนี้ จากการบินสำรวจในตอนเช้าตรู่ เจ้าหน้าที่พบเฉพาะฝูงปลาโลมาปากขวดฝูงใหญ่ ที่กำลังเล่นน้ำอยู่ โดยไม่พบพะยูนแต่อย่างใด ซึ่งหลังจากน้ำขึ้นได้สักระยะ เจ้าหน้าที่จึงได้นำผู้สื่อข่าวขึ้นไปบินสำรวจอีกครั้ง ก็พบพะยูนกำลังหากินอยู่ตามลำพังเพียง 1 ตัว น้ำหนักประมาณ 200-300 กิโลกรัม
       
       ส่วนสาเหตุที่พบพะยูนจำนวนน้อย คงเป็นเพราาะเป็นช่วงที่น้ำขึ้นไม่เต็มที่ พะยูนจึงไม่ได้ขึ้นมาหากินเป็นจำนวนมากๆ เหมือนกับเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนหน้านี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ ที่ขึ้นไปบินสำรวจพบพะยูนฝูงใหญ่จำนวนกว่า 10 ตัว กำลังกินหญ้าทะเลอยู่บริเวณชายฝั่งของจังหวัดตรัง


       
       นายมีชัย อัยศูรย์ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง กล่าวถึงแนวทางการป้องกันการเสียชีวิตของพะยูน โดยล่าสุดพบพะยูนตายลงอีก 2 ตัว ในบริเวณแหลมจุโหย ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของเขตห้ามล่าฯ ว่า พะยูนตัวนี้ติดอวนปลากระเบน ไม่ใช่อวนปลิง เพราะอวนปลิงจะมีตาถี่ จึงติดได้ยาก แต่อวนปลากระเบนจะมีตาขนาดใหญ่ เมื่อพะยูนว่ายน้ำเข้าไปใกล้จึงติดได้ง่าย
       
       พร้อมยืนยันว่าพะยูนตัวที่ตายลงล่าสุดนั้นไม่ได้อยู่ที่แหลมจุโหย ซึ่งเป็นถิ่นอาศัยประจำ และมีหญ้าทะเลสมบูรณ์แต่อย่างใด เพราะจะมีเจ้าหน้าที่ไปคอยลาดตระเวนอยู่เป็นประจำ และไม่เคยพบการวางอวนปลากระเบน ส่วนพะยูนอีกจำนวนหนึ่งที่ตายไปเพราะเครื่องมือประมงผิดกฎหมาย เช่น เบ็ดราไว ยืนยันได้ว่าอยู่นอกเขตห้ามล่าสัตว์ป่าฯ
       
       ดังนั้นจึงเชื่อว่าพะยูนตัวดังกล่าวคงลอยมาจากที่อื่น ประกอบกับอวนปลากระเบนจะต้องวางในร่องน้ำลึก และเป็นปกติของพะยูน เมื่อน้ำลงก็จะว่ายน้ำไปหากินในร่องน้ำที่ลึกลงไป เช่น ร่องน้ำแถบเกาะเหลาเหลียง จึงไปเจออวนปลากระเบนและติดเข้าจนตายดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ทำการเฝ้าระวังอยู่เป็นประจำ
       
       และได้ขอความร่วมมือจากชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่ซึ่งรู้จักกันเป็นอย่างดี เพื่อไม่ให้ใช้เครื่องมือทำประมงที่เป็นอันตรายต่อพะยูน และสัตว์น้ำตัวเล็กๆ ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีเช่นกัน ส่วนข่าวการล่าพะยูน เพื่อส่งไปขายที่ประเทศสิงคโปร์นั้น คิดว่าคงไม่มี และคงเป็นความไม่ตั้งใจ หรือคงไม่ทราบว่า ในพื้นที่ตำบลเกาะลิบงมีพะยูนอาศัยอยู่       
       
       นายมีชัย กล่าวถึงปัญหาที่พบการใช้เครื่องมือแบบผิดกฎหมายว่า ไม่ใช่เกิดจากฝีมือของคนในพื้นที่ แต่เป็นคนที่มาจากต่างถิ่น ที่ลักลอบเข้ามาจับปลาแล้วก็หนีกลับไป เช่น มาจากพื้นที่จังหวัดสตูล เป็นต้น สำหรับแนวทางการแก้ปัญหา นอกจากจะเพิ่มการลาดตระเวนของเจ้าหน้าที่แล้ว ยังต้องประชาสัมพันธ์สร้างจิตสำนึกให้กับชาวบ้านในพื้นที่ ได้ตระหนักถึงความสูญเสียของทรัพยากรธรรมชาติ อันเนื่องมาจากการใช้เครื่องมือประมงที่ผิดกฎหมาย รวมทั้งไม่เข้าไปทำประมงในแหล่งอาศัย และหากินของพะยูนโดยเด็ดขาด ตลอดจนการร่วมกันเฝ้าระวังไม่ให้คนจากต่างถิ่น เข้ามาลักลอบทำประมงแบบผิดกฎหมายในพื้นที่ตำบลเกาะลิบง


       
       นางสาวกาญจนา อดุลยานุโกศล นักวิชาการ 8 สถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ ชายฝั่ง และป่าชายเลน จังหวัดภูเก็ต ผู้ซึ่งศึกษาเรื่องพะยูนในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน กล่าวว่า เรื่องของการนำกระดูก หรือเขี้ยวพะยูน ส่งไปขายยังต่างประเทศ ตนเองเคยได้รับข้อมูลมาตั้งแต่เมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว โดยการบอกเล่าของชาวประมงพื้นที่บ้าน ที่อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่ ว่ามีการนำส่งไปขายให้กับนายทุนที่ประเทศมาเลเซีย และอีกส่วนหนึ่งถูกนำไปทำเครื่องประดับ เช่น แหวน กำไล เพราะบางคนมองว่าเป็นเรื่องความสวยงาม หรือเป็นเรื่องเครื่องรางของขลัง แต่ปัจจุบันตนไม่ทราบว่าพฤติกรรมดังกล่าวยังมีอยู่อีกหรือไม่
       
       สำหรับกรณีที่แกนนำเครือข่ายชมรมประมงพื้นบ้านจังหวัดตรัง ออกมาให้ข่าวการล่าพะยูนเพื่อนำชิ้นส่วนส่งไปขายยังต่างประเทศนั้น เชื่อว่าน่าจะมีข้อมูลที่ชาวบ้านในพื้นที่รับรู้มาในระดับหนึ่ง ส่วนจะมีข้อเท็จจริงมากน้อยแค่ไหนเพียงใด ขณะนี้ตนคงไม่สามารถตอบได้ และคงเป็นเรื่องของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่จะต้องไปตรวจสอบ
       
       ซึ่งก่อนหน้านี้ ตนได้รับทราบข่าวการซื้อขายพะยูนก็ได้แจ้งไปยังนายมีชัย อัยศูรย์ หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง ให้รับทราบในเบื้องต้นแล้ว อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าตั้งแต่ต้นปี 2552 เป็นต้นมา มีพะยูนต้องตายลงไปจำนวนมากจนผิดสังเกตุ และถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ทุกฝ่ายจะต้องให้ความสนใจ



จาก                         :                      ผู้จัดการออนไลน์    วันที่ 23 มีนาคม 2552
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
kungkings
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 791



« ตอบ #10 เมื่อ: มีนาคม 24, 2009, 02:23:57 AM »

คนพวกนี้...จิตใจทำด้วยอะไร ทำไมโหดร้ายนัก   
บันทึกการเข้า

ทำวันนี้ และวันหน้าให้ดีที่สุด...
Oo
อีกไม่กี่กระทู้ก็ได้5ดาวแล้วเร่งมือหน่อย
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 455



« ตอบ #11 เมื่อ: มีนาคม 24, 2009, 03:26:09 AM »

อ่านแล้วน้ำตาพาลจะไหล
มันอยู่ของมันดีๆ ก็ไปล่ามาบำรุงกำลัง

ทำไมเขาไม่รักสมบัติใต้ทะเลของเขาเลย
มันเป็นบ้านเขาแท้ๆ


 
บันทึกการเข้า
lord of death
สี่ดาวยังอยู่แค่เอื้อม
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 130



« ตอบ #12 เมื่อ: มีนาคม 24, 2009, 05:35:00 AM »

เมื่อไร จะกำหราบ พวกหนักแผ่นดินเหล่านี้ให้สิ้นซะที
วอนต่อราชนาวีไทยให้จัดการด้วย ก็จะได้ซ้อมยิงจรวดไปในตัว
ใจดีกันเกิน ไม่เข้าเรื่อง
ทร. ออสเตรเลีย นี่ เขาเจอปุ๊บ จับ คน+ของกลาง แล้วก็จมเรือทันที คนถึงกลัวกัน มีแต่พวกสิ้นหนทางเท่านั้นที่กล้า
บันทึกการเข้า

จงหมั่นระลึกถึงความตาย เพราะเป็นวาระติดตัวเรามาตั้งแต่เริ่มปฏิสนธิ เมื่อถึงเวลาจักได้มีสติกับความตาย ยังให้เราระลึกถึงพุทธองค์และกำหนดจิตถึงภพภูมิใหม่ได้เมื่อวาระนั้นมาถึง ขอให้ทุกท่านพ้นอบายภูมิ เราได้มีเวลาเที่ยว หุ หุ
เบิ๊ด
สี่ดาวยังอยู่แค่เอื้อม
***
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 127



« ตอบ #13 เมื่อ: มีนาคม 25, 2009, 05:31:27 AM »

ใจร้ายมาก....
เศร้า
บันทึกการเข้า
แมลงปอ
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 681


« ตอบ #14 เมื่อ: มีนาคม 25, 2009, 07:28:39 AM »

 
บันทึกการเข้า
หน้า: [1] 2 3 4   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.318 วินาที กับ 20 คำสั่ง