กระดานข่าว Save Our Sea.net
พฤศจิกายน 21, 2025, 04:53:44 PM *
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว: บอร์ดนี้อ่านได้อย่างเดียว ต้องการตั้งกระทู้ใหม่กรุณาใช้งานบอร์ดใหม่ที่
http://www.saveoursea.net/forums/index.php
 
   หน้าแรก   ช่วยเหลือ ค้นหา สมาชิก เข้าสู่ระบบ สมัครสมาชิก  
หน้า: 1 ... 5 6 [7] 8 9 10   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: คุณคิดอย่างไรกับการให้สัมปทานเอกชนเข้าไปจัดการการท่องเที่ยว 10 อุทยานแห่งชาติ  (อ่าน 74616 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #90 เมื่อ: กันยายน 18, 2008, 01:39:39 AM »


เปิดเวทีถกเซ้งอุทยานทส.ขอฟังความเห็น

ทส.ผวาแรงต้านเปิดเอกชนเซ็งลี้อุทยานแห่งชาติ จัดเวทีสาธารณะ 25 ก.ย.รับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย ไม่วายออกตัวไม่ลงลีกในรายละเอียด ด้านกรมทรัพยากรน้ำจัดงานวันอนุรักษ์และพัฒนาแม่น้ำคูคลองแห่งชาติอาทิตย์นี้ สนองพระราชเสาวนีย์สมเด็จพระราชินี

นางอนงค์วรรณ  เทพสุทิน  รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า  ภายหลังที่มีแนวคิดเรื่องจะเปิดให้เอกชนลงทุนเช่าพื้นที่อุทยานแห่งชาติเพื่อก่อสร้างที่พักและรีสอร์ต  จนทำให้มีข้อท้วงติงเข้ามามาก ทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น ดังนั้นจึงเห็นว่าเมื่อมีคนสนใจมาก  ก็ควรจะให้เวทีรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายเพื่อรับข้อเสนอแนะ  โดยคาดว่าจะจัดเป็นลักษณะเวทีเปิด ในวันที่ 25 ก.ย.นี้ ที่ห้องประชุมกรมอุทยานแห่งชาติฯ ซึ่งคาดว่าจะรองรับคนได้เกือบ 200 คน

การเปิดเวทีครั้งนี้  จะเปิดกว้างให้ทุกฝ่ายเข้าร่วมระดมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ ซึ่งน่าจะเป็นทางออกที่ดี  ส่วนเนื้อหาการจัดเวทีคงไม่เจาะลึกในรายละเอียดไปอย่างใดอย่างหนึ่ง

นายศักดิ์สิทธิ์  ตรีเดช  ปลัด ทส. กล่าวว่า คณะทำงานการท่องเที่ยวและการลงทุนดำเนินกิจกรรมในอุทยานแห่งชาติ  ที่มีนายวิชิต  พัฒนโกศัย รองอธิบดีกรมอุทยานฯ เป็นประธาน ได้สรุปแนวทางความเป็นไปได้เบื้องต้นที่จะมีการพัฒนาอุทยานเพื่อการท่องเที่ยว ให้กับนายไพศาล  กุวลัยรัตน์ รักษาการอธิบดีกรมอุทยานฯ แล้ว โดยรายละเอียดจะมีการเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียการดำเนินงานที่ผ่านมา  รวมทั้งปัญหาต่างๆ  และแนวทางความเป็นไปทางด้านกฎหมายและระเบียบ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าคงไม่สามารถหาข้อสรุปได้ในรอบแรก

ด้านนายศิริพงศ์ หังสพฤกษ์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่  17  กันยายนนี้ว่า สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้มีพระราชเสาวนีย์เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ให้พสกนิกรช่วยกันรักษาแม่น้ำคูคลองให้สะอาดและใช้อย่างรู้คุณค่า  หากปล่อยให้เสื่อมโทรมต่อไปจะส่งผลต่อการดำเนินชีวิตของประชาชน  ประกอบกับวันที่ 20 กันยายนของทุกปี เป็นวันอนุรักษ์และพัฒนาแม่น้ำคูคลองแห่งชาติ ในปีนี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ  จึงกำหนดจัดงานดังกล่าวขึ้นที่หน้าพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรี  แม่น้ำแม่กลอง  จังหวัดราชบุรี  ในวันอาทิตย์ที่  21  กันยายนนี้  ในการนี้ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี จะเสด็จไปทรงเป็นประธานเปิดงาน

อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำกล่าวว่า  กิจกรรมภายในงานจะมีขบวนเรือรณรงค์การอนุรักษ์และพัฒนาแม่น้ำ  คูคลอง  และกิจกรรมวิถีชีวิตทางน้ำของประชาชนที่อาศัยอยู่ริมฝั่งน้ำ  นอกจากนี้จะมีกิจกรรมเดินรณรงค์  การประกวดวาดภาพของนักเรียน และการกำจัดวัชพืช เพื่อสร้างความตระหนักให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลแม่น้ำ  คูคลอง  และหนองบึง ซึ่งปัจจุบันมีปัญหาความเสื่อมโทรม ตื้นเขิน คุณภาพต่ำ และมีการบุกรุกเข้าไปใช้ประโยชน์.




จาก                          :                    X-cite  ไทยโพสต์    วันที่ 18 กันยายน 2551
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
สายชล
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8186


Saaychol


« ตอบ #91 เมื่อ: กันยายน 18, 2008, 02:14:38 AM »

หุๆ....น้องผู้สื่อข่าวโทรมาสัมภาษณ์เมื่อบ่ายๆวานนี้  รวดเร็วทันใจออกข่าวเลย

จริงๆแล้วเราเริ่มล่ารายชื่อผู้คัดค้านในเวลาใกล้เคียงกับเพื่อนๆรายอื่นๆที่ยื่นไปแล้ว  แต่ที่ยังไม่ได้ยื่นเพราะสำเนาบัตรประชาชนยังได้ไม่ครบ...

เราจะยื่นรายชื่ออาทิตย์หน้านี้แน่นอนแล้วนะคะ.....ท่านที่ยังไม่ได้ส่งสำเนาบัตรประชาชนมาให้สองสาย  เราจำเป็นต้องขอตัดชื่อออกแล้วล่ะค่ะ ไม่อย่างนั้นคอยกันไปคอยกันมา ไม่ได้ยื่นให้ทางการสักที
บันทึกการเข้า

Saaychol
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #92 เมื่อ: กันยายน 22, 2008, 12:32:55 AM »


คำถามตอบได้ไหม ทำไมให้เช่าอุทยาน ?                                :                           ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์



       ผมคงไม่ต้องเกริ่นถึงความเป็นมาของประเด็นนี้ เพราะเป็นข่าวใหญ่โต เพื่อน ๆ คอลัมน์ข้างเคียง เช่น คุณวินิจ คุณปิ่น ก็เขียนถึง ยังหมายถึงข่าวที่โผล่ตามมาเป็นระยะ แล้วทำไมข้าพเจ้าเพิ่งเขียนล่ะเนี่ย ?
       
       คำตอบคือผมติดภารกิจส่วนตัว ไม่สามารถเขียนได้ จนเวลาลุล่วงมาปานนี้ แต่ก็ยังอยากเขียนนะครับ เพราะมีบางประเด็นไม่เป็นที่กล่าวถึง แถมเรื่องยังไม่จบ เรียกว่ายังทำกันอยู่แบบเงียบ ๆ ผมจึงช่วยให้เรื่องมันไม่เงียบ
       
       เพื่อเป็นการเล่าแบบตรงจุด ผมต้องขยายความว่า ประเด็นนี้มี 2 ขยัก ส่วนแรกคือการใช้กฏหมายปัจจุบัน หรือระเบียบอุทยานปี 2547 ให้เป็นประโยชน์ (ต่อใครก็ไม่รู้) ประเด็นที่สองคือร่างพรบ.ฉบับใหม่ที่ยังไม่เข้าครม. แต่มีการรวบรวมความคิดเห็นกันบ้างแล้ว
       
       เทคนิคที่ใช้ง่ายจะตาย เพราะระเบียบเดิมเขียนไว้ไม่ชัดเจน หากเราพูดถึงการให้เอกชนเข้าไปทำอะไรในอุทยาน ปัจจุบันก็มีอยู่แล้ว เช่น ดำน้ำ ล่องแก่ง ร้านขายของที่ระลึก ฯลฯ แม้แต่การจัดการบ้านพัก หมายถึงมีบ้านพักอุทยานแล้วให้เอกชนมาดำเนินการ เพื่อทำให้สะอาดสะดวกสบาย เพราะเจ้าหน้าที่อุทยานไม่ชำนาญ หรือควรเอาเวลาไปอนุรักษ์ทั้งป่าทั้งทะเล
       
       ผมเห็นด้วยกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้นและเป็นอยู่ แต่ตรงนี้แหละที่เขาเริ่มมีมุก เดิมทีสัญญาเช่าแบบ 1-3 ปี มุกใหม่เป็นสัญญา 5-30 ปี เช่าพื้นที่ในระยะยาว เพื่อให้เอกชนมาลงทุน จะทำอะไร ถ้าไม่ใช่รีสอร์ต (คงไม่มีใครทำสัญญาสามสิบปีเพื่อทำความสะอาดบ้านพัก)
       
       ผมอยากตั้งคำถามแรก อุทยานได้อะไร ? จะตอบแบบไหนก็ได้ครับ ช่วยเอกชนพัฒนาการท่องเที่ยว หารายได้เข้ารัฐ ฯลฯ ผมฟังจบ ผมใคร่ถามต่อ อุทยานเปิดมาทำไมครับ ?
       
       อุทยานเปิดมาด้วย 3 วัตถุประสงค์ หนึ่งคือเพื่อรักษาธรรมชาติ สองคือเพื่อศึกษาวิจัย สามคือเพื่อการนันทนาการ ไม่เคยมีข้อไหนเขียนว่า อุทยานเปิดมาเพื่อหารายได้เข้ารัฐ และถ้าคิดจะเขียนเพิ่มเช่นนั้น เวลาไปประชุมชาวบ้าน เพื่อเตรียมประกาศอุทยาน กรุณาบอกล่วงหน้า บอกว่าเราจะประกาศอุทยานบนพื้นดินที่คุณอยู่มานาน แต่ดันไม่มีเอกสาร จากนั้นเราก็จะเปิดให้เช่า คุณจะกลับมาเช่าก็ได้นะ ในอัตราแค่ไร่ละ 48,000 บาทต่อเดือน
       
       แม้แต่วัตถุประสงค์ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ผมก็ยังสงสัย มีตัวอย่างประกอบด้วยครับ เพราะผมเป็นอาจารย์ มีนิสิตปริญญาโทที่ต้องการเข้าไปศึกษาวิจัยในอุทยาน จำเป็นต้องเก็บตัวอย่างสัตว์น้ำมาวิเคราะห์ (ไม่งั้นจะแยกชนิดได้ไงจ๊ะ จุดธูปถามเจ้าที่เหรอ) ผมก็แนะนำให้เขาทำเรื่องขออนุญาตผ่านมหาวิทยาลัยไปตามขั้นตอน หลายเดือนผ่านไป คำตอบที่ได้รับจากกรมอุทยานฯ คือ ไม่อนุญาต
       
       ผมไม่ได้โกรธเคืองอุทยาน เพราะผมเรียนจบแล้ว นานแล้วด้วย ผมไม่ใช่ลูกศิษย์คนนั้น ผู้ฝันอยากเป็นนักอนุกรมวิธาน ก่อนที่นักวิชาการสปีชีส์นี้จะสูญพันธุ์จากเมืองไทย ผมเพียงแค่สงสัยเหตุใดนักวิจัยจึงไม่มีสิทธิวิจัย ทั้งที่ขอเก็บตัวอย่างสัตว์เพียงไม่กี่ตัว แต่เจ้าของรีสอร์ตมีสิทธิเช่าพื้นที่ตอกเสาขุดดินสร้างห้องสร้างสนาม ก่อผลกระทบคร่าชีวิตสัตว์ไปไม่รู้เท่าไหร่
       
       คำถามคือ ทำไมหรือครับ ? ทำไมอุทยานจึงพยายามไปหารายได้ ไปทำอะไรกับสิ่งที่อุทยานไม่ได้ถูกประกาศมาเพื่อเป้าประสงค์นั้น ? และทำไมอุทยานกลับปฏิเสธสิ่งที่อุทยานถูกประกาศขึ้นมาเพื่อการนั้น ? (อยากเห็นจดหมายปฏิเสธ ข้าพเจ้ายังเก็บไว้อย่างดี ว่าจะใส่กรอบด้วยซ้ำ)
       
       ถึงตอนนี้ เขาคงสั่งกาแฟให้ผมดื่ม อาจารย์ใจเย็น ๆ ประเทศไหนเค้าก็ทำกัน พอได้ฟังเช่นนั้น ผมคงสำลักกาแฟ ฮึ่มแฮ่ เข้าทางครับ เพราะนอกจากเป็นอาจารย์ ผมยังเป็นนักเขียน เรื่องที่หากินอยู่ก็คือเรื่องท่องโลก ท่องไปแค่ 70 ประเทศ เคยทำงานเป็นนักวิจัยให้ Great Barrier Reef Marine Park Authority (GBRMPA) อยู่ 3 ปี ผมใคร่จะบอกว่า...
       
       ผมบอกว่า GBR เปิดให้เอกชนทำรีสอร์ตก็จริง แต่เขามี 2,900 เกาะ เปิดให้ทำรีสอร์ตไม่ถึง 10 เกาะ สิมิลันมีหาดขาวสวย 4 แห่ง เปิดให้ทำ 3 แห่ง (นับตามพื้นที่บริการ) มันจะเหมือนกันได้ไงจ๊ะ
       
       ถ้าเค้าบอกว่า อ้าว...ก็แผนแม่บทที่อาจารย์กับเพื่อน ๆ เคยช่วยทำ กำหนดพื้นที่บริการไว้อย่างนั้นนี่ ผมก็จะตอบกลับไป พี่ครับ ก่อนที่ผมจะทำแผน ร้านอาหารก็มีอยู่แล้ว ศูนย์บริการก็มีอยู่แล้ว เพราะเราเปิดอุทยานตั้งแต่ปีมะโว้ สร้างโน่นสร้างนี่ เสร็จแล้วค่อยทำแผน ถ้าพวกผมนักวิชาการบอกให้รื้อทิ้ง พี่จะรื้อไหมครับ ? เพราะฉะนั้น ย่อหน้าต่อไปแสนสำคัญ ใช้อ้างอิงได้ทันทีที่ได้ยินคำว่า “พื้นที่บริการ”
       พื้นที่บริการในเขตอุทยานหลายแห่งของประเทศไทย โดยเฉพาะหมู่เกาะสุรินทร์และสิมิลัน มิใช่เป็นพื้นที่เหมาะสม ในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ให้เหลือน้อยที่สุด แต่เป็นพื้นที่ราบ มีน้ำจืด สะดวกสุดในการสร้างบ้านพักเจ้าหน้าที่ และการคมนาคมขนส่ง ประเด็นนี้จึงไม่ควรนำมาเป็นคำตอบว่า เอกชนสร้างรีสอร์ตตรงนั้นได้ เพราะเป็นพื้นที่บริการ ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
       
       คำถามอาจกลับมา อ้าว...ยังไงอุทยานก็มีบ้านพักอยู่แล้วนี่ อุทยานไม่มีตังค์ทำให้ดี ให้เอกชนทำดีกว่ามั้ง ? นั่นก็มีส่วนจริง แต่พอเกิดปัญหา มันไม่เหมือนกันน่ะสิครับ ถ้าเป็นของรัฐ พอมีปะการังตาย เราก็ยังพูดจาบอกกล่าวกันได้ พี่ครับ ลดจำนวนนักท่องเที่ยวเถอะครับ หรือช่วงนี้ขอปิดไม่ให้นอนบนเกาะได้ไหมครับ (เคยทำแล้ว สมัยสึนามิ) แต่ถ้าเป็นเอกชน ปะการังตาย เราไปบอก เค้าก็หัวเราะร่า อาจารย์ครับ ผมทำตามมาตรฐานแล้วนี่ ปะการังมันตายเพราะโลกร้อนต่างหาก
       
       คราวนี้แหละครับ ปัญหามาแน่ ใครจะเป็นคนแยกสาเหตุ ปะการังตายเพราะโลกร้อน หรือเพราะผลกระทบจากรีสอร์ต มันยากพอ ๆ กับแยกว่า แฟนหักอกเราเพราะเหตุใด มีตั้งร้อยแปดพันประการกระทำร่วมกัน ถึงแม้ว่า เราแยกได้จริง ศาลเค้าจะรับฟังไหม ? (ถ้าผมเป็นเจ้าของรีสอร์ต ลงทุนไปร้อยล้าน เปิดบริการไปได้ปีสองปี ปะการังตาย ถูกบังคับให้เลิกทำ ยังไงผมก็ฟ้องศาล ระหว่างศาลดำเนินการห้าปีสิบปี ผมก็ยังทำกิจการรีสอร์ตของผมต่อไปได้ เพราะยังไม่มีการพิสูจน์ว่า ผมผิดจริง)
       ผมรีบกล่าวถึงมุกสอง ก่อนที่หน้ากระดาษจะหมด มุกนี้มีอยู่ว่า ร่างพรบ.ฉบับใหม่ที่กำลังพิจารณา มาตรา 40 อธิบดีอุทยานฯ มีอำนาจอนุญาตหรือทำข้อตกลงผูกพัน ให้บุคลเข้าไปลงทุนก่อสร้างกิจการท่องเที่ยว ที่พักแรม ในเขตบริการ ที่ละไม่เกิน 10 ไร่ คราวละไม่น้อยกว่า 5 ปี แต่ไม่เกิน 30 ปี
       
       ดูแล้วเหมือนมุกแรกใช่ไหมครับ เขาทำมาเพื่อเตรียมไว้หากมุกแรกไม่ผ่าน เพราะระเบียบปัจจุบันไม่ชัด นอกจากนี้ ยังให้อำนาจอธิบดีอุทยานฯ ไว้เต็มที่ ซึ่งความถี่ในการเปลี่ยนท่านอธิบดีของกรมนี้ เท่าที่ผ่านมาในระยะเวลาสองสามเดือน เปลี่ยนไปแล้ว 3 ท่าน ผู้อำนวยการสำนักอุทยานฯ ก็เปลี่ยนด้วยอัตราใกล้เคียงกัน ผมจึงไม่มั่นใจกับท่านอธิบดีในอนาคต ผู้อาจถูกย้ายมาทำงานเฉพาะกิจ
       
       ถึงตรงนี้ ผมมีข้อเสนอครับ เพื่อแสดงให้เห็นว่า ไม่ใช่ถามเป็นอย่างเดียว เสนอก็เป็น ผมเสนอว่า ทำไมไม่ให้อำนาจการพิจารณากับคณะกรรมการอุทยานแห่งชาติ มีผู้ทรงคุณวุฒิจากหลายส่วนเข้ามาร่วม หากคิดในทางเลวร้าย เค้าก็ตั้งคนเข้ามาได้อยู่ดีแหละ แต่อย่างน้อย การเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการที่มีวาระ 2 ปี (ไม่ขึ้นกับรัฐบาลไหนมาเมื่อไหร่) คงยากกว่าการเปลี่ยนอธิบดีเพียงคนเดียว ที่ทำได้ในเวลาเพียงไม่กี่วัน
       
       ผมยังมีหลายมุก แต่ยังไม่ชัดเจน เอาไว้วันหลังจะเล่า เท่าที่บอกมาแค่นี้ ผมก็คงอ่วมแล้ว แต่...แฮ่ม เราเป็นลูกทะเล เจอคลื่นสูงสี่ห้าเมตรยังหัวเราะร่า ฮ่า ๆ เอิ๊ก ผมยังเชื่อโดยบริสุทธิใจ หลายคนในกรมอุทยานฯ ไม่เห็นด้วยกับประเด็นนี้ หรืออาจเห็นด้วยในแนวคิด แต่ไม่มีความมั่นใจในระบบที่ใช้ในการคัดเลือก ตรวจสอบ และลงโทษผู้กระทำผิด
       
       "รักป่า หวงดง หลงทะเล" ถ้อยความนี้เคยเขียนไว้กลางโรงอาหารเกาะสุรินทร์ก่อนโดนคลื่นสึนามิ ใครที่คิดจะเปลี่ยนเป็น "ให้เช่า ได้ตังค์ ดีใจ" ผมมีคำถามฝากไว้
       
       "คิดว่าเรื่องนี้จะง่าย ๆ และเงียบ ๆ หรือครับ ?"




จาก                              :                          ผู้จัดการออนไลน์      วันที่ 21 กันยายน 2551 
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
แม่หอย
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1404



« ตอบ #93 เมื่อ: กันยายน 22, 2008, 09:04:41 AM »

ยุ่งมากๆๆๆๆ ไม่อยู่บ้านหลายวัน และไม่มีโอกาสเข้าบ้าน SOS เลย เพิ่งได้กลับมาถึงห้อง เปิดบ้านปุ๊บ เลือกอ่านหัวข้อนี้เป็นอันดับแรก เพราะกลัวว่าจะตกข่าวอะไรหรือเปล่า ..คลิกไปหน้าล่าสุด...

อ่านเสร็จ ขอบอกว่าไม่เคยรู้สึกรักอาจารย์ธรณ์เท่านี้มาก่อน .. อ่านแล้วกรี๊ดๆ .. รักจัง ..จุ๊บ จุ๊บ..
คิดถึงอาจารย์ ดร.สุรพล สุดารา คิดถึงพี่ๆ น้องๆ .. หลายคนอยู่ในแวดวงวิชาการ ตอนนี้เติบใหญ่กันไม่น้อย เป็นที่นับหน้าถือตา ช่วยกันส่งเสียงดังๆ แบบอาจารย์ธรณ์หน่อยพี่น้อง..
บันทึกการเข้า
Sri_Nuan.Ray
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: หญิง
กระทู้: 1808



เว็บไซต์
« ตอบ #94 เมื่อ: กันยายน 22, 2008, 09:07:53 AM »

พี่จิน คิดเหมือนน้องเลย ค่ะ จุ๊บๆๆ พี่จิน ด้วยค่ะ   
บันทึกการเข้า

~~~ หากเราหยุดนิ่ง ทุกอย่างที่ผ่านมา คือ อดีต.... ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อมันจะได้เป็นอดีตที่มีค่าแก่ ความทรงจำของเรา  ~~~
Plateen
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 522



« ตอบ #95 เมื่อ: กันยายน 22, 2008, 10:24:40 AM »

ติดตามอ่านผลงาน อ.ธรณ์ มาก็นานอยู่ ได้อ่านบทความของอาจารย์มาก็ไม่น้อย
แต่ครั้งนี้บอกได้คำเดียวว่า "คม"มาก
ฟันเข้ากลางเป้าเจาะเข้าตรงประเด็น ไม่ต้องร่ายรำ ไม่อ้อมค้อม
ถ้านักการเมืองที่พยามยามผลักดันอยู่ยังไม่รู้สึกรู้สาอีก คงเหลืออย่างเดียวแล้วครับ

หนาโคตรเลย
บันทึกการเข้า

For God so loved the world, that he gave his only begotten Son, that whosever believeth in him should not perish, but have everlasting life[John3:16]
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #96 เมื่อ: กันยายน 22, 2008, 10:50:38 AM »


ลงประกาศใน นสพ.ว่าจะนัดประชุมวันที่ 25 ที่กรมอุทยานฯ  แต่วันนี้ แว่วมาว่าจะเปลี่ยนเป็นวันที่ 24 ซะแล้ว จัดที่ไหนยังไม่ชัดเจน

เลยชักสงสัยว่า เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา จะให้สับสนหรือเปล่า หรือ กะจะให้งงแล้วหลงไปผิดวันผิดที่  จะได้ประชุมกันเองเสียให้จบๆไป

ทีแรกยังไม่แน่นอนว่าจะไป  แต่มีเสศนัยอย่างนี้ คงต้องไปเสียแล้ว  แต่ไม่รู้ว่าจะไปผิดวันหรือเปล่า

บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
ravevat
ตอบกระทู้เยอะ ๆ จะได้ 2 ดาว
*
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 1


« ตอบ #97 เมื่อ: กันยายน 22, 2008, 11:23:18 AM »

  งานนี้ไม่ใครก็ใครได้อิ่มกันแน่ๆเลย ข้าวปลาไม่ต้องกินกันแล้วกินหินกินดินแทนกันเลย
บันทึกการเข้า
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #98 เมื่อ: กันยายน 23, 2008, 01:09:52 AM »


โรงแรมในอุทยานแห่งชาติ                                               โดย: เสรี เวชชบุษกร ประธานชมรมนักนิยมธรรมชาติ


ผาหล่มสัก ภูกระดึง

      ประเด็นร้อนสุดๆเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในขณะนี้ไม่มีเรื่องใดที่น่าสนใจไปกว่า โครงการสัมปทานโรงแรมในอุทยานแห่งชาติซึ่งริเริ่มโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมอันที่จริงความคิดเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ มันเคยเกิดขึ้นมาแล้วเกือบทุกรัฐบาล ตั้งแต่พ.ศ.2525 จนถึงปัจจุบัน นับได้ประมาณ 5-6 ครั้ง แต่ที่เป็นข่าวใหญ่มีอยู่ครั้งเดียว คือ เมื่อ พ.ศ.2535 นับว่าเป็นความโชคดีของประเทศไทย ที่โครงการเหล่านั้นไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากทนแรงต่อต้านของกลุ่มนักอนุรักษ์ไม่ไหว
       
       ความคิดที่จะให้มีการอนุญาตสัมปทานโรงแรมในอุทยานแห่งชาตินั้นสันนิษฐานว่า คงจะเนื่องมาจากผู้บริหารของเราเคยไปดูงานที่สหรัฐอเมริกา เห็นเขามีโรงแรมขนาดใหญ่ในอุทยานแห่งชาติ ก็เลยเห็นดีเห็นงาม อยากจะให้มีในอุทยานแห่งชาติของเราบ้าง สันนิษฐานของผมอีกข้อหนึ่งคือ นักธุรกิจที่สายตาไกลจะมองเห็นกำไรอย่างมหาศาล หากสามารถสร้างโรงแรมในอุทยานแห่งชาติได้ เพราะมันเป็นแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่ดีที่สุดของประเทศ มีลูกค้าชั้นดีแน่นอน และสามารถคุ้มทุนในระยะสั้น

   
ป่าดึกดำบรรพ์ อินทนนท์    
 
       ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ นักธุรกิจเหล่านั้นมักจะเป็นผู้มีความสัมพันธ์อันดีกับนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลและอดที่จะเอ่ยเสียมิได้ ก็คือหน่วยงานที่บริหารการท่องเที่ยวมักจะสนับสนุนโครงการดังกล่าว เพราะเป็นหน้าที่โดยตรงของเขา
       
       ผมขอเล่าถึงต้นตอที่เป็นจุดกำเนิดของความคิดเกี่ยวกับสัมปทานโรงแรมในอุทยานแห่งชาติสักเล็กน้อย เมื่อปี ค.ศ.1872 สหรัฐอเมริกาได้ประกาศจัดตั้งเยลโลสโตน เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของประเทศ และเป็นแห่งแรกของโลกด้วย
       
       วัตถุประสงค์ของการจัดตั้งในตอนนั้น ก็เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเท่านั้น และต้องการให้เอกชนเข้าไปลงทุนบริการต่างๆ แล้วเก็บค่าเช่าเพื่อนำเงินไปใช้ให้เอกชนเป็นค่าดูแลรักษาพื้นที่ อุทยานแห่งชาติแรกๆของสหรัฐอเมริกา เช่น เยลโลสโตน โยเซมิตี และแกรนด์ แคนยอน จะมีอาคารสำหรับบริการนักท่องเที่ยวอย่างหนาแน่น ประเทศแคนาดาก็พัฒนาโดยการลอกเลียนแบบอเมริกา
       
       ดังจะเห็นได้จากอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของเขาได้สร้างศูนย์บริการนักท่องเที่ยว เป็นชุมชนขนาดใหญ่อยู่ในเขตอุทยาน อุทยานแห่งชาติแรกๆของประเทศออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ก็พัฒนาตามแนวคิดของอเมริกา ปรากฏว่ามีโรงแรมในอุทยานแทบทุกแห่ง

   
ทิวทัศน์ ณ จุดชมวิวห้วยน้ำดัง    
 
       กาลเวลาผ่านไปหลายสิบปี ความคิดที่ว่าดีในสมัยนั้นก็ออกฤทธิ์ไปทางลบ และยังไม่สามารถแก้ไขได้กระทั่งทุกวันนี้ กล่าวคือสิ่งก่อสร้างทั้งหลายยังคงแออัดอยู่ในบริเวณที่มีทิวทัศน์สวยงาม และมีผลกระทบต่อสัตว์ป่าและสิ่งแวดล้อม ปัญหาสำคัญ คือ หน่วยงานอุทยานแห่งชาติไม่สามารถควบคุมสัมปทานให้ดำเนินการไปตามเงื่อนไขในสัญญาเนื่องจากเจ้าของสัมปทานส่วนใหญ่มีอิทธิพลมาก และมีความสัมพันธ์อย่างแนบแน่นกับนักการเมือง ซึ่งมีผลประโยชน์ร่วมกัน ปัญหาใหญ่ที่ยังคาราคาซังอยู่ คือ อุทยานไม่สามารถบอกเลิกสัมปทานได้
       
       ประสบการณ์ดังกล่าวเป็นบทเรียนสำหรับผู้บริหารอุทยานแห่งชาติทั่วโลก ฉะนั้นในช่วง 30 ปี ที่ผ่านมา แทบจะไม่มีสัมปทานโรงแรมขนาดใหญ่เกิดขึ้นในอุทยานแห่งชาติใดๆในโลก แต่สัมปทานบริการอื่นๆยังคงมีอยู่ เช่น การขายอาหาร ขายของที่ระลึก การนำเที่ยว และการขนส่ง เนื่องจากเห็นว่าสามารถควบคุมดูแลได้ง่ายและมีผลกระทบน้อย

   
ฝูงกวางออกหากินที่เขาใหญ่    
 
       มีคำถามว่า แล้วจะให้นักท่องเที่ยวไปพักที่ไหน คำตอบจากหน่วยงานบริหารอุทยานแห่งชาติทั่วโลกเห็นพ้องกันว่า ควรให้ไปใช้บริการของเอกชนที่อยู่นอกเขตอุทยาน เพื่อว่าจะได้กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ขณะเดียวกันอุทยานแห่งชาติจะได้ลดภาระในการดูแล และมีเวลาทำหน้าที่หลักมากขึ้น ได้แก่ การป้องกันทรัพยากร การให้ความรู้และความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว
       
       หากมีโอกาสเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติในยุโรป เช่น ประเทศฟินแลนด์ นอร์เวย์และสวีเดน จะพบว่า เขาไม่มีโรงแรมในเขตอุทยานสักแห่งเดียว แต่จะมีอยู่ในบริเวณชายเขต
       
       สำหรับ สหรัฐอเมริกา ปัจจุบันเขาจะส่งเสริมให้เอกชนไปพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อบริการนักท่องเที่ยวในบริเวณก่อนเข้าถึงเรียกว่า "Gateway Community" นักท่องเที่ยวจะเข้าไปหาความเพลิดเพลินในอุทยานตอนกลางวัน และพักข้างนอกตอนกลางคืนหลักคิดเช่นนี้ ควรนำมาใช้ในประเทศไทยด้วย

   
ยอดพะเนินทุ่ง แก่งกระจาน   
 
       อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถยุติการบริการพักแรมในอุทยานได้อย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะที่พักแรมของเยาวชน ในรูปแบบของอาคารหรือลานกางเต็นท์ ยังควรมีอยู่ต่อไป เพราะโครงการสร้างสร้างจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติแก่เยาวชน เป็นเพราะหน้าที่ของอุทยานโดยตรง ส่วนอุทยานแห่งชาติที่อยู่ห่างไกล และไม่มีบริการของเอกชนที่อยู่ใกล้เคียง ก็ให้มีที่พักแรมตามความจำเป็น
       
       ถ้าไม่เอาสัมปทานแล้วจะเอาใคร หน่วยงานอุทยานแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา ได้เปลี่ยนแนวคิดจากสัมปทาน ไปใช้บริการขององค์กรเอกชนที่ไม่หวังผลกำไร (non – profit organjzation) องค์กรเหล่านี้จะไม่ก่อปัญหา แต่จะช่วยสนับสนุนและทำงานสอดคล้องกับอุทยานเป็นอย่างดี
       
       อีกทั้งยังแบ่งกำไรทั้งหมดให้แก่อุทยานเพื่อนำไปใช้ในการบริหาร เช่น อุทยานแห่งชาติโยเซมิติ ได้รับบริจาคเงินจากองค์กรดังกล่าว ประมาณร้อยละ 20 ของงบประมาณทั้งปี นอกจากนี้อุทยานยังได้ใช้ประโยชน์จากอาสาสมัคร และสามารถลดค่าจ้างบุคลากรได้เป็นอันมาก
       
       ถึงเวลาแล้วที่กรมอุทยานแห่งชาติฯจะต้องจัดทำนโยบายด้านบริการนักท่องเที่ยวเสียใหม่ เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการผมมีความคิดเบื้องต้น ดังนี้
       
       1. ควรกำหนดให้แน่นอนว่า อุทยานใดจะมีบริการพักแรมและอุทยานใดไม่มีบริการพักแรม เพื่อว่าจะได้กำหนดบุคลากรและสิ่งอำนวยความสะดวกได้ถูกต้อง
       
       2.ควรส่งเสริมให้เอกชนจัดบริการอยู่ภายนอก และอุทยานช่วยประชาสัมพันธ์ให้ไปใช้บริการดังกล่าว
       
       3.ให้โอกาสคนในท้องถิ่นดำเนินธุรกิจก่อน เมื่อไม่มีจึงให้บุคลภายนอกเข้ามาทำ
       
       4.ควรพิจารณาใช้ประโยชน์จากองค์กรเอกชนที่ไม่หวังกำไรและอาสาสมัคร

   
น้ำตกเอราวัณ อช.เอราวัณ 
 
       สรุป จากบทเรียนที่ได้รับจากต่างประเทศเกี่ยวกับปัญหาสัมปทานโรงแรมก็พอจะเป็นแนวคิดที่ว่า เราควรหลีกเลี่ยงโครงการดังกล่าว ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ควรส่งเสริมให้เอกชนพัฒนาบริการนักท่องเที่ยวอยู่นอกเขตอุทยาน พร้อมทั้งช่วยอุดหนุนเงินทุน วิชาการ และสาธารณูปโภคที่จำเป็น ซึ่งจะช่วยให้เกิดความยั่งยืน ทั้งทรัพยากรธรรมชาติ เศรษฐกิจ และสังคม
       
       การเมืองเป็นปัจจัยสำคัญ ที่มักจะริเริ่มโครงการที่ขัดกับวัตถุประสงค์ของการอนุรักษ์อยู่เสมอ จึงเป็นหน้าที่ของหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ต้องชี้แจ้งข้อมูลที่ถูกต้อง เพื่อการตัดสินใจที่ถูกต้องและต่อไปนี้ควรจะร่างนโยบายเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์ในอุทยานแห่งชาติ โดยประยุกต์ใช้แนวคิดแบบสากล เพื่อเป็นหลักปฏิบัติต่อไป ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาลใครจะเป็นผู้บริหาร ก็จะต้องปฏิบัติตามกรอบที่กำหนดไว้
       
       สุดท้ายนี้ผมหวังว่าบทความนี้คงจะเป็นประโยชน์บ้างตามสมควร และแอบหวังลึกๆว่า โครงการสัมปทานโรงแรมในครั้งนี้ คงจะเป็นครั้งสุดท้าย
       
           
       * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * * *


       หมายเหตุกองบรรณาธิการ : บทความ"โรงแรมในอุทยานแห่งชาติ" เป็นการนำเสนอมุมมองที่แตกออกมาจากประเด็นร้อนในเรื่องของการเปิดให้เอกชนเข้าไปสัมปทานทำธุรกิจในพื้นที่ 10 อุทยานแห่งชาติชื่อดัง ประกอบด้วย อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่, ห้วยน้ำดัง, ดอยอินทนนท์, ดอยสุเทพ-ปุย, ดอยผ้าห่มปก, ภูกระดึง, แก่งกระจาน, เอราวัณ, หมู่เกาะสิมิลัน และหมู่เกาะสุรินทร์ โดยกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ซึ่งล่าสุด ทาง ทส. ได้ถอนเรื่องออกจากมติครม. เนื่องจากมีกระแสต่อต้านและคัดค้านจำนวนมาก แต่ก็ไม่ควรที่จะนิ่งนอนใจเพราะในอนาคตอาจจะมีการรื้อฟื้นโครงการนี้ขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ก็ได้
 



จาก                                :                             ผู้จัดการออนไลน์     วันที่ 22 กันยายน 2551 
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
Plateen
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 522



« ตอบ #99 เมื่อ: กันยายน 23, 2008, 01:46:10 AM »

 หมายเหตุกองบรรณาธิการ : บทความ"โรงแรมในอุทยานแห่งชาติ" เป็นการนำเสนอมุมมองที่แตกออกมาจากประเด็นร้อนในเรื่องของการเปิดให้เอกชนเข้าไปสัมปทานทำธุรกิจในพื้นที่ 10 อุทยานแห่งชาติชื่อดัง ประกอบด้วย อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่, ห้วยน้ำดัง, ดอยอินทนนท์, ดอยสุเทพ-ปุย, ดอยผ้าห่มปก, ภูกระดึง, แก่งกระจาน, เอราวัณ, หมู่เกาะสิมิลัน และหมู่เกาะสุรินทร์ โดยกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ซึ่งล่าสุด ทาง ทส. ได้ถอนเรื่องออกจากมติครม. เนื่องจากมีกระแสต่อต้านและคัดค้านจำนวนมาก แต่ก็ไม่ควรที่จะนิ่งนอนใจเพราะในอนาคตอาจจะมีการรื้อฟื้นโครงการนี้ขึ้นมาอีกเมื่อไหร่ก็ได้
 


อ่านมาจนจบมาตื่นเต้นเอาตรงหมายเหตุบก.นี่เอง
ขอให้มันจริงเถอะ แต่สังหรณ์ใจยังไงชอบกลว่ามันคงไม่จบง่ายๆยังงี้มั้ง
บันทึกการเข้า

For God so loved the world, that he gave his only begotten Son, that whosever believeth in him should not perish, but have everlasting life[John3:16]
สายชล
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 8186


Saaychol


« ตอบ #100 เมื่อ: กันยายน 23, 2008, 02:31:22 AM »


จะถอนหรือไม่ถอน...พวกเราก็ขอคัดค้านไว้ก่อนแล้วล่ะค่ะ....
บันทึกการเข้า

Saaychol
angel frog
อีกไม่กี่กระทู้ก็ได้5ดาวแล้วเร่งมือหน่อย
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 371


สุขก็ชั่วคราว ทุกข์ก็ชั่วคราว


« ตอบ #101 เมื่อ: กันยายน 23, 2008, 03:16:04 AM »

บอกได้คำเดียวว่า  ถ้าเรื่องนี้เอกชนเข้ามาได้จริงๆ   เลือดต้องนองแผ่นดิน  ...แหง๋ๆ
บันทึกการเข้า
conundrum
อีกไม่กี่กระทู้ก็ได้5ดาวแล้วเร่งมือหน่อย
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 454


« ตอบ #102 เมื่อ: กันยายน 23, 2008, 03:58:45 AM »

จะเอายังงัยเนี่ย  ยึกยัก ยึกยัก 
บันทึกการเข้า
สายน้ำ
Moderator
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 4627



« ตอบ #103 เมื่อ: กันยายน 24, 2008, 12:52:44 AM »


ยังไม่เลิกกินอุทยาน เอกชนเสนอแผนสร้างรร.ห้าดาวบนเกาะตะรุเตา



     กรมอุทยานฯยังไม่เลิก เดินหน้าสำรวจ 7 อุทยานแห่งชาติทางทะเลฝั่งอันดามันให้เอกชนเช่า ล่าสุดกลุ่มบริษัทบ้านปูละคร เสนอแผนลงทุนโรงแรม 5 ดาว ที่อ่าวเมาะและ เกาะตะรุเตา
       
       ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เตรียมจัดประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็น กรณีนโยบายเอกชนเข้าใช้พื้นที่อุทยานแห่งชาติ เพื่อจัดบริการท่องเที่ยวในวันที่ 24 ก.ย. นี้ แต่ในระดับพื้นที่กลับมีการเนินการสำรวจเปิดเช่าอุทยานแห่งชาติ โดยล่าสุดสรุป 7 อุทยานแห่งชาติที่มีศักยภาพเปิดเอกชนเช่าพื้นที่ได้แล้ว
       
       จากการตรวจสอบเอกสารการประชุมคณะกรรมการอำนวยการด้านการส่งเสริมให้เอกชนเข้าร่วมบริการการท่องเที่ยวในอุทยานแห่งชาติ ที่มีนายวิชิต พัฒนโกศัย รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เป็นประธาน โดยการประชุมเมื่อวันที่ 8 ก.ค. 2551 ได้สรุปแผนศึกษาความเป็นไปได้ในการเปิดเช่าอุทยานแห่งชาติ โดยแบ่งคณะทำงานเพื่อพิจารณาตามความเหมาะสมของพื้นที่ออกเป็น 3 ชุด คือ ชุดที่ 1 ภาคใต้ ชุดที่ 2 ภาคเหนือ และชุดที่ 3 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก ภาคตะวันตก และภาคกลาง
       
       สำหรับหน้าที่ของคณะทำงานดังกล่าวจะทำหน้าที่สำรวจ ตรวจสอบ วิเคราะห์และนำเสนอรายละเอียดความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ในเขตความรับผิดชอบ พร้อมสรุปบริเวณที่จะให้เอกชนลงทุนในพื้นที่อุทยานแห่งชาติ นอกจากนี้คณะกรรมการอำนวยการฯได้จัดประชุมครั้งที่ 2/2551 เมื่อวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยนายนภดล พฤกษะวัน หัวหน้าคณะทำงานชุดที่ 1 (ภาคใต้) ได้สรุปรายละเอียดการสำรวจอุทยานภาคใต้เบื้องต้นเสนอต่อคณะกรรมการอำนวยการฯ กระทั่งมีมติเลือก 7 อุทยานแห่งชาติ และกำหนดจุดบริการเพื่อการท่องเที่ยว 24 แห่ง ประกอบด้วย

        1.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา บริเวณเกาะตาชัย เนื้อที่ 45 ไร่ บริเวณอ่าวงวงช้าง เกาะแปด พื้นที่ 40 ไร่

       2.อุทยานแห่งชาติสิรินาถ จ.ภูเก็ต บริเวณท่าฉัตรไชย หาดลายัน เนื้อที่ 70 ไร่ และบริเวณหัวแหลมอ่าวปอ เนื้อที่ 30 ไร่
       
       3.อุทยานแห่งชาติเขาลำปี-หาดท้ายเหมือง จ.พังงา บริเวณพื้นที่ตั้งหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ลป.3 (ปาง) และบริเวณข้างเคียง และบริเวณพื้นที่ตั้งหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ลป.3 (ปาง) ต่อเนื่องไปทางทิศเหนือ 4.อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี จ.กระบี่ มี 4 แห่งคือบริเวณหาดนพรัตน์ธารา พื้นที่ 5 ไร่ บริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติแห่งที่ 2 (สุสานหอย) เนื้อที่ 12 ไร่ บริเวณที่ราบเกาะปอดะใน เนื้อที่ 70 ไร่ และบริเวณอ่าวต้นไทร เกาะพีพีดอน เนื้อที่ 40 ไร่
       
       5.อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม จ.ตรัง รวมพื้นที่ 7 แห่ง รวมทั้งหมด 1,910 ไร่ ได้แก่บริเวณที่ทำการอุทยาน (หาดฉางหลาง) เนื้อที่ 809 ไร่ บริเวณหาดยาว เนื้อที่ 440 ไร่ บริเวณเกาะกระดาน เนื้อที่ 118 ไร่ บริเวณหาดหยงหลิน เนื้อที่ 53 ไร่ บริเวณหาดฉางหลาง (เพิ่มเติม) เนื้อที่ 179 ไร่ บริเวณหาดสั้น เนื้อที่ 162 ไร่ และบริเวณเกาะมุก เนื้อที่ 149 ไร่
       
       6.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะลันตา จ.กระบี่ 2 แห่ง คือพื้นที่ตั้งอุทยานแห่งชาติ 1 (เกาะรอก) เนื้อที่ 336 ไร่ บริเวณชายหาดอ่าวไม้ไผ่ ใกล้จุดที่ทำการอุทยานฯลันตา เนื้อที่ 26 ไร่ และ 7.อุทยานแห่งชาติตะรุเตา จ.สตูล 4 จุด คือบริเวณอ่าวจาก เกาะตะรุเตา เนื้อที่ 80 ไร่ อ่าวเมาะและ เกาะตะรุเตา เนื้อที่ 40 ไร่ บริเวณอ่าวราชา เกาะราวี เนื้อที่ 30 ไร่ และบริเวณอ่าวตะโละปะเหลียน เกาะราวี เนื้อที่ 60 ไร่
       
       นอกจากนั้น ในการประชุมดังกล่าวยังได้มีนำเสนอการขออนุญาตเช่าพื้นที่บริการบริเวณอ่าวเมาะและ ที่อุทยานแห่งชาติตะรุเตา โดยบริษัทบ้านปูละคร (2550) จำกัด ที่ได้เสนอแผนวิเคราะห์การลงทุนพัฒนาโรงแรมระดับห้าดาวจำนวน 140 ห้อง บนพื้นที่อ่าวเมาะและ แต่ที่ประชุมยังเห็นว่าเอกสารยังไม่ครบถ้วนตามระเบียบว่าด้วยการอนุญาตปี 2547 จึงไม่พิจารณา และให้นำเรื่องกลับไปพิจารณาโดยละเอียดว่าไม่ครบถ้วนในประเด็นใดบ้าง และให้นำเสนอเป็นเอกสารมาอีกครั้ง
       
       แหล่งข่าวจากกระทรวงทรัพยากรฯระบุว่า แผนสำรวจพื้นที่บริการของอุทยานทางภาคใต้ที่เสนอให้กับนายวิชิตเป็นเพียงการพิจารณาความเป็นไปได้เบื้องต้นเท่านั้น เชื่อว่าต้องมีอีกหลายขั้นตอนกว่าจะส่งให้เอกชนมาลงทุนได้ เนื่องจากต้องส่งรายละเอียดให้กับส่วนศึกษานันทนาการและสื่อความหมาย รวมทั้งสำนักวิจัยอุทยานฯพิจารณาว่าพื้นที่บริการเหล่านั้นกำหนดอยู่ในแผนแม่บทการจัดการอุทยานแห่งชาติหรือไม่
       
       “บางแห่งที่กำหนดเขตบริการเพิ่มเติมนั้น หัวหน้าอุทยานแห่งชาติต้องพิจารณานำเสนอให้เป็นไปตามระเบียบกรมอุทยานปี 2547 ข้อ 9 ซึ่งกำหนดไว้ว่าพื้นที่ที่จะขออนุญาตเป็นเขตบริการการอนุญาตและขออนุญาต ซึ่งในเรื่องนี้หัวหน้าอุทยานแห่งชาติต้องรายงนกรมอุทยานฯเพื่อพิจารณาอนุมัติ และกรณีอุทยานที่ยังไม่ได้จัดทำแผนแม่บทการจัดการอุทยาน จะมีการแต่งตั้งคณะกรรมการออกไปสำรวจคัดเลือกพื้นที่และกำหนดเป็นเขตบริการ เพื่อเอกชนสามารถขอใช้ประโยชน์พื้นที่” แหล่งข่าวกล่าว
       
       ด้านนายทรงธรรม สุขสว่าง ผู้อำนวยการสำนักวิจัยอุทยานแห่งชาติกรมอุทยานฯ กล่าวว่า ขณะนี้มีอุทยานแห่งชาติที่มีมีการประกาศจัดตั้งรวม 110 แห่งจากทั้งหมด 148 แห่ง ที่กำหนดเป็นอุทยานฯ และมีเพียง 60 แห่งที่จัดทำแผนแม่ททแล้วเสร็จ แต่ในจำนวนนี้ 45 แห่งหมดอายุแล้ว เช่น เขาใหญ่ ตะรุเตา เกาะพีพี เขื่อนศรีนครินทร์ แก่งกระจาน ถูกระดึง ทับลาน สุรินทร์ สิมิลัน ดอยอินทนนท์ ดอยสุเทพ-ปุย เป็นต้น เนื่องจากกำหนดแผนคราวละ 5 ปี ส่วนอีก15 แห่งยังไม่หมดอายุ ส่วนอีก 50 แห่งยังอยู่ระหว่างการเตรียมจัดทำแผนแม่บทอุทยานแห่งชาติเพิ่มเติม และอีก 38 แห่งกำลังเตรียมการประกาศ
       
       สำหรับแผนแม่บทการจัดการอุทยานแห่งขาติ จะใช้เป็นหลักเกณฑ์ในการบริหารจัดการทรัพยากรในอุทยาน เพื่อให้เกิดความชัดเจนจึงได้โซนนิ่งพื้นที่เอาไว้ 6 ลักษณะ ได้แก่ เขตบริการ เขตนันทนาการ เขตสงวนสภาพธรรมชาติ เขตหวงห้าม เขตฟื้นฟู และเขตกิจกรรมพิเศษ รวมทั้งต้องมีรายละเอียดข้อมูลพื้นฐานเชิงพื้นที่ ทรัพยากรพืช สัตว์ที่มีความโดดเด่น ลักษณะสภาพพื้นที่ อากาศ ดิน น้ำ ชายหาด แหล่งท่องเที่ยว มีประชาชนอยู่หรือไม่ ตลอดจนจำนวนบุคลากร
       
       ดังนั้นเมื่อครบ 4 ปี จึงจำเป็นต้องทบทวนรายละเอียดใหม่ทั้งหมด โดยดูจากปัจจัยทั้งด้านธรรมชาติด้านการท่องเที่ยวที่มีการเปลี่ยนแปลง ส่วนจะนำไปใช้เป็นข้อมูลเพื่อเปิดให้เอกชนใช้พื้นที่หรือไม่นั้น ทางสำนักวิจัยฯไม่ได้รับผิดชอบโดยตรง เพียงแต่อยู่ในแผนแม่บทแห่งหนึ่ง ต้องจ้างนักวิชาการเก็บข้อมูลและสรุปมากกว่า 1ปี




จาก                                :                             ผู้จัดการออนไลน์     วันที่ 23 กันยายน 2551 
บันทึกการเข้า

ความจริงใจ อยู่ที่การกระทำ ไม่ใช่คำพูด .....
WayfarinG
คุณคือสุดยอดรับไปเลย5ดาว
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 2388



« ตอบ #104 เมื่อ: กันยายน 24, 2008, 01:32:47 AM »

-- > ยังไม่เลิกกินอุทยาน เอกชนเสนอแผนสร้างรร.ห้าดาวบนเกาะตะรุเตา


-->สงสัย ไอ้คนที่มันคิดที่จะทำแบบนี้..ไม่คิดว่าจะโดนธรณีสูบบ้างหรืองัย ขายบ้านขายแผ่นดินแบบนี้อะ..

บันทึกการเข้า

If you reject the food, ignore the customs, fear the religion and avoid the people, you might better stay home.  -- > James Michener
หน้า: 1 ... 5 6 [7] 8 9 10   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  

Powered by MySQL Powered by PHP Powered by SMF 1.1.2 | SMF © 2006-2007, Simple Machines LLC | Thai language by ThaiSMF Valid XHTML 1.0! Valid CSS!
หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.035 วินาที กับ 20 คำสั่ง