กระดานข่าว Save Our Sea.net
พฤศจิกายน 13, 2025, 10:52:51 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 2 [3]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: ผลโลกร้อนทำ'ปะการังอ่อน'ตายเป็นแนวยาว 200 กม.  (อ่าน 19083 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #30 เมื่อ: พฤศจิกายน 07, 2007, 01:08:42 AM »

กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ได้ออกมาชี้แจงแล้วครับ .... ตามนี้



ทช.ยืนยันปะการังในแหล่งดำน้ำลึกจังหวัดกระบี –สตูล ยังสมบูรณ์อยู่

                   นางนิศากร โฆษิตรัตน์ อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง(ทช.) กล่าวว่าตามที่มีข่าวทางหนังสือพิมพ์เรื่องปะการังอ่อน และปลาการ์ตูนตายเป็นจำนวนมากที่หมู่เกาะลันตา เกาะรอก จังหวัดกระบี่ ไปจนถึงเกาะตะรุเตา จังหวัดสตูล นั้น

                   ทช.ได้สั่งการให้นักวิชาการสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเล และป่าชายเลน หาข้อมูลและสอบถามจากผู้ประกอบการธุรกิจดำน้ำในแถบจังหวัดกระบี่ที่ทำทัวร์ดำน้ำในแถบหมู่เกาะลันตา – หินแดง – หินม่วง แล้วในเช้าวันนี้ ได้รับทราบว่า ไม่มีวิกฤตการณ์ปะการังอ่อน และสัตว์น้ำตายเพิ่มเติมจากเดิมแต่อย่างใด วิกฤตการณ์ปะการังอ่อน และสัตว์น้ำตายได้เกิดขึ้นเมื่อตอนต้นปี 2550

                   สาเหตุหลักเนื่องจากมวลน้ำเย็นผุดมีปริมาณออกซิเจนต่ำมาก โดยวิกฤตการณ์นั้นได้สิ้นสุดลงแล้วตั้งแต่ช่วงนั้น ยังไม่พบวิกฤตการณ์สัตว์น้ำตายเกิดซ้ำ แหล่งที่เสียหายมากจากวิกฤตการณ์ตอนต้นปีคือที่กองหินม่วง ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการฟื้นตัว ซึ่งการฟื้นตัวของปะการังอ่อนที่หินม่วงสามารถเกิดได้ถ้าไม่มีผลกระทบรุนแรงเกิดซ้ำ เนื่องจากยังมีแหล่งกระจายพันธุ์จากหินแดงซึ่งอยู่ใกล้กัน ส่วนที่อื่นซึ่งได้รับผลกระทบตอนต้นปี เช่น หมู่เกาะห้าใหญ่ ก็ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้ตามปกติ เพราะผลกระทบเมื่อตอนต้นปีไม่รุนแรงมากนัก ยังมีรายงานเพิ่มเติมว่า ที่เกาะเชือก และเกาะแหวน ซึ่งอยู่ในเขตจังหวัดตรัง มีปะการังอ่อนลดลงบ้างเล็กน้อยในช่วงฤดูมรสุมนี้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติในแหล่งที่มีน้ำขุ่น



จาก               :              กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง   วันที่ 6 พฤศจิกายน 2550
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
แม่หอย
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1404



« ตอบ #31 เมื่อ: พฤศจิกายน 07, 2007, 01:33:02 AM »

  นั่น.. นั่น.. เฮ้อ..
บันทึกการเข้า
angel frog
อีกไม่กี่กระทู้ก็ได้5ดาวแล้วเร่งมือหน่อย
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 371


สุขก็ชั่วคราว ทุกข์ก็ชั่วคราว


« ตอบ #32 เมื่อ: พฤศจิกายน 07, 2007, 03:50:27 AM »

no comment
บันทึกการเข้า
สายชล
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8186


Saaychol


« ตอบ #33 เมื่อ: พฤศจิกายน 07, 2007, 04:01:21 AM »

เอิ้กกกกกก......
บันทึกการเข้า

Saaychol
Sri_Nuan.Ray
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1808



เว็บไซต์
« ตอบ #34 เมื่อ: พฤศจิกายน 07, 2007, 06:50:11 AM »

พี่น้อยจ๋า  น้องหารูปที่เคยถ่ายให้พี่น้อยดู ไม่เจอ  ต้องใช้เวลาอีกหลายวัน กว่าจะค้นเจอ...

ไม่แน่ใจว่าเซฟให้พี่น้อย หรือเปล่าจ๊ะ อยากเห็นอีกครั้งจ๊ะ  รบกวนพี่น้อย สำรวจหน่อยนะคะ ขอบพระคุณค่ะ
บันทึกการเข้า

~~~ หากเราหยุดนิ่ง ทุกอย่างที่ผ่านมา คือ อดีต.... ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อมันจะได้เป็นอดีตที่มีค่าแก่ ความทรงจำของเรา  ~~~
สายชล
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8186


Saaychol


« ตอบ #35 เมื่อ: พฤศจิกายน 07, 2007, 07:12:07 AM »

ไม่ได้ save ไว้จ้ะหนูติ่ง.....จำได้ว่า พี่ขอให้หนูมาโพสเล่าเรื่องประกอบภาพด้วยตัวเอง แต่หนูยุ่งๆอยู่เพราะต้องออกทริปติดๆกันเกือบทุกอาทิตย์

อย่าเป็นกังวลไปเลยจ้ะ....เดี๋ยวพี่จะลองถามผู้ที่ได้ไปเห็นภาพสะเทือนใจทั้งที่หินม่วง - หินแดง และหินแปดไมล์ดูนะคะ
บันทึกการเข้า

Saaychol
voldermort
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 564



เว็บไซต์
« ตอบ #36 เมื่อ: พฤศจิกายน 07, 2007, 07:18:58 AM »

ไม่มีวิกฤตการณ์ปะการังอ่อน และสัตว์น้ำตายเพิ่มเติมจากเดิมแต่อย่างใด วิกฤตการณ์ปะการังอ่อน และสัตว์น้ำตายได้เกิดขึ้นเมื่อตอนต้นปี 2550
นึกแล้วว่าสรุปจริงๆต้องมาอีหร่อบนี้ แล้วไม่รู้จะลงข่าวให้แตกตื่นทำไม 
บันทึกการเข้า
boat sick forever
ตอบกระทู้เยอะ ๆ จะได้ 2 ดาว
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 18


« ตอบ #37 เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2007, 04:02:53 PM »

อืมมมม ขนาดอยู่ที่สตูลยังหาโอกาสลงน้ำไม่ได้ซักแอะปีนี้มรสุมคาดเดายากเหลือเกิน แล้วเค้าเอาเวลาตอนใหนไปสำรวจกันน้อ ? แล้วเอาข้อมูลเมื่อไหร่มาเสนอเนี่ย? หมดมรสุมปีนี้ลองสำรวจดูใหม่นะครับเผื่อว่าที่ผ่านมาจะเป็นแค่ฝันร้าย
บันทึกการเข้า
สายชล
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8186


Saaychol


« ตอบ #38 เมื่อ: พฤศจิกายน 12, 2007, 05:22:10 PM »

อืมมมม.....เจ้าถิ่นมาพูดเองอย่างนี้แล้ว  น่าคิดค่ะ....น่าคิด....
บันทึกการเข้า

Saaychol
สายชล
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8186


Saaychol


« ตอบ #39 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2007, 04:57:41 AM »

มีนักดำน้ำเพิ่งไปดำน้ำที่หินม่วงหินแดงและเกาะห้าใหญ่มาเมื่อเสาร์ - อาทิตย์ ที่ผ่านมา ได้เล่าไว้ใน Pantip.com ว่าปะการังอ่อนเริ่มขึ้นที่หินม่วง เกาะห้าใหญ่ก็ยังสวยงามด้วยปะการังอ่อนอยู่ แถมแมนต้าก็ยังบินอยู่ที่หินม่วง

เห็นภาพและอ่านข้อความแล้ว ก็พอจะยิ้มได้.....

ลองไปเปิดดูที่นี่นะคะ http://www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E6013760/E6013760.html#20
บันทึกการเข้า

Saaychol
Sri_Nuan.Ray
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1808



เว็บไซต์
« ตอบ #40 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2007, 05:02:37 AM »

ดีใจจัง.... เริ่มฟื้นฟู กลับสู่สภาพแล้ว  อาจจะต้องรออีกสัก 1 ซีซั่น ผ่านไป
น่าจะดีกว่านี้....

พร้อมๆ กันนี้ อยากจะขอเตือน นักดำน้ำทุกทาน ว่า ขอความกรุณา ดูอย่างพิจารณา อย่าจับต้องเลยค่ะ
เก็บความสุข ทางสายตา ดีกว่านะคะ ขอบคุณในกความร่วมมือล่วงหน้าค่ะ
 
บันทึกการเข้า

~~~ หากเราหยุดนิ่ง ทุกอย่างที่ผ่านมา คือ อดีต.... ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อมันจะได้เป็นอดีตที่มีค่าแก่ ความทรงจำของเรา  ~~~
Sea Man
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 2208


ท้องฟ้า/ภูเขา/ป่าไม้/ทะเล


« ตอบ #41 เมื่อ: พฤศจิกายน 13, 2007, 11:10:33 AM »

""""" ............
บันทึกการเข้า

.....รู้จักคิด....ฟังความคิดผู้อื่น....พร้อมเปลี่ยนแปลง....ไปสู่สิ่งใหม่และดีกว่า.....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #42 เมื่อ: พฤศจิกายน 23, 2007, 12:20:43 AM »


คลื่นใต้น้ำ  (ของจริง)
 

 
คลื่นใต้น้ำแถบฝั่งอันดามัน เป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยที่ทำให้ปะการังบริเวณนั้นตาย นักวิทยาศาสตร์ยังไม่แน่ใจว่า สมบัติแห่งท้องทะเลเหล่านี้ จะกลับมาสร้างความตระการตาได้อีกครั้งหรือไม่ 


 -1-

 เสียงเครื่องยนต์เรือสำรวจสมุทรศาสตร์นาม "จักรทอง ทองใหญ่" เร่งเครื่องคำรามตึงตังหลังจากถอนสมอออกจากท่า ทั้งเรือ ลูกเรือ และนักวิจัยสมุทรศาสตร์มุ่งหน้าสู่ท้องทะเลสีน้ำเงินครามออกสำรวจตามภารกิจพิเศษ   


อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา

ห่างฝั่งออกมาได้สักพัก ดร.อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา นักสมุทรศาสตร์ ชี้ไปที่ริ้วคลื่นระยิบเล่นกับเปลวแดดห่างจากหัวเรือจักรทอง ทองใหญ่ไปราว 200 เมตร พลางบอกว่า "นั่นไง คลื่นใต้น้ำ" แฝงเร้นตัวอยู่ในทะเลอันดามัน

"คลื่นใต้น้ำในแถบทะเลอันดามันเป็นคลื่นขนาดใหญ่ สามารถสังเกตการเคลื่อนตัวของคลื่นใต้น้ำได้จากผิวน้ำ บริเวณนั้นจะมีลักษณะพื้นผิวน้ำที่มีระลอกคลื่นขนาดใหญ่กว่าบริเวณรอบ บางครั้งอาจสังเกตคล้ายกับมีคลื่นมีพรายฟองเดือด" ผู้อำนวยการศูนย์เครือข่ายงานวิเคราะห์วิจัยและฝึกอบรม การเปลี่ยนแปลงแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (START) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อธิบายคลื่นใต้น้ำของจริง

ดร.อานนท์ เป็นนักสมุทรศาสตร์ไทยคนหนึ่งที่สนใจศึกษาการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และทำวิจัยเก็บข้อมูลจากหลักฐานที่ได้จากท้องทะเล เขาขยายความเพิ่มเติมว่า คลื่นใต้น้ำเป็นคลื่นตามธรรมชาติที่เกิดจากแรงโน้มถ่วงของโลก ลักษณะของคลื่นมีความถี่ต่ำและสูงกว่าคลื่นที่พบที่ผิวน้ำ เป็นคลื่นที่เกิดระหว่างชั้นน้ำทะเลที่ความหนาแน่นแตกต่างกัน   
อานนท์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา
 

ทะเลที่ห่างจากชายฝั่งมีระดับน้ำที่ลึก เช่น บริเวณไหล่ทวีป จะพบว่าน้ำถูกแบ่งออกเป็นชั้น มวลน้ำที่พบที่บริเวณชั้นผิวน้ำ หรือ 20-150 เมตรโดยประมาณมีความเค็มอยู่ในช่วงประมาณ 32-33 ส่วนในพันส่วน

น้ำมีอุณหภูมิประมาณ 25-30 องศาเซลเซียส และมีปริมาณธาตุอาหารต่ำ  ต่างจากชั้นน้ำทะเลที่อยู่ลึกลงไปนั้น ความเค็มของน้ำทะเลจะสูงกว่าที่ชั้นผิวน้ำประมาณ 33-35 ส่วนในพันส่วน อุณหภูมิน้ำต่ำกว่า 20-25 องศาเซลเซียส และมีปริมาณสารอาหารที่สูง

"ลักษณะน้ำทะเลแบ่งเป็นชั้น เกิดจากระดับความเค็มต่อความลึกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เราเรียกชั้นน้ำนี้ว่า Pycnocline และคลื่นใต้น้ำจะเกิดขึ้นที่บริเวณชั้นน้ำนี้" ดร.อานนท์ สาธยายความ 

คลื่นใต้น้ำเกิดขึ้นได้ทุกแห่งทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นบริเวณฟลอริดาในมหาสมุทรแอตแลนติกฝั่งตะวันตก บริเวณทะเลจีนใต้ในมหาสมุทรแปซิฟิกฝั่งตะวันตก และทะเลอันดามัน

การเปลี่ยนแปลงของมวลน้ำที่ระดับความลึกเป็นผลมาจากอุณหภูมิของน้ำที่ลดลง ปรากฏการณ์ดังกล่าวอาจเกิดได้กับแหล่งน้ำจืดในทะเลสาบ ส่วนการเปลี่ยนแปลงในมหาสมุทรเกิดได้ทั้งจากอุณหภูมิและความเค็มของทะเล

สำหรับตัวเขาเองมองสาเหตุการตายของปะการังอ่อนที่เกาะลันตาเป็นผลกระทบจากคลื่นใต้น้ำ แต่ยังไม่อาจฟันธงได้แน่ชัดว่าเป็นผลพวงมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศโลกที่ทำให้อุณหภูมิของน้ำทะเลอุ่นขึ้น 



 "มีความเป็นไปได้ว่าการตายอย่างเฉียบพลันของปะการังอ่อนที่เกาะลันตามาจากคลื่นใต้น้ำที่ได้รับอิทธิพลจากลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงมาตั้งแต่ช่วงต้นปี เมื่อเกิดการกระเพื่อมของผิวน้ำ ชั้นน้ำที่อยู่ลึกและเย็นกว่าจะนำพามวลน้ำเข้าหาชายฝั่ง ปะการังมีความอ่อนไหวอยู่แล้ว พอโดนน้ำเย็นแบบฉับพลัน

บวกกับธาตุอาหารที่ปะปนเข้ามาจากทะเลลึกมีมาก มันก็ตาย" ดร.อานนท์ กล่าวและย้ำว่า

จำเป็นต้องศึกษาข้อมูลอย่างต่อเนื่องเพื่อหาสาเหตุที่ทำให้เกิดปะการังฟอกขาวบริเวณแหล่งดำน้ำที่มีชื่อเสียงของไทย ซึ่งอาจมีผลกระทบด้านการท่องเที่ยวตามมา 


-2-

  ดร.สมเกียรติ ขอเกียรติวงศ์ หัวหน้ากลุ่มงานสมุทรศาสตร์และสิ่งแวดล้อมทางทะเลและชายฝั่ง สถาบันวิจัยและพัฒนา ทรัพยากรทางทะเล ชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน เป็นผู้หนึ่งที่ติดตามปรากฏการณ์ทางสมุทรศาสตร์อย่างต่อเนื่อง

เขาเล่าว่า ช่วงตั้งแต่เดือนมกราคม-เมษายนพบแพลงก์ตอนเติบโตมากมายหลายแห่งแถบทะเลอันดามัน เช่น บริเวณนอกชายฝั่งทับละมุ เกาะพีพี เกาะเฮ 

ไม่เพียงเท่านั้นยังพบสัตว์ทะเลพวกปลาหน้าดินเกิดอาการช็อกตายจากคลื่นน้ำเย็นที่เข้ามาใกล้ชายฝั่ง เช่นเดียวกับปะการังอ่อนแถวกองหินม่วง กองหินแดงได้รับผลกระทบด้วยและตายเป็นจำนวนมาก

เนื่องจากสภาพแวดล้อมบริเวณที่ความลึก 20-30 เมตรมีอุณหภูมิน้ำราว 20-23 องศาเซลเซียส ซึ่งถือว่าผิดปกติ การตรวจสอบยังพบว่าปริมาณออกซิเจนละลายในน้ำใต้ทะเลต่ำมากเฉลี่ย 2 มิลลิกรัมต่อลิตร สัตว์น้ำชายฝั่งส่วนใหญ่ไม่สามารถดำรงชีวิตได้ 

"ปะการังอ่อนแถวสิมิลัน กองหินม่วง หินแดงตายมาตั้งแต่ช่วงต้นปี ช่วงมีนาคมที่ผ่านมา นักสมุทรศาสตร์จากต่างประเทศยังลงไปสำรวจพบว่าปะการังอ่อนมีสภาพสีจางลงและเฉาล้มตาย พบตั้งแต่ระดับความลึกมากกว่า 20 เมตร และมีอุณหภูมิน้ำ 23 องศาฯ"

ปกติแล้ว ปะการังจะเยียวยาตัวเองฟื้นคืนสภาพเดิมได้ แต่จนถึงเดือนพฤศจิกายน ปะการังอ่อนเหล่านี้ยังไม่ฟื้นตัว และคาดว่าอาจต้องใช้เวลาอีกนาน เนื่องจากเป็นกรณีแรกที่พบว่าปะการังอ่อนมีสภาพแบบนี้



ดร.สมเกียรติ กล่าวว่า คงต้องรอให้ธรรมชาติเยียวยาซึ่งยังไม่รู้ว่าต้องใช้เวลาอีกกี่ปี เฉพาะปะการังน้ำตื้นที่เกิดการฟอกขาวเนื่องจากทะเลอุ่นขึ้นเล็กน้อยยังใช้เวลานับ 10 ปี แต่ปรากฏการณ์ปะการังอ่อนตายจากน้ำเย็น

ครั้งนี้ เขายอมรับว่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่ยังไม่มีใครศึกษาจริงๆ และทีมสำรวจวางแผนว่าจะลงสำรวจอีกครั้งหลังจากมรสุมอ่อนกำลังลง

ถึงแม้จะมีความหวังว่า เวลาและธรรมชาติจะช่วยชุบชีวิตปะการังให้มีสุขภาพสมบูรณ์เป็นสินในน้ำอีกครั้ง แต่เมื่อพิจารณาจากภาพถ่ายดาวเทียมแล้วกลับยิ่งเพิ่มความวิตกให้เขามากขึ้น

หลักฐานจากภาพถ่ายดาวเทียมชี้ว่า สภาพท้องทะเลอันดามันมีคลื่นใต้น้ำอยู่ตลอดทั้งปี คลื่นจะเคลื่อนตัวจากนอกชายฝั่งทะเลอันดามันจากแนวหมู่ กาะนิโคบาร์ อันดามัน และทางเหนือของเกาะสุมาตราเข้าสู่ชายฝั่งของประเทศพม่า ไทย และมาเลเซีย มวลคลื่นเหล่านี้จะแตกตัวและนำน้ำใต้ทะเลลึกเข้ามาใกล้ชายฝั่งมาก

"ยิ่งน้ำลึกมากเท่าไรก็จะยิ่งมีอิทธิพลโดยขึ้นกับความสูงของคลื่น เราจำเป็นต้องติดตามปรากฏการณ์อย่างต่อเนื่องถึงช่วงต้นปี 2551 เพราะมีรายงานการเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า Positive Indian Ocean Dipole ในทะเลอันดามันต่อเนื่องมาตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนนี้ แต่อาจไม่แรงเท่ากับเหตุการณ์ช่วงต้นปีนี้ ประกอบกับเกิดลานีญาในมหาสมุทรแปซิฟิกด้วย


-3-

 ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ อาจารย์ภาควิชาวิทยาศาสตร์ทางทะเล คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า จากการสำรวจพบว่า ปะการังอ่อนน้ำลึกบริเวณเกาะหินม่วงนั้นตายเกือบหมด และในขณะที่ดำน้ำ ยังพบว่ามวลน้ำเย็นในบริเวณนั้น มีลักษณะเป็นเมือก


ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์

"น่าสังเกตว่า ปะการังอ่อนน้ำลึกที่จุดดำน้ำอื่นกลับไม่ตาย ถึงแม้จะได้รับอิทธิพลจากปรากฏการณ์น้ำเย็นนี้เหมือนกัน อย่างเช่น ปะการังที่หมู่เกาะสิมิลัน และกองหินริเชริว" ดร.ธรณ์ เล่าสิ่งที่ได้พบเห็นมากับตา

เขายังพบด้วยว่า ปลาการ์ตูนบริเวณนั้นมีจำนวนลดลงไปอย่างมาก ปลามีสภาพอ่อนแอ เมื่อปะการังอ่อนที่หินม่วงตายพบว่าเหลือแต่เพียงก้อนหิน และไม่พบสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นเหลืออยู่ เนื่องจากบริเวณนั้นเป็นบริเวณที่มีปัจจัยจำกัดเพราะเป็นบริเวณน้ำลึก และเป็นบริเวณที่ระบบนิเวศปะการัง

โดยทั่วไปเจริญเติบโตได้ยาก สำหรับปะการังอ่อนที่บริเวณหินแดงนั้น ไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากอยู่ในบริเวณที่น้ำตื้นกว่าบริเวณหินม่วง

"จากการถกปัญหาของผู้เชี่ยวชาญร่วมกัน พบว่าสาเหตุของเหตุการณ์นี้ ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดว่าเกิดจากสาเหตุใด เนื่องจากในระบบนิเวศของปะการังมีปัจจัยแวดล้อมทางกายภาพ ที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตและการสืบพันธุ์ของปะการังอ่อนหลายอย่าง ได้แก่ พายุและคลื่น กระแสน้ำ แสง สารอาหารในมวลน้ำ ตะกอน ความเค็ม และอุณหภูมิ"

ข้อมูลที่ตรวจวัดได้จากเครื่องมือวิทยาศาสตร์ในขณะเกิดเหตุ พอจะสรุปเบื้องต้นได้ว่ามีปัจจัยสำคัญ 2 ปัจจัยที่น่าจะเป็นสาเหตุของการตาย คือ อุณหภูมิของน้ำที่ลดลง และการลดลงของออกซิเจนละลายน้ำ ประเด็นปัญหาในขั้นต่อไปคือ อะไรเป็นสาเหตุที่ทำให้ปัจจัยทั้งสองนี้เกิดการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะต้องมีการศึกษากันโดยละเอียดต่อไป

"ประเด็นที่น่าสนใจขณะนี้ คือ เมื่อพื้นที่เกาะลันตา จังหวัดกระบี่ โดยเฉพาะบริเวณกองหินม่วง มีปะการังอ่อนตายหมด และกองหินแดงเหลือไม่ถึงร้อยละ 50 นั้น จะทำให้นักท่องเที่ยวลดน้อยลง และหันไปท่องเที่ยวในแถบฝั่งอันดามันเหนือ เช่น เกาะสิมิลัน เกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงา และบริเวณกองหินริเชริว ที่ยังมีปะการังอ่อนสวยงามอยู่มาก" ดร.ธรณ์ กล่าว

ปัจจุบัน นักท่องเที่ยวแถบอันดามันเหนือเพิ่มจำนวนขึ้นกว่าเท่าตัว เขาเสนอว่าแผนงานที่มีอยู่แล้วของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น การกำหนดปริมาณนักดำน้ำ ต้องนำมาใช้อย่างเข้มงวดและจริงจัง เพื่อควบคุมพื้นที่ที่ยังมีปะการังสวยงามให้เหลืออยู่และป้องกันการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต


ชีววิทยาของเจ้าปะการัง

 ดร.ธรรมศักดิ์ ยีมิน อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ผู้เชี่ยวชาญการศึกษาวิจัยด้านปะการัง ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับปะการังอ่อนว่า

ปะการังอ่อน จัดอยู่ใน Subclass Octocorallia ซึ่งสามารถแบ่งได้เป็นสามกลุ่มย่อย โดยกลุ่มแรกได้แก่กลุ่มปะการังสีน้ำเงิน กลุ่มที่สองได้แก่กลุ่มปะการังอ่อนและกัลปังหา และกลุ่มที่สามได้แก่กลุ่มปากกาทะเล

ส่วนปะการังที่สำรวจพบว่าเกิดปรากฏการณ์ฟอกขาวจัดอยู่ใน Family Neptheidae คุณสมบัติของปะการังอ่อน ที่แตกต่างจากปะการังที่เป็นที่รู้จักกันทั่วไป คือ ปะการังอ่อนจะไม่มีการสร้างโครงสร้างแข็งที่เป็นหินปูนขึ้น มีเพียงการสร้างองค์ประกอบพวก calcite (sclerite) ในเนื้อเยื่อ

         เมื่อปะการังอ่อนตายจะหลุดสลายไปหมด ไม่เหลือโครงสร้างแข็งไว้เหมือนกับปะการังทั่วไป ปัจจัยแวดล้อมทางกายภาพที่ส่งผลต่อการเจริญเติบโตและการสืบพันธุ์ของปะการังพวกนี้ ได้แก่ พายุและคลื่น กระแสน้ำ แสง สารอาหารในมวลน้ำ ตะกอน ความเค็ม และอุณหภูมิ

"เมื่อพิจารณาถึงสภาวะที่เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตและการสืบพันธุ์ของปะการังอ่อนพบว่า ในกรณีพายุและคลื่นรุนแรง ปะการังอ่อนจะไม่สามารถลงเกาะได้ แต่เนื่องจากปะการังอ่อนได้รับพลังงานจากการดักตะกอนในมวลน้ำ ปะการังอ่อนจึงต้องการสภาวะที่มีกระแสน้ำแรงเพื่อนำพาตะกอนมาได้มาก" ผู้เชี่ยวชาญปะการัง อธิบาย

นอกจากนั้น แสง ยังมีความจำเป็นต่อปะการังอ่อนที่ได้รับพลังงานจากการสังเคราะห์แสงโดย Zooxanthellae แต่ในชนิดที่ไม่มี Zooxanthallae แสงจึงมีความจำเป็นไม่มากนัก สำหรับปัจจัยเรื่องสารอาหารในมวลน้ำและตะกอน ควรมีปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากไปหรือน้อยไป

เนื่องจากสารอาหารที่มีมากไป จะก่อให้เกิดผลกระทบอื่นๆ ตามมา ส่วนตะกอนถ้ามีมากไป จะทำให้เกิดการอุดตันได้ ส่วนความเค็ม โดยทั่วไปแล้ว ปะการังอ่อนจะอยู่ได้ดีในความเค็มที่เหมาะสม แต่สามารถทนทานต่อความเค็มที่สูงมากกว่าความเค็มที่ต่ำกว่าปกติ

สำหรับอุณหภูมิ โดยทั่วไป เนื่องจากปะการังอ่อนบางชนิดอยู่ได้ในน้ำลึก จึงสามารถทนต่ออุณหภูมิที่ต่ำกว่าปกติได้เล็กน้อย แต่ไม่สามารถทนต่ออุณหภูมิที่ต่ำหรือสูงเกินกว่าอุณหภูมิปกติมากจนเกินไปได้



จาก               :             คอลัมน์จุดประกาย   กรุงเทพธุรกิจ  วันที่ 23 พฤศจิกายน 2550
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #43 เมื่อ: มกราคม 03, 2008, 12:35:39 AM »


ปัญหาภาวะโลกร้อนพ่นพิษปะการังไทยตาย

โลกร้อน" ปัญหาฮิตที่กำลังตื่นตระหนกกันไปทั้งโลก เนื่องมาจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศจำนวนมาก ก่อให้เกิดภาวะเรือนกระจก ส่งผลให้อุณหภูมิสูงขึ้น น้ำแข็งจากขั้วโลกละลาย น้ำทะเลสูงขึ้น และอีกหลายภัยธรรมชาติที่เกิดประดังกันในหลายประเทศ

ประเทศไทยเองย่อมหนีไม่พ้นปัญหานี้ นอกจากน้ำท่วมที่เกิดซ้ำซากทุกปี และจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นในปีต่อๆ ยังเกิดปรากฏการณ์ทางทะเล

เมื่อนักวิทยาศาสตร์ทางทะเล ลงไปเก็บข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์ทะเล ที่หมู่เกาะลันตา จ.กระบี่ ในวันที่ 1 พ.ย. พบว่ากลุ่มปะการังอ่อนที่เกาะโขดหิน ได้รับผลกระทบจากกระแสน้ำเย็นที่เกิดจากภาวะโลกร้อน ทำให้ปะการังตายและเสียหายเกือบทั้งหมด

โดยเฉพาะบริเวณเกาะห้าใหญ่ หินม่วงหินแดง ไปจนถึงเกาะรอก เกาะตะรุเตา เป็นระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร ทำให้ปลาชนิดต่างๆ ลดลงไปเป็นจำนวนมาก โดยเมื่อวัดอุณภูมิในทะเลอันดามัน ปกติจะอยู่ที่ 26 องศาเซลเซียส พบว่าบางช่วงมีอุณภูมิเหลือเพียง 15 องศาเซลเซียส

นอกจากนี้ เมื่อตรวจสอบที่หมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา พบว่ามีมวลน้ำจากทะเลลึกข้างนอกเข้ามาในทะเลอันดามัน ทำให้น้ำทะเลที่ความลึก 20 เมตรลงไปเย็นกว่าปกติ รวมทั้งมีค่าอ๊อกซิเจนละลายน้ำต่ำกว่าปกติ

ก่อนหน้านี้ประเทศไทยก็ประสบปัญหาเนื่องจากสภาวะโลกร้อน เมื่อพบว่าการทำนาปรังประสบปัญหา เนื่องจากอุณภูมิที่สูงขึ้น ทำให้ข้าวผสมพันธุ์ไม่ติดกลายเป็นหมัน และปัญหาด้านสาธารณสุข เช่น เชื้อโรคระบาดต่างๆ อย่าง มาเลเรีย และอหิวาตกโรค

ในปี 2551 ภาวะโลกร้อน จะยิ่งทวีปัญหามากขึ้นไปอีก ไทยเองก็หนีไม่พ้น



จาก              :             ข่าวสด    วันที่ 2 มกราคม 2551
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
หน้า: 1 2 [3]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.022 วินาที กับ 17 คำสั่ง