กระดานข่าว Save Our Sea.net
พฤศจิกายน 14, 2025, 12:47:27 AM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8 ... 10   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: คุณคิดอย่างไรกับการให้สัมปทานเอกชนเข้าไปจัดการการท่องเที่ยว 10 อุทยานแห่งชาติ  (อ่าน 74515 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Bluefin
ตอบกระทู้เยอะ ๆ จะได้ 2 ดาว
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 47



เว็บไซต์
« ตอบ #75 เมื่อ: กันยายน 03, 2008, 06:14:04 AM »

พี่สองสายครับ ผมว่าคนในสังคมอีกเป็นจำนวนมากยังไม่ทราบข่าวการพยายามฮุบอุทยานแห่งชาตินี้ครับ เพราะไม่ว่าลองคุยเรื่องนี้กับใครต่างก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่ายังไม่รู้ แต่พอรู้สิ่งแรกที่ทุกคนแสดงเหมือนๆกันคือไม่เห็นด้วย เพราะชื่ออุทยานแห่งชาติก็บอกอยู่แล้วว่า แห่งชาติ ของชาติ มิใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง ผมว่าหากเราต้องการแนวร่วมมากๆ ควรทำอีเมล์ขึ้นฉบับหนึ่ง และให้สมาชิกช่วยกัน ส่งต่อๆกันไป จากหนึ่งก็จะเป็นสิบ สิบเป็นร้อย ร้อยเป็นพัน พันเป็นหมื่น เหมือนวงน้ำที่กระจายออกไป และเมื่อนั้นคำว่า ปาติหาน แบบในโฆษณา คงมีแก่ประเทศไทยครับ ช่วยๆกันครับ สมบัติชาติ ของแผ่นดิน ต้องถูกปกป้องคุ้มครอง ต้องมิใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง

อย่าให้นักการเมืองยึดเอาไป 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 03, 2008, 07:11:10 AM โดย สายน้ำ » บันทึกการเข้า
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #76 เมื่อ: กันยายน 03, 2008, 06:57:47 AM »


ดีครับ .... ช่วยๆกันคนละไม้คนละมือ

ทำเป็น link ให้เข้ามาอ่านในกระทู้นี้ก็ได้ครับ ทั้งข่าวและข้อมูลที่หาได้จากภายนอก  ถ้ามีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมมาอีก ผมก็จะนำมาโพสต์ไว้ในนี้แหล่ะครับ

และต้องขออนุญาตน้อง Bluefin ที่ตัดช่วงสุดท้ายออกไปนะครับ เพราะข้อความตอนนั้นอาจจะถูกใจหลายคน แต่ก็อาจจะผิดใจหลายๆคนได้อีกเหมือนกัน .... มันแวะเข้าไปหาการเมืองมากไปนิด เรามาโฟกัสกันอยู่ในเรื่องปกปักษ์รักษาอุทยานฯของเราเอาไว้ กันดีกว่านะครับ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: กันยายน 03, 2008, 07:14:25 AM โดย สายน้ำ » บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
Bluefin
ตอบกระทู้เยอะ ๆ จะได้ 2 ดาว
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 47



เว็บไซต์
« ตอบ #77 เมื่อ: กันยายน 03, 2008, 01:18:37 PM »

ยินดีครับ พี่สายน้ำ ช่วยๆกันนะครับเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ
บันทึกการเข้า
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #78 เมื่อ: กันยายน 04, 2008, 01:30:19 AM »


ให้เอกชนเช่าอุทยานฯ : ขายฝัน ขายท่องเที่ยว หรือขายป่า???                         :                    ปิ่น บุตรี



      แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติบ้านเรา อาทิ ป่าเขา ดงดอย เถื่อนถ้ำ น้ำตก ทะเล ส่วนใหญ่ล้วนอยู่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ
       
       แต่จู่ๆกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ก็งานเข้า ด้วยการออกมาประกาศว่า จะ(นำร่อง)เปิดอุทยานแห่งชาติชื่อดัง 10 แห่ง ประกอบด้วย อุทยานฯเขาใหญ่ ห้วยน้ำดัง ดอยอินทนนท์ หมู่เกาะสิมิลัน หมู่เกาะสุรินทร์ ภูกระดึง ดอยสุเทพ-ปุย แก่งกระจาน เอราวัณ และอุทยานฯดอยผ้าห่มปก ให้เอกชนเข้ามาสัมปทานบริหารจัดการพื้นที่ถึง 30 ปี
 
     
       ขายฝัน...
       
       วิชิต พัฒนโกศัย รองอธิบดีกรมอุทยานฯ ในฐานะประธานคณะทำงานการท่องเที่ยวและการลงทุนดำเนินกิจกรรมในอุทยานแห่งชาติ เปิดเผยว่า กรมได้วางหลักการเบื้องต้นในเรื่องนี้ไว้ 3 ประเด็นหลักๆด้วยกัน คือ ประเด็นสิ่งแวดล้อมจะต้องมีการจัดการอย่างมืออาชีพและยั่งยืน ประเด็นทางสังคม ต้องให้ประชาชนทั่วไปเข้าถึงบริการอย่างเป็นธรรม และประเด็นเศรษฐกิจ ต้องสร้างรายได้ให้เกิดขึ้นกับชุมชนในพื้นที่
       
       ส่วนกรณีที่กลัวว่าเอกชนที่ได้รับสัมปทานเข้าดำเนินกิจกรรมในอุทยานฯจะเข้าไปทำลายธรรมชาติและป่านั้น วิชิต บอกว่า คิดว่าขณะนี้ความคิดของนักธุรกิจเปลี่ยนแปลงไปแล้ว นักธุรกิจยึดถือเรื่องสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ เพราะกระแสโลกกระแสสังคมกำลังให้ความสำคัญเรื่องนี้
       
       ครับ ในเรื่องนี้ดูผ่านๆฟังเผินๆก็ดูดี เพราะหากว่ากันตามเนื้อผ้าแล้วบ้านเรา เอกชนมักจะบริหารจัดการดีกว่าราชการเสมอ แต่กระนั้น จากประวัติที่ผ่านๆมา เอกชนที่มารับสัมปทานระยะยาวจากภาครัฐส่วนมากมักเป็นกลุ่มทุนนักการเมือง กลุ่มทุนสามานย์ที่พร้อมจะจ่ายใต้โต๊ะอยู่ทุกเมื่อเพื่อให้ตนเองได้สัมปทาน
       
       นั่นจึงเป็นข้อกังขาให้ผู้นิยมไพรคัดค้านและตั้งคำถามว่า เมื่อเป็นเช่นนี้ เราจะรับประกันได้อย่างไรว่า ทุนที่เข้ามาจะไม่ทำลายป่า ทำลายสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติเพิ่มขึ้น พวกเขาจะไม่ขึ้นค่าที่พัก ค่าเหยียบอุทยานฯ ให้เราๆท่านๆต้องจ่ายแพงขึ้น จนไม่สามารถเที่ยวได้ในอุทยานฯบางแห่งเพราะราคาโคตรแพง (ต้องไม่ลืมว่าบรรดานักธุรกิจที่พร้อมจะทำสัมปทานกับรัฐในบ้านเรามักจะคิดแต่กำไรสูงสุดเป็นที่ตั้ง เพราะเงินส่วนหนึ่งต้องนำไปเลี้ยงนักการเมืองและข้าราชการกังฉิน)
       
       รวมถึงการดำเนินการอื่นๆที่ไม่โปร่งใส เพราะแค่ยังไม่ทันเริ่มต้นโครงการอย่างเป็นทางการก็มีข่าวออกมาแล้วว่า ได้มีการต่อรองราคาที่ดินที่ทางกรมอุทยานฯกำหนดราคาค่าเช่าไว้ตารางเมตรละ 30 บาท หรือไร่ละ 4.8 หมื่นบาทต่อเดือน ให้ลดลงเหลือตารางเมตรละ 3 บาทเท่านั้น ทั้งๆที่ยังไม่มีการเปิดประมูลอย่างเป็นทางการแต่อย่างใด
 
     
       ขายท่องเที่ยว
       
       สำหรับการเปิดสัมปทานอุทยานฯนั้น ประเด็นหลักก็เพื่อผลประโยชน์ทางการท่องเที่ยว ซึ่ง อนงค์วรรณ เทพสุทิน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้เผยถึงเรื่องนี้ว่า การอนุญาตให้เอกชนดำเนินการบริการท่องเที่ยว เกิดจากแนวคิดจะช่วยหารายได้มาช่วยเศรษฐกิจของประเทศ เพราะขณะนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวจำนวนมากที่น่าจะนำมาอวด และนำมาเผยแพร่ให้คนทั่วไปรับรู้รับทราบ ดีกว่าปล่อยเอาไว้ให้เสื่อมโทรมและบางพื้นที่ก็ถูกบุกรุกเสียหาย
       
       เรียกว่าให้เอกชนเข้ามารับสัมปทานประกอบธุรกิจท่องเที่ยว ทำ ที่พัก โรงแรม ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก รวมถึงการจัดกิจกรรมทางการท่องเที่ยวอื่นๆ ซึ่ง ดร.ศักดิ์อนันต์ ปลาทอง อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า
       
       " พื้นที่เหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นที่พักชั่วคราวที่อุทยานไปรักษาไว้ แต่ตอนนี้กำลังจะถูกเลือกให้เป็นจุดที่มีศักยภาพและจะทำรายได้สูงในแง่ของการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าชาวบ้านคงไม่ยอม เพราะที่ผ่านมาอุทยานฯพยายามผลักดันชาวบ้านออกมาจากพื้นที่ แต่กลับจะเปิดให้เอกชนมาแทนที่ นอกจากนี้โดยส่วนตัวก็เป็นห่วงมาก เพราะถ้าดูจากวิธีใช้พื้นที่อุทยานมาทำเขตบริการ กำลังเลือกจุดที่เปราะบางที่สุด โดยไม่ได้อิงข้อมูลทางวิชาการ แต่อิงความสวยงามมาเป็นหลัก ซึ่งเรื่องนี้นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมกำลังคุยกัน เพราะไม่ค่อยเห็นด้วย เพราะถ้ายิ่งบนเกาะมีสิ่งปลูกสร้างถาวรเมื่อใด ปัญหาจะตามมาอีกมากมายแน่นอน"
       
       เรื่องนี้ทำให้ผมอดคิดถึงเขาใหญ่เมื่อประมาณ 20 ปี ที่แล้วไม่ได้ ในยุคนั้นเขาใหญ่ได้เปิดให้เอกชนไปทำโรงแรม สนามกอล์ฟ ที่พบว่ามีผลกระทบต่อผืนป่าและสัตว์ป่าอย่างใหญ่หลวง ทั้งเรื่อง ขยะ น้ำเสีย และอื่นๆ จนเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เขาใหญ่ในยุคนั้นไม่ได้รับการพิจารณาให้เป็นมรดกโลก ซึ่งสุดท้ายก็ต้องยกเลิกไป ทำให้พื้นที่สนามกอล์ฟกลับกลายเป็นแหล่งอาหารสำคัญของเหล่าเก้ง กวาง และทำให้ป่าเขาใหญ่-ดงพญาเย็นได้รับการประกาศเป็นมรดกโลกในกาลต่อมา
       
       นอกจากนี้จากการไปเที่ยวป่า เขา ทะเล ตามอุทยานฯต่างๆ ผมพบว่าหลายๆอุทยานฯมีการบริหารจัดการที่ดีไม่แพ้เอกชน จนบางอุทยานฯได้รับการการันตีคุณภาพด้วย“รางวัลกินรี” ของททท. อาทิ อช. เอราวัณ อช.แก่งกระจาน อช.เขาสก อช.ตาดโตน อช.ผาแต้ม เป็นต้น
       
       แถมอุทยานฯหลายแห่งยังมีสิ่งเหนือกว่าเอกชน(ส่วนใหญ่) ที่มีการเเบ่งพื้นที่ให้คนท้องถิ่นเข้ามาขายของ มีเจ้าหน้าที่สื่อความหมายซึ่งมาคอยพาเที่ยวและให้ความรู้ควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ พร้อมประสบการณ์จริงจากป่าไพรได้อย่างยอดเยี่ยม ชนิดที่ไกด์ท่องตำราได้แต่มองตาปริบๆ
       
       แล้วทำไมทาง ทส. ไม่ ยึดอุทยานฯเหล่านั้นเป็นต้นแบบ พร้อมเพิ่มงบประมาณด้านการดูแล อนุรักษ์ พัฒนา และบริหารจัดการอุทยานฯลงไป
       
       เอ...หรือว่างบประมาณเพิ่มไปแล้ว แต่ว่าไปตกหล่นเข้ากระเป๋าใครในระหว่างทาง ทำให้พิทักษ์ป่าวันนี้ยังเดินถือปืนเก่าๆขึ้นสนิม ออกลาดตระเวน ที่หากว่าวันใดโชคร้ายปะทะกับพวกลักลอบตัดไม้ล่าสัตว์ในป่าที่มีอาวุธทันสมัยครบมือแล้วละก้อ งานนี้คงเดาได้ไม่ยากว่าบทสรุปจะเป็นอย่างไร
 
     
       ขายป่า
       
       ไม่รู้มันเป็นความบังเอิญหรืออย่างไร ที่ 10 อุทยานฯดัง ซึ่งมีแผนเปิดให้เอกชนเช่านั้น เป็นอุทยานฯชุดเดียวกันกับ 10 อุทยานฯ ที่ทางกรมอุทยานฯประกาศจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 51 ที่ผ่านมา เพื่อแก้ปัญหานักท่องเที่ยวล้นอุทยานฯจนเกินขีดความสามารถ
       
       เรื่องนี้หากว่ากันตามหลักการถือเป็นเรื่องดีที่ควรส่งเสริม แต่ก็มีบางคนตั้งข้อสังเกตว่า นี่อาจจะเป็นแผนการค่อยๆผลักดันนักท่องเที่ยวทั่วไปออกจาก 10 อุทยานฯ ดัง(ที่ไม่ใช่อุทยานฯที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเยอะเป็น 10 อันดับแรกของเมืองไทย) แล้วเปิดโอกาสกลุ่มทุนเข้ามายึดครองโดยอ้างว่าสถานที่เต็ม แต่ที่จริงแล้วอุทยานฯดังๆเหล่านั้น มันเต็มเพราะเอกชนผู้สัมปทานกันไว้ให้นักท่องเที่ยวของตนต่างหาก
       
       ยกตัวอย่าง สมมติในอนาคตเราจะขับรถขึ้นไปกางเต็นท์บนเขาใหญ่ อาจถูกทางอุทยานฯเขาใหญ่อ้างว่าที่พักเต็มเราไม่สามารถพักค้างได้ ทั้งนี้ก็เพื่อเปิดโอกาสให้กับนักท่องเที่ยวที่ยอมจ่ายแพง จองที่พักหรือซื้อแพ็คเกจที่อยู่ในการดูแลของเอกชนที่กรมอุทยานฯเปิดให้เช่าเพื่อจัดการการท่องเที่ยว
       
       เรียกว่าเข้าทางเขาพอดี เพราะงานนี้หลายอย่างมันช่างดูสอดคล้องและบังเอิญอย่างร้ายกาจจริงๆ
       
       ส่วนที่ไม่บังเอิญก็คือ ตั้งแต่มีการจัดตั้งอุทยานฯแห่งแรก(เขาใหญ่)ขึ้นในปี พ.ศ.2505 โดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อการปกป้องดูแลรักษาป่า มาวันนี้ 46 ปีแล้ว ดูเหมือนว่าจำนวนผืนป่าก็ยังลดลงอย่างต่อเนื่อง แถมล่าสุดนี่กรมอุทยานฯยังคิดจะเปิดป่าให้เอกชนเช่าเสียอีก
       
       กรณีอย่างนี้หลายคนๆแถวบ้านผมเขาเรียกว่าพวก“ขายป่ากิน” น่ะคร้าบพี่น้อง
       
       แต่ว่าเขาจะขายป่าเพื่อสิ่งที่ดีกว่า ขายป่าเพื่อธุรกิจท่องเที่ยว หรือขายป่าเพื่อผลประโยชน์ของใคร??? งานนี้คงต้องติดตามอย่ากระพริบตา ซึ่งคิดๆแล้วมันก็น่าเศร้าใจแทนบรรดาพนักงานพิทักษ์ป่าชั้นผู้น้อยตามอุทยานๆต่างๆ ที่เฝ้าเพียรปกป้องดูแลรักษาป่า ด้วยจิตใจอันมุ่งมั่น รวมถึงพยายามบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์แห่งการอนุรักษ์ธรรมชาติ อนุรักษ์ป่า ควบคู่ไปกับการพัฒนาสู่อนุชนคนรุ่นหลัง
       
       ผิดกับคนระดับผู้นำอุทยานฯที่กระทำการในสิ่งตรงกันข้าม
       
       หากสภาพการณ์ยังคงเป็นไปในอีหรอบนี้ ต่อให้มีคนแบบ สืบ นาคะเสถียร อีกพันคน หมื่นคน ป่าไม้ไทยก็ยังคงเผชิญวิบากกรรมไม่ต่างไปจากเดิมเท่าไหร่





จาก                          :                    ผู้จัดการออนไลน์     วันที่ 3 กันยายน 2551
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
เต้าหู้สด
ตอบกระทู้เยอะ ๆ จะได้ 2 ดาว
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1


« ตอบ #79 เมื่อ: กันยายน 04, 2008, 03:19:22 PM »

ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง  ถ้าผืนป่า ผืนแผ่นดินไทยรัฐบาลดูแลเองไม่ได้ก็ไม่น่าจะทำงานต่อไปนะ
บันทึกการเข้า
frappe
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1114



« ตอบ #80 เมื่อ: กันยายน 06, 2008, 02:44:58 AM »

เพิ่งไปค้นรูปเก่าๆเจอ รูปที่เข้ากับเรื่องนี้พอดี...


* Chaiyaphumi_0752.jpg (106.67 KB, 576x401 - ดู 481 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

มีใจเป็นมิตร มีจิตเป็นเพื่อน
frappe
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1114



« ตอบ #81 เมื่อ: กันยายน 06, 2008, 02:46:16 AM »

ไม่รู้ว่าต่อๆไปจะเหลือแค่นี้รึป่าว
หรือ ไม่เหลืออะไรเลย ....


* Chaiyaphumi_0799.jpg (106.31 KB, 576x401 - ดู 470 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า

มีใจเป็นมิตร มีจิตเป็นเพื่อน
แมลงปอ
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 681


« ตอบ #82 เมื่อ: กันยายน 06, 2008, 03:35:25 AM »

Frappe....ภาพโดนใจ....สวยด้วย 
บันทึกการเข้า
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #83 เมื่อ: กันยายน 09, 2008, 01:27:25 AM »


จับตาเปิดเช่าอุทยานฯ ฤาป่าไม้-ทะเลไทยจะฉิบหาย !!!


จุดชมวิว เกาะสิมิลัน

       จากกรณีที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ได้เสนอนโยบายเปิดให้เช่าพื้นที่อุทยานแห่งชาติทั้ง 10 แห่ง นำร่องให้เอกชนเข้ามาบริหารพื้นที่จัดบริการ
       
        ประกอบด้วย 1.อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ 2.อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง 3.อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ 4.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน 5.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ 6.อุทยานแห่งชาติภูกระดึง 7.อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย 8.อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน 9.อุทยานแห่งชาติเอราวัณ 10.อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก
       
       โดยจะให้เข้ามาดำเนินการโรงแรมและที่พักในเขตพื้นที่บริการเป็นระยะเวลา 5 - 30 ปี รวมทั้งให้บริการการท่องเที่ยว ซึ่งอ้างว่าต้องการความเป็นมืออาชีพมาบริหาร และทางกรมอุทยานแห่งชาติ ได้กำหนดราคาค่าเช่าพื้นที่เพื่อบริการไว้ตารางเมตรละ 30 บาท หรือไร่ละ 4.8 หมื่นบาทต่อเดือน
       
       แต่เอกชนมองว่าเป็นราคาที่สูงเกินไป จึงมีข่าวว่าเอกชนที่สนใจได้พยายามจะทำการต่อรอง(อย่างไม่เป็นทางการ)ให้ลดราคาลงเหลือแค่ตารางเมตรละ 3 บาททั้งที่ยังไม่มีการเปิดประมูล ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าเอกชนที่เข้ามาต้องอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และปลูกป่าเพิ่มเติม

   
ทะเลหมอก ห้วยน้ำดัง    
 
       กระแสดังกล่าวกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างถึงความเหมะสมและความเป็นไปได้ และเกิดคำถามว่ากรมอุทยานมีความจำเป็นแค่ไหนที่ต้องเปิดอุทยานให้เอกชนเข้ามาบริหาร
       
       นพรัตน์ นาคสถิตย์ กรรมการมูลนิธิสืบ นาคะเสถียร ที่ทางก่อนหน้านี้ได้ออกแถลงการณ์ คัดค้านนโยบายเปิดสัมปทานให้เช่าพื้นที่ป่าในนามมูลนิธิสืบ ไปแล้วนั้น ได้กล่าวว่า นโยบายให้เอกชนเช่ามีสาเหตุมาจากรัฐบาลมีเงินทุนน้อย เจ้าหน้าที่มีความรู้ต่ำ กรมอุทยานในยุคหลังเน้นเรื่องเศรษฐศาสตร์เป็นหลัก คิดว่าทรัพยากรที่มีคุณค่าน่าจะนำมาใช้เลยผลักดันนโยบายให้เช่าตรงนี้
       
       "การให้เช่าต้องทำกำไรเท่านั้น ถ้าเกิดเช่าแล้วรายได้ไม่ดีต้องเพิ่มยอด เขาต้องเร่งปริมาณไม่สนใจคุณภาพ อย่างที่อเมริกาทางกรมอุทยานที่นั่น เจ้าหน้าที่ต้องทำเรื่องขอซื้อสัมปทานคืน เมืองไทยเราทางกรมอุทยานเองไม่เคยมีแผนตั้งรับตัวนี้เลย ดังนั้นการที่อยู่ดีๆจะให้เอกชนเข้ามาเป็นเรื่องกะทันหันมาก นี่เป็นลักษณะของทางราชการไม่เคยคิดอะไรล่วงหน้า ไม่เคยเตรียมการ อาจจะเป็นเพราะระบอบทักษิณที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงราชการ ระบบล้มเหลวหมด"นพรัตน์กล่าว
       
       ความล้มเหลวของระบบข้าราชการมีแต่คนเก่าแก่ ทำให้ส่วนกลางที่เคยเป็นสุสานของคนไม่เอาไหน ถูกปรับเปลี่ยนในยุคทักษิณเปลี่ยนเอาคนระดับมันสมองเข้ามาเป็นหน่วยงานวานแผน ฉะนั้นความพร้อมในการตั้งรับจึงหายไป

   
โลกใต้ทะเลเกาะสุรินทร์  
 
       "ถ้าตรงนี้เกิดขึ้นมันจะอลหม่านเสียมากกว่าได้ ตอนนี้ก็ได้ข่าวว่าภาคเอกชนเขาแบ่งโควต้ากันหมดแล้วว่าใครจะเอาที่ไหนอย่างไร ในชุดนี้ถ้าไม่มีอะไรผลักดันมากก็ต้องหยุดทบทวน แต่ก็ไม่สมควรไว้วางใจอยากให้สังคมรับรู้ว่าฝ่ายธุรกิจเร่งใช้อุปกรณ์ทางธรรมชาติโดย"นพรัตน์กล่าวอย่างเป็นกังวล
       
       ขณะเดียวกันเขาก็มองว่า จุดประสงค์จริงๆเป็นการหาเงินให้ข้างบน เรื่องที่เสียที่สุดคือการบอบช้ำของทรัพยากร อย่างที่เขาหลวงพอชาวบ้านทำอีโคทัวร์เองชาวบ้านตัดทางเละ
       อย่างอุ้มผางที่ผู้ประกอบการทำทัวร์อิสระของจริงดูได้ที่อุ้มผาง ที่อุ้มผางเขาใช้เขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าอุ้มผางและเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าตะวันออกเป็นแหล่งทรัพยากรที่จะพานักท่องเที่ยวเข้าไปตรงนั้น มันจำกัดพอเอากฎระเบียบเข้าไปก็ประท้วง ประท้วงไม่พอก็เดินขบวนให้ผู้ว่าไล่ออกย้ายบ้าง มันก็มีปรากฏการณ์อย่างนี้ มันต้องดูความเป็นไปได้ของพื้นที่ทำได้มากน้อยแค่ไหน แล้วก็เอาข้อจำกัดของนิเวศป่าเป็นหลักอย่าให้กระทบกระเทือนหรือให้น้อยที่สุด
       
       อีกหนึ่งเสียงจากทางด้านของ นิพัทธ์พงษ์ ชวนชื่น เจ้าของเทรคกิ้งไทยดอทคอม เว็บไซต์ด้านการท่องเที่ยว กล่าวในฐานะนักท่องเที่ยวที่ติดติดตามเรื่องนี้ว่า ข่าวนี้ใช่ว่าเพิ่งจะเคยเกิดขึ้นมันเคยเกิดมาแล้วนานหลายปี ครั้งนั้นนโยบายก็ผ่านหายไป
       
       เขากล่าวว่า ในการท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ การพัฒนาเขตอุทยานจะเป็นการเก็บป่าไว้ทั้งผืน ตัวอุทยานตั้งอยู่รอบนอก มีผลดีทั้งในแง่ของการกระจายรายได้และผืนที่ป่าภายใน ทั้งในแง่ของความยุติธรรมที่มีถ้าเป็นแง่ธุรกิจ ในแง่ของสัมปทานไม่ว่าทางใดทางหนึ่งก็ตาม มักจะมีผลประโยชน์ตกอยู่กับคนแค่ไม่กี่กลุ่ม ยังไม่นับเรื่องของทรัพยากรที่ต้องใช้

   
น้ำตกเอราวัณ  
 
       "มันย้อนหลังไปเหมือนกรณีสนามกอล์ฟบนเขาใหญ่จนตอนนี้ไม่มีแล้ว นี่คือการรื้อฟื้น เป้าหมายจริงๆอยู่ที่ เกาะต่างๆมากกว่า 10 อุทยานเป็นเพียงเป้าหลอก อย่างที่เกาะเสม็ด เป็นต้น
       
       การประกาศอำนาจครอบคลุมสุ่มเสี่ยงต่อการใช้พื้นที่ไม่ถูกต้องสมมุติว่าเรามีผืนป่าอยู่ผืนหนึ่ง ผืนป่านี้แน่นอนว่าย่อมทำประโยชน์ได้มากกว่าตารางเมตรละ 30 บาทแน่นอน เมื่อนับมูลค่าของผืนป่า สรรพสิ่งที่เกิดจากต้นไม้ของป่าสร้างคุณค่าได้มากกว่าการนันทนาการ ถ้าจะหวังเรื่องการนันทนาการก็ออกมาตั้งรอบนอกอยู่แล้ว"นิพัทธ์พงษ์กล่าวแสดงความคิดเห็น
       
       ตอนนั้นแนวโน้มของโลกจะนำรีสอร์ทขนาดใหญ่ออกมาอยู่ข้างนอก แม้แต่กระแส "อีโคลอดจ์"ก็ไม่เห็นอยู่ข้างในจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียง แสงตะเกียง น้ำก็ต้องพอดีอาบ แต่บ้านเราคือย้อนกลับ ประเทศที่เคยนำเรื่องสัมปทานในอุทยาน เช่น คอสตาริกา แอฟริกา ปัจจุบันเขาถอยออกมาแล้ว เพราะเขาทราบว่ามันไม่คุ้ม
       
       "ต่างประเทศเขาเกิดปัญหาการร้องเรียน เรื่องความมีส่วนได้ ส่วนเสีย อยากได้สัมปทานภายในกลางป่า ก็มีผลประโยชน์เข้ามา ความจริงอุทยานแห่งชาติ เจ้าหน้าที่สมารถบริหารจัดการตัวเองได้อยู่แล้ว เพียงแต่มีบางอย่างไม่เอื้อเท่านั้นเอง ปูระบบนิดหน่อยก็บริหารจัดการเองได้แล้ว อันนี้เจ้าหน้าที่บอกมา เอกชนเข้ามาคิดว่าเรื่องเงินเป็นหลักอย่างเขาใหญ่จะทำอะไรก็คงลำบากอยู่แล้วเพราะติดเรื่องมรดกโลก เป้าจริงผมคิดว่าจะไปอยู่ที่พวกเกาะต่างๆมากกว่าซึ่งเขาจะไม่พูดถึงเลยเพราะว่าเป็นเป้าจริง"นิพัทธ์พงษ์กล่าว
       
       "โดยหลักแล้วการใช้ทรัพยากรมันไม่สอดคล้อง การเอาโรงแรม 4-5 ดาวไปใส่มันก็เหมือนเอาห้างสรรพสินค้าชั้นนำไปตั้งที่ทุ่งกุลาร้องไห้ ผมฟันธงว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของผลประโยชน์ 100 เปอร์เซ็นต์" นิพัทธ์พงษ์กล่าวทิ้งท้าย

   
เขาใหญ่    
 
       เช่นเดียวกันความเห็นของ ธรรมรัฐ สุขพินิจ รองประธานฝ่ายกิจกรรมชมรมนักนิยมธรรมชาติ ที่ทำงานด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติกว่า 20 ปี กล่าวถึงกรณีนี้ว่า สิ่งที่เขากลัวคือเมื่อเอกชนเข้ามาจะเน้นการท่องเที่ยวเอาประโยชน์กว่าการอนุรักษ์ และมองว่าเรื่องแบบนี้ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้น เคยเกิดขึ้นแล้วที่ "ภูกระดึง" ที่ให้เอกชนเข้ามาทำสัญญาเช่าทำบ้านพักบนภูกระดึง
       
       "ผมไม่เข้าใจว่าพ.ร.บ.ที่เขาจะประกาศออกมาจะเป็นยังไงแค่ไหน แต่ในฐานะคนท่องเที่ยว ผมก็กังวลว่าราคาการใช้บริการจะสูงขึ้น 10 อุทยานนี้ ผมมองว่าเอกชนน่าจะเลือกเข้าไปทำพื้นที่ที่เป็นจุดเด่นของที่นั่น แค่จะเข้าไปเที่ยวเราก็อาจจะต้องเสียค่าผ่านเข้าไปที่แพงกว่าเดิม"ธรรมรัฐกล่าวอย่างเป็นห่วง
       
       เขายังกล่าวต่อไปว่า เอกชนเมื่อเข้ามาจะต้องเน้นการขายบริการสูงสุด ไม่แน่ใจว่ารูปแบบจะเป็นยังไง บางคนก็กลัวว่าจะมีร้านสะดวกซื้อเข้าไป การพิจารณาจะพิจารณายังไงคนกันเองหรือเปล่าที่ได้ ตรงนี้ไม่แน่ใจว่าน่าจะขัดกับพ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติหรือเปล่า ฉะนั้นการจะเกิดขึ้นจึงไม่น่าจะง่ายนัก เพราะแนวคิดนี้ก็เกิดขึ้นมานานแล้วแต่ว่าก็ยังทำไม่ได้จริงจังสักที
       
       "ผมคิดว่าคงยังไม่เกิดในเร็วๆนี้ยังไงก็ไม่น่าจะเป็นรัฐบาลนี้ ส่วนตัวไม่เห็นด้วยเพราะเป็นสมบัติของแผ่นดิน"ธรรมรัฐ กล่าว

   
น้ำตกแม่ยะ อช.อินทนนท์   
 
       อีกหนึ่งเสียงจากแหล่งข่าวระดับสูงของกรมอุทยานรายหนึ่งได้เปิดเผยว่า การเปิดอุทยานให้เอกชนเช่า มีกำไร 100% แต่ก็มีผลกระทบเยอะ สิ่งที่ต้องสูญเสียไป คือ อุทยานต้องมีวิวทิวทัศน์มีอากาศจากธรรมชาติที่บริสุทธิ์ เอาธรรมชาติให้คนชื่นชม แต่เมื่อเอกชนเข้ามาจะต้องสูญเสียแหล่งท่องเที่ยว
       
       ผู้ประกอบการที่เป็นนักการเมือง นักธุรกิจการเมือง มักสร้างปัญหาที่ควบคุมไม่ได้ เมื่อไม่พอใจหัวหน้าอุทยานก็สั่งย้ายต่อไป พื้นที่นี้ก็จะถูกผูกขาดทำสัมปทานเป็นสิบๆปีแล้วจะเอาเขาออกจากตรงนี้ไม่ได้เลย สมมุติว่าทำ 30 ปีเดี๋ยวก็จะมีการต่ออายุสัญญาอีก 30 ปีแล้วก็ต่อไปเรื่อยๆเอาออกไม่ได้ ติดพวกอิทธิพล
       
       "แนวคิดนี้มีกลุ่มนักการเมืองจะเอา แล้วมาบีบอธิบดีฯให้เปิดทางให้ จริงๆแล้วกรมอุทยานไม่อยากจะเอา แต่โดนบีบคอ"แหล่งข่าวระดับสูงกล่าวถึงความเป็นไปของแผนการเปิดอุทยานให้กับเอกชนเข้ามาบริหาร ซึ่งดูเหมือนจะเป็นห่วงเป็นใยและหวาดระแวงกับการมาเยือนของเอกชนอยู่ไม่น้อย
       
       อย่างไรก็ตามแหล่งข่าวทั้งหมดต่างเห็นพ้องต้องกันว่า การเปิดอุทยานให้เช่าครั้งนี้ยังไงก็ไม่มีทางสำเร็จ เพราะจะได้รับการคัดค้านจากกลุ่มนักอนุรักษ์ แผนนี้เคยเกิดขึ้นแล้วและเจ๊งทุกราย ไม่รู้กี่สมัย ผ่านมาไม่ต่ำกว่า 3-4 ครั้ง ซึ่งก็ต้องรอลุ้นกันต่อไปว่าแผนการให้สัมปทานกับเอกชนครั้งนี้ จะเป็นรูปเป็นร่างหรือเป็นความฝัน(ค้าง)ของใครบางคนต่อไป แต่ถึงอย่างไรต่างก็ไม่อยากให้เน้นขายพื้นดินขายการท่องเที่ยวจนละเลยการอนุรักษ์ เพราะอาจจะนำมาสู่ความฉิบหายของทรัพยากรธรรมชาติ-ป่าไม้-ท้องทะเล ในเมืองไทยได้
 


จาก                          :                    ผู้จัดการออนไลน์     วันที่ 8 กันยายน 2551
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #84 เมื่อ: กันยายน 09, 2008, 01:29:28 AM »


วอนเปิดรับฟังทุกด้านก่อนให้เอกชนเช่าอุทยานฯ                                :                        สิรินาฏ ศิริสุนทร


แม้ว่าจะเป็นข่าวไม่เกรียวกราวเท่ากับความร้อนแรงของสองขั้วการเมือง ระหว่างรัฐบาลกับ กลุ่มพันธมิตร ที่จนถึงขณะนี้ ยังไม่รู้ว่าจะออกหัวหรือออกก้อย ว่า นายสมัคร  สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี จะยอมถอยด้วยการประกาศยุบสภา  ลาออก  พร้อมกันนี้ ห้าแกนนำพันธมิตรจะยอมมอบตัว เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในการตัดสิน...เรียกได้ว่าเครียดกันไปทั้งเมือง

ขณะที่การเมืองระดับประเทศ สังคมใจจดใจจ่อกับการภาวนาไม่ให้ความขัดแย้งที่เกิดขึ้น จบลงด้วยความรุนแรงหรือการเสียเลือดเสียเนื้อ  มุมเล็กๆ แถบชายฝั่งทะเลอันดามันเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ ต่างใจจดใจจ่อกับการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล  กับนโยบายเปิดให้เอกชนเช่าพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เรียกได้ว่า เครียดไม่แพ้การเมืองสองขั้วในระดับประเทศ

เนื่องจากข่าวดังกล่าว ไม่เป็นที่สนใจ  ครึกโครม มีเพียงความร้อนแรงในระดับพื้นที่ ซึ่งการรุกคืบ ต่อเนื่อง จากฝ่ายการเมืองแบบ ที่เรียกว่า ใครจะทะเลาะกับใคร ไม่สน แต่ โครงการเปิดเช่าอุทยานแห่งชาติ จะต้องเดินหน้าให้ทันในรัฐบาลนี้  จนน่าสงสัยว่านโยบายเปิดเช่าอุทยานฯ มีวาระผลประโยชน์ซ่อนเร้นเบื้องหลัง...ซึ่งว่ากันว่า เป็นใบสั่งทางการเมือง

ความน่าสงสัยดังกล่าว ดูจะตอกย้ำให้น่าเชื่อถือมากขึ้น เมื่อ นายวิชิต พัฒนโกศัย รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ในฐานะ ประธานคณะทำงานการท่องเที่ยวและการลงทุนดำเนินกิจกรรมในอุทยานแห่งชาติ  ออกมาระบุว่ามีภาคเอกชนจากกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรมนับ ร้อยรายสนใจที่จะลงทุน โดยเฉพาะอุทยานแห่งชาติทางทะเลอันดามัน  ไม่ว่าจะเป็น สิมิลัน  เกาะตะรุเตา

ท่าทีดังกล่าวไม่สนใจ ที่รับฟังเสียงคัดค้าน หรือ การเรียกร้องให้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากนักวิชาการ ผู้ประกอบการ เพื่อหาทางออกร่วมกัน  ด้วยว่าหลายฝ่ายยอมรับว่าการเปิดให้เอกชนเข้ามาดำเนินการกิจการอุทยานแห่งชาตินั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่ ในต่างประเทศ ก็เคยเปิดให้เอกชนดำเนินการมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น มาเลเซีย   อเมริกา  แต่ในต่างประเทศ มีเงื่อนไขและความโปร่งใส รวมถึงเอกชนที่จะเข้ามาดำเนินการจะต้องเป็นมืออาชีพเพียงพอ

ส่วน การเปิดเช่าอุทยานแห่งชาติของไทยนั้น ยังเต็มไปด้วย ความน่าสงสัย ไม่เปิดเผย รับรู้เพียงว่าระดับผู้บริหารกรมอุทยานแห่งชาติ บินสำรวจอุทยานทางทะเล พร้อมกับเสนอให้เอกชนเข้ามาลงทุน แบบชนิดที่เรียกว่า เอาทรัพยากรใส่พานไปถวายเอกชน  แต่การเปิดรับฟังความคิดเห็น หรือเปิดเผยแผนการดำเนินการทั้งหมดกลับไม่ชัดเจน  ไม่โปร่งใสเพียงพอ

ล่าสุด กลุ่มนักเที่ยวที่อดรนทนไม่ได้กับ พฤติกรรมไม่เปิดเผยข้อมูล ได้ร่วมกันตั้งกระทู้ประเด็น  "รุมทึ้ง 10 อุทยาน"  ในเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ในห้องบลูพลาเนต และร่วมกันลงชื่อ เพื่อจัดทำหนังสือ คัดค้านแผนนำเอกชนเข้ามาบริหารพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ซึ่งขณะนี้มีสมาชิกจำนวน 995 คนได้ร่วมลงชื่อแล้ว

หนังสือคัดค้านจะเสนอต่อนางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อยืนยันว่าการออกแผนการดังกล่าว เป็นไปเพื่อการพัฒนาอุทยานแห่งชาติของประเทศไทย จริงๆ แล้ว ก็ควรมีการชี้แจงเหตุผลที่จำเป็นต่อสาธารณะ และรับฟังเสียงตอบรับหรือคัดค้านจากสาธารณะ เพราะถือว่า พื้นที่ในอุทยานแห่งชาติของประเทศไทย เป็นของคนไทยทุกคน จึงควรจัดให้มีการประชาพิจารณ์ที่โปร่งใส ก่อนที่จะมีการออกเป็นนโยบาย หรือ กฎกระทรวงใดๆ

ไม่เพียงชาวเน็ตเท่านั้นที่ต้องการคำชี้แจงจาก กระทรวงทรัพยากรฯ หากหมายรวมถึงนักวิชาการ เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติระดับปฏิบัติที่อึดอัดไม่เห็นด้วย แต่ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้ ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะต้องเปิดประชาพิจารณ์ ต่อนโยบายดังกล่าว เพื่อรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายของสังคม เพื่อเป้าหมายในการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติเอาไว้อย่างยั่งยืน



จาก                          :                    กรุงเทพธุรกิจ     วันที่ 9 กันยายน 2551
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
ระมาด
ตอบกระทู้เยอะ ๆ จะได้ 2 ดาว
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 15


« ตอบ #85 เมื่อ: กันยายน 09, 2008, 07:21:07 PM »

ภาพจาก  รายการไทยมุง ของ TPBS
ได้นำเรื่องราว  การให้สัมปทานเอกชนเข้าไปจัดการการท่องเที่ยว นี้ 
มาคุยกันในรายการ  เมื่อช่วงเย็นวันอังคารที่ 9 กันยายน นี้  เวลา 17.00 - 18.00 น. ครับ

ชมรายการย้อนหลังได้ที่  http://www.udootv.com/2008/tv/

ซึ่งมีตัวแทน  จาก 4 ภาคส่วน มาร่วมรายการ ดังนี้

1. คุณนพดล  พฤกษะวัน  ผู้อำนวยการส่วนกิจกรรมพิเศษ  กรมอุทยานแห่งชาติฯ

2. คุณดวงกมล  จันสุริยวงศ์  นายกสมาคมไทยท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และผจญภัย

3. คุณศศิน  เฉลิมลาภ  เลขาธิการ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร

4. คุณดนัย  เทพธนวัฒนา  เครือข่ายประชาชนผู้คัดค้านการสัมปทานพื้นที่อุทยานแห่งชาติ


* 500P_TPBS09.JPG (87.99 KB, 550x412 - ดู 436 ครั้ง.)
บันทึกการเข้า
angel frog
อีกไม่กี่กระทู้ก็ได้5ดาวแล้วเร่งมือหน่อย
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 371


สุขก็ชั่วคราว ทุกข์ก็ชั่วคราว


« ตอบ #86 เมื่อ: กันยายน 10, 2008, 12:20:08 AM »

คนการเมืองเปลี่ยนแล้ว  ทุกอย่างน่าจะดีขึ้น  ....ไหมเนี่ยะ
บันทึกการเข้า
ระมาด
ตอบกระทู้เยอะ ๆ จะได้ 2 ดาว
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 15


« ตอบ #87 เมื่อ: กันยายน 10, 2008, 05:40:03 AM »

คงไม่หรอกครับ  เพราะจะว่าไปแล้ว  เป็นเพียงแค่การล้างไพ่ แล้วเริ่มต้นเล่นกันใหม่

ไม่มีไผ่ใบใดหายไปจากวง

ดีไม่ดีคนหน้าเดิมๆ จะกลับมาอยู่เหมือนเดิม  แล้วเรื่องเดิมๆ  ก็จะดำเนินต่อไปครับ

บันทึกการเข้า
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #88 เมื่อ: กันยายน 17, 2008, 01:49:27 AM »


เปิดเช่าอุทยานเจอต้าน ทส.ถอยอ้างแค่แนวคิดยังไม่ได้ศึกษาข้อเท็จจริง


อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์

   ทส.ถอยเปิดเช่าอุทยานหลังกลุ่มอนุรักษ์ยื่นเกือบ 4,500 รายชื่อต้าน อ้างแผนเปิดเช่นอุทยานเป็นเพียงแนวคิด ยังไม่ได้เริ่มต้นศึกษาข้อเท็จจริง และต้องเปิดประชาพิจารณ์
       
       กลุ่มคนรักษ์อุทยานฯ นำโดย เวทิดา พงษ์พานิช ,นิพัทธ์พงษ์ ชวนชื่น และตัวแทนจำนวน 15 คน จากสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย มูลนิธิสืบนาคะเสถียร สมาชิกจากเว็บบอร์ดต่างๆ บนอินเตอร์เน็ต ที่คัดค้านการเปิดให้เอกชนเข้าหาประโยชน์ในอุทยานแห่งชาติ ได้เดินทางมายื่นหนังสือให้กับ อนงค์วรรณ เทพสุทิน รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) โดยมี ศักดิ์สิทธิ์ ตรีเดช ปลัดทส.เป็นผู้รับหนังสือแทน
       
       เวทิดา กล่าวว่า หลังจากมีข่าวว่า อนงค์วรรณ มีแนวคิดในการเปิดสัมปทานให้เอกชนเข้ามาดำเนินการโรงแรมและที่พักในเขตอุทยานแห่งชาติชื่อดัง 10 แห่ง เป็นระยะเวลา 30 ปี ก็ได้ตั้งกระทู้เกี่ยวกับประเด็นนี้ในเว็บไซต์ชื่อดัง ปรากฏว่ามีนักท่องเที่ยว นักอนุรักษ์ และประชาชนทั่วไป แสดงความไม่เห็นด้วยเป็นจำนวนมาก จึงได้มีการหารือร่วมกันว่าควรจะต้องแสดงจุดยืนว่าไม่เห็นด้วยกับกรณีนี้ จึงได้ร่วมกันทำหนังสือคัดค้านการเปิดให้เอกชนเช่าพื้นที่ พร้อมกับรายชื่อผู้ไม่เห็นด้วยจำนวน 4,491 คนในเบื้องต้นมามอบให้กับทางทส. เพื่อทบทวนแนวคิดแล้ว และจะมีการล่ารายชื่อคัดค้านต่อ ไปเรื่อยๆ และหวังว่าทางทส.จะรับฟังความเห็นของภาคประชาชน
       
       ขณะที่ ตัวแทนกลุ่ม Trekkingthai.com กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นนักท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติมานานเกือบ 11 ปี ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งกับแนวคิดนี้ ถ้ารัฐเปิดช่องให้เอกชนทำอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ก็ทำให้พื้นที่ถูกคุกคามมากขึ้น เพราะปัญหาเอกชนเข้ารุกพื้นที่อนุรักษ์มีมานานแล้ว แต่รัฐยังไม่สามารถควบคุมหรือแก้ปัญหาได้ ขณะที่การอ้างว่าต้องการให้มีมืออาชีพมาบริหารจัดการนั้น ในต่างประเทศโดยเฉพาะแถบสแกนดินีเวีย และยุโรป เปิดให้เอกชนมาบริหารแต่ก็ให้อยู่รอบนอกของอุทยาน ไม่ใช่อยู่ในเขตอุทยานอย่างที่กรมอุทยานฯกำลังมีนโยบายในตอนนี้
       
       ด้านศักดิ์สิทธิ์ เผยพร้อมยืนยันหลังรับหนังสือคัดค้านว่า เรื่องเปิดเช่าอุทยานเป็นแค่เพียงแนวคิดที่อนงค์วรรณ ได้มอบให้ วิชิต พัฒนโกศัย รองอธิบดีกรมอุทยานฯประธานคณะทำงานการท่องเที่ยวและการลงทุนดำเนินกิจกรรมในอุทยานแห่งชาติ ศึกษาความเป็นไปได้เท่านั้น
       
       เนื่องจากการดำเนินการต้องคำนึงถึงกรอบกฎหมายทั้งกฎหมายอุทยาน และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งข้อคิดเห็นจากทุกภาคส่วนที่จะเข้ามาส่วนร่วม ไม่ใช่แค่เอกชนเท่านั้น แต่หมายถึงภาคประชาชนทุกฝ่าย ทั้งนี้ทางทส. พร้อมรับฟังข้อคิดเห็นจากทุกกลุ่ม แต่เนื่องจากยังไม่ได้ไปถึงขั้นตอนที่จะเปิดกว้างประชาพิจารณ์ในประเด็นนี้ หากจะดำเนินการต้องมีผลดีมากกว่าผลเสีย และไม่เปิดทุกแห่งอย่างแน่นอน



จาก                          :                    ผู้จัดการออนไลน์    วันที่ 16 กันยายน 2551
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #89 เมื่อ: กันยายน 18, 2008, 01:36:33 AM »


ทส.จัดพิจารณ์เซ้งอุทยานแห่งชาติ สร้างรีสอร์ท

นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า ทส.จะจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นกรณีเปิดให้เอกชนลงทุนเช่าพื้นที่อุทยานแห่งชาติ เพื่อก่อสร้างที่พักและรีสอร์ทให้นักท่องเที่ยวเป็นเวลา 30 ปี ในวันที่ 25 กันยายนนี้ ที่ห้องประชุมกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช คาดว่าจะรองรับคนได้เกือบ 200 คน

ผู้สื่อข่าวรายงาน ขณะนี้กลุ่มคนรักษ์อุทยานฯจะส่งรายชื่อผู้ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดเปิดอุทยานให้เอกชนเข้ามาดำเนินการ จำนวน 4,500 รายชื่อให้กับ ทส. และยังมีความเคลื่อนไหวในชมรม และกลุ่มองค์กรอื่นๆ อีกด้วย ล่าสุด www.saveoursea.net เว็บไซต์ของกลุ่มนักดำน้ำและนักท่องเที่ยวทางทะเล เตรียมนำรายชื่อผู้ไม่เห็นด้วยอีกกว่า 200 ราย ยื่นผ่านกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ในสัปดาห์หน้าด้วย



จาก                          :                    มติชน    วันที่ 18 กันยายน 2551
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: 1 ... 4 5 [6] 7 8 ... 10   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.026 วินาที กับ 20 คำสั่ง