Plateen
|
|
« เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2007, 04:50:48 AM » |
|
เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้วเจ้านายคนโตได้รับมอบหมายจากโรงเรียนให้หาข้อมูลทำรายงานเกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์บางกอก เลยเป็นอัน(จำเป็น)ต้องออกแรงช่วยหาข้อมูลไปเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้
ก่อนหน้านี้ก็เคยได้ทราบมาว่ามีพิพิธภัณฑ์ซึ่งทาง กทม. จัดไว้ให้เป็นแหล่งเรียนรู้และศึกษาข้อมูลสำหรับนักเรียนแต่ไม่เคยทราบว่าอยู่ที่ไหน แต่พอได้รู้และไปเยี่ยมชม พิโธ่เอ๋ย อยู่แค่ปลายจมูกผมนี่เอง แถวเจริญกรุง43 ตรงข้าม ปณ กลาง เข้าซอยไปนิดเดียว ลักษณะเป็นบ้านสมัยย่านนี้เริ่มเจริญขึ้นใหม่ๆแต่มีเรื่องราวน่าสนใจไม่น้อยเลย มาดูกัน
ติดตามให้ดี กระทู้นี้มีภาพปริศนาให้ทายกันตอนท้าย ตอบถูกมีของขวัญเล็กๆน้อยๆร่วมสนุกด้วยกันครับ
ข้อความต่อไปนี้คัดลอกจากเอกสารเผยแพร่ของ กทม.
สังคมไทยในทุกวันนี้กำลังประสบปัญหาอันเนื่องมาจากสภาวะโลกไร้พรมแดน ทำให้กระแสวัฒนธรรมตะวันตกและกระแสเทคโนโลยีหลั่งไหลมาสู่สังคมไทยอย่างรวดเร็วและเป็นจำนวนมาก ในขณะที่คนไทยยังขาดจุดยึดเหนี่ยวทางค่านิยมและเอกลักษณ์ของตนเองพร้อมที่จะเปิดรับอารยะธรรมใหม่ๆ โดยขาดการปรับใช้ให้เหมาะสมกับสภาพสังคมและวิถีชีวิตของตน การชื่นชมยินดีกับนวัตกรรมใหม่ตามแบบชาวต่างชาติทำให้คนไทยขาดสำนึกของความเป็นไทยขาดความภาคภูมิใจในค่านิยมไทยและที่สำคัญทำให้ขาดความเชื่อถือในภูมิปัญญาตามวิถีไทย
ทั้งนี้สาเหตุสำคัญประการหนึ่งน่าจะเกิดจากการที่สังคมไทยยังขาดแหล่งศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องสังคม วัฒนธรรม วิถีชีวิตของท้องถิ่น และภูมิกำเนิดของตนเอง ทำให้กระบวนการเรียนรู้ทางสังคมขาดความเชื่อมโยงจากฐานรากของสังคม ประชาชนเรียนรู้จากกระแสความนิยม และความสนใจส่วนบุคคล ขาดกระบวนการกลั่นกรองเพื่อปรับใช้ให้เหมาะสมสอดคล้องกับวิถีชีวิตดั้งเดิม นอกจากนี้ยังทำให้การพัฒนาทางสังคมขาดความต่อเนื่องและกลายเป็นสังคมที่ขาดเอกลักษณ์ของตนเองในที่สุด
ด้วยเหตุผลดังกล่าว กรุงเทพมหานครโดยสำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว จึงเห็นสมควรให้มีการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกรุงเทพมหานครขึ้นในทุกเขตพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นแหล่งรวบรวม เรียนรู้ มรดกทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาของผู้คนในแต่ละท้องถิ่นเผยแพร่แก่ประชาชน นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งเป็นนโยบายของ กทม.ในการที่จะพัฒนาให้ กทม.เป็นมหานครแห่งวัฒนธรรม โดยดำเนินการจัดสร้างพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกรุงเทพมหานครในปี2546แล้วจำนวน27แห่ง
สำหรับประวัติความเป็นมาของพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกรุงเทพมหานครเขตบางรัก หรือพิพิธภัณฑ์ชาวบางกอกมีดังนี้
พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก (Bangkok Folk's Museum) ได้จัดตั้งขึ้นตามวัตถุประสงค์และความตั้งใจของอาจารย์ วราพร สุรวดี ผู้เป็นเจ้าของซึ่งอยากจะจัดบ้าน และทรัพย์สินที่ได้รับมรดกจากมารดาคือ นางสอาง สุรวดี(ตันบุญเต็ก) ให้เป็นพิพิธภัณฑ์เพื่อให้เยาวชนคนรุ่นหลังและผู้สนใจได้ศึกษา
เมื่อ อ. วราพร จัดสิ่งของเสร็จได้ทำเรื่องยกบ้านหลังนี้ให้เป็นสมบัติของ กทม. หลังจากนั้น กทม. ได้จัดบริเวณชั้นสองของอาคารสาม เป็นนิทรรศการภาพรวมของ กทม.จากอดีตจนถึงปัจจุบัน เป็นส่วนหนึ่งของโครงการนำร่องสนองนโยบายการมีพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นของแต่ละเขต
การโอนกรรมสิทธิ์แก่ กทม.เสร็จสมบูรณ์เมื่อวันที่1 ตค. 2547 และ กทม.ได้เข้าบริหารจัดการเป็นต้นมา อาคารและวัตถุประสงค์ในการจัดแสดงบอกเรื่องราวเกี่ยวกับสภาพวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบางกอกที่มีฐานะปานกลางในช่วงก่อนและหลังสงครามโลกครั้งที่สองคือระหว่าง พศ.2480-2500
อาคารหลังที่1 เป็นอาคารที่ครอบครัวสุรวดีเคยใช้อยู่อาศัยแต่เดิมในอดีต โดยมารดาของ อ. วราพร สร้างขึ้นในปี พศ.2480 ลักษณะเป็นสถาปัตกรรมที่ได้รับอิทธิพลมาจากตะวันตกซึ่งเป็นที่นิยมในยุคนั้น คือเป็นอาคารไม้สองชั้น หลังคาเป็นทรงปั้นหยามุงกระเบื้องว่าวสีแดง ผนังอาคารสร้างด้วยไม้ทาสีเลียนแบบผนังก่ออิฐถือปูนฝีมือช่างชาวจีนเป็นผู้ก่อสร้างที่เรียกกันว่าทรงปั้นหยารุ่นปลาย โดยลวดลายฉลุลายที่ชายคาออกงบประมาณในการก่อสร้าง2,400บาท และต่อมาได้มีการก่อสร้างเพิ่มเติมภายหลังในปี พศ.2503
หน้าทางเข้าตั้งแต่เปิดประตูใหญ่หน้าบ้านเข้าไป
|
|
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กรกฎาคม 11, 2007, 07:51:11 AM โดย Plateen »
|
บันทึกการเข้า
|
For God so loved the world, that he gave his only begotten Son, that whosever believeth in him should not perish, but have everlasting life[John3:16]
|
|
|
Plateen
|
|
« ตอบ #1 เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2007, 04:52:13 AM » |
|
ตัวอาคารบ้านซ่อนตัวอยู่ในหมู่ต้นไม้ร่มรื่น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
For God so loved the world, that he gave his only begotten Son, that whosever believeth in him should not perish, but have everlasting life[John3:16]
|
|
|
Plateen
|
|
« ตอบ #2 เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2007, 04:53:45 AM » |
|
ชานบันไดเข้าบ้าน ตามผมมาครับเข้าไปดูข้างในกัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
For God so loved the world, that he gave his only begotten Son, that whosever believeth in him should not perish, but have everlasting life[John3:16]
|
|
|
Plateen
|
|
« ตอบ #3 เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2007, 04:55:50 AM » |
|
ชานพักหน้าบ้าน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
For God so loved the world, that he gave his only begotten Son, that whosever believeth in him should not perish, but have everlasting life[John3:16]
|
|
|
Plateen
|
|
« ตอบ #4 เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2007, 04:57:11 AM » |
|
ห้องรับแขก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
For God so loved the world, that he gave his only begotten Son, that whosever believeth in him should not perish, but have everlasting life[John3:16]
|
|
|
Plateen
|
|
« ตอบ #5 เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2007, 04:59:42 AM » |
|
ห้องอาหาร มีทีวีรุ่นเก่า ภาพไม่ค่อยคมนัก ผมไม่ใช้แฟรชเพราะไม่ต้องการให้จอซึ่งเป็นแก้วสะท้อนแสงขาวเป็นปื้น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
For God so loved the world, that he gave his only begotten Son, that whosever believeth in him should not perish, but have everlasting life[John3:16]
|
|
|
Plateen
|
|
« ตอบ #6 เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2007, 05:01:16 AM » |
|
มุมมองจากหน้าต่างในบ้านสู่ภายนอก
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
For God so loved the world, that he gave his only begotten Son, that whosever believeth in him should not perish, but have everlasting life[John3:16]
|
|
|
Plateen
|
|
« ตอบ #7 เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2007, 05:03:14 AM » |
|
จากนอกบ้าน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
For God so loved the world, that he gave his only begotten Son, that whosever believeth in him should not perish, but have everlasting life[John3:16]
|
|
|
Plateen
|
|
« ตอบ #8 เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2007, 05:06:13 AM » |
|
ขึ้นไปดูชั้นสองกัน บันไดมีประตูกันตก ภาพนี้ทำให้ผมคิดถึงบ้านเก่าสมัยเด็กมีแบบนี้เหมือนกันเปี๊ยบ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
For God so loved the world, that he gave his only begotten Son, that whosever believeth in him should not perish, but have everlasting life[John3:16]
|
|
|
Plateen
|
|
« ตอบ #9 เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2007, 05:09:00 AM » |
|
โต๊ะเครื่องแป้งในห้องนอน จัดวางข้าวของเครื่องใช้ไว้ราวกับยังมีคนอาศัยอยู่ และตู้เซฟรุ่นเก่า
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
For God so loved the world, that he gave his only begotten Son, that whosever believeth in him should not perish, but have everlasting life[John3:16]
|
|
|
Plateen
|
|
« ตอบ #10 เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2007, 05:10:45 AM » |
|
เตียงแบบมีประทุนพร้อมโคมตะเกียงหัวเตียง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
For God so loved the world, that he gave his only begotten Son, that whosever believeth in him should not perish, but have everlasting life[John3:16]
|
|
|
Plateen
|
|
« ตอบ #11 เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2007, 05:12:50 AM » |
|
ห้องนอนใหญ่ โต๊ะเครื่องแป้งแบบมีกระจกสามด้านอยู่อีกมุมของห้อง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
For God so loved the world, that he gave his only begotten Son, that whosever believeth in him should not perish, but have everlasting life[John3:16]
|
|
|
Plateen
|
|
« ตอบ #12 เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2007, 05:15:33 AM » |
|
โต๊ะอ่างล้างหน้าโกนหนวดแบบตะวันตก และตู้เก็บเครื่องเรือนเดิมของเจ้าของบ้าน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
For God so loved the world, that he gave his only begotten Son, that whosever believeth in him should not perish, but have everlasting life[John3:16]
|
|
|
Plateen
|
|
« ตอบ #13 เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2007, 05:17:37 AM » |
|
บรรยากาศทั่วไปบริเวณชั้นสอง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
For God so loved the world, that he gave his only begotten Son, that whosever believeth in him should not perish, but have everlasting life[John3:16]
|
|
|
Plateen
|
|
« ตอบ #14 เมื่อ: กรกฎาคม 11, 2007, 05:19:45 AM » |
|
มองจากหน้าต่างชั้นสองลงมายังสวน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
For God so loved the world, that he gave his only begotten Son, that whosever believeth in him should not perish, but have everlasting life[John3:16]
|
|
|
|